มิตร ภาพ จาก หัว ใจ
อุมมุ อาอิช
ตัวอย่างภาพแห่งมิตรภาพอันเข้มข้นจากหัวใจ
1. นบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กับอบูบักรฺ อัศ-ศิกดีก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ
เป็นภาพความรักอย่างจริงใจในหนทางของอัลลอฮฺ ตะอาลา และเพื่อพระองค์ ซึ่งบางตอนที่สะท้อนความสัจจริงของความห่วงใยและความรักกัน ก็คือ รายงานที่อบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านนบีมุหัมมัด -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- ได้ปราศรัยกับผู้คนว่า
“แท้จริง พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงให้บ่าวคนหนึ่งเลือกระหว่างโลกดุนยากับสิ่งที่มีอยู่ ณ พระองค์ แล้วบ่าวคนนั้นก็เลือกเอาสิ่งที่อยู่ ณ พระองค์”
แล้วอบู บักรฺ ก็ร้องไห้น้ำตาคลอ พวกเราจึงแปลกใจกับการคลอน้ำตาของท่านเพียงแค่กับการที่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม บอกถึงบ่าวคนหนึ่งที่พระองค์เปิดให้เลือก ซึ่งความหมายแท้จริงก็คือ บ่าวที่ให้สิทธิได้เลือกคนนั้นเป็นท่านเราะสูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เอง และปรากฏว่า อบูบักรฺนั้นเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดีกว่าพวกเรา
ท่านเราะสูลลุลลอฮฺ -ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม- จึงกล่าวว่า
“แท้จริง คนที่ฉันไว้วางใจในการคบหาเขาและในทรัพย์สมบัติของเขามากที่สุดคืออบู บักรฺ หากฉันสามารถเลือกเคาะลีล (คนสุดรัก) นอกจากอัลลอฮฺได้ แน่แท้ ฉันย่อมจะต้องเลือกอบู บักรฺ อย่างไรก็ตาม ท่านคือมิตรในอิสลามและเป็นคนรักคนห่วงใย ประตูบ้านใดที่ประชิดมัสยิดจงปิดให้หมดสิ้น ยกเว้นประตูบ้านของอบูบักรฺ”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม)
อิบนุ เราะญับ ได้กล่าวอธิบายหะดีษนี้ในหนังสือ ละฏออิฟุลมะอาริฟ ว่า หลังจากที่ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่าท่านเลือกจะไปใช้ชีวิตที่นิรันดรโดยที่ไม่บอกตรง ๆ นั้น หลายคนในนั้นไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง ยกเว้นเพื่อนพิเศษของท่านที่เคยอยู่สองต่อสองในถ้ำ ท่านเป็นคนที่เข้าใจความหมายของคำพูดของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม มากที่สุด ท่านจึงคลอน้ำตาเมื่อได้ฟังข่าวนี้พร้อมกับกล่าวว่า เราขอไถ่ท่านกับทรัพย์สมบัติของเรา ตัวเราเอง และลูกหลานเรา (ให้ท่านอยู่กับเราตลอดไปและไม่ให้ท่านไปได้ไหม)
ท่านเราะสูลจึงปลอบท่านด้วยการกล่าวยกย่องและสรรเสริญท่านอบู บักรฺ บนแท่นมินบัรที่ใช้เทศนา เพื่อให้ผู้คนทั้งหมดได้รับรู้ความประเสริฐของท่าน ทำให้พวกเขาไม่ขัดแย้งกันอีกว่า ท่านอบู บักรฺเหมาะสมที่สุดในการสืบทอดการปกครองประชาชาติมุสลิมหลังจากที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
“แท้จริง คนที่ฉันวางใจในการคบหาและทรัพย์สมบัติมากที่สุด คืออบูบักรฺ”
2. ชาวมุฮาญิรีนกับชาวอันศอรฺ
มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างชาวมุสลิมฮาญิรีนและอันศอรฺนั้นเป็นมิตรภาพที่แท้จริง โดยอัลลอฮฺได้ตรัสชื่นชมชาวอันศอรฺว่า
"(และทรัพย์สินฟัยอ์)เป็นของบรรดาผู้ที่จัดเตรียมบ้านเรือนและความศรัทธาก่อนที่พวกเขาจะอพยพมาถึง พวกเขาต่างรักใคร่ผู้ที่อพยพมาหา โดยที่ในหัวใจของพวกเขาไม่มีความต้องการหรือความอิจฉาใด ๆ ในสิ่งที่คนเหล่านั้นได้รับ พวกเขายังให้สิทธิแก่ผู้อื่นก่อนตัวเองเสมอแม้ว่าตัวเองยังมีความจำเป็นอยู่มากก็ตาม และผู้ใดก็ตามที่สามารถปกป้องตัวเองจากความตระหนี่ ผู้นั้นคือผู้ได้รับความสำเร็จ”
(อัล-หัชรฺ : 9)
อบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้รายงานหะดีษที่แสดงถึงความเอื้อเฟื้อของชาวอันศอรว่า
ชาวอันศอรฺได้บอกกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า "ท่านจงแบ่งต้นอินทผลัมของพวกเราให้กับสหายชาวมุฮาญิรีนของพวกเราเถิด"
ท่านนบีตอบว่า “ไม่ต้องหรอก”
ดังนั้น ชาวมุฮาญิรีนจึงได้กล่าวถามว่า "ได้ไหมถ้าหากพวกท่าน(ชาวอันศอรฺ)จะดูแลสวนอินผลัมแทนเราและให้เราได้มีส่วนแบ่งจากผลอินทผลัมของพวกท่านด้วย(โดยที่พวกท่านไม่จำเป็นต้องแบ่งที่ดินให้) ? "
พวกเขาตอบว่า "ได้ เราเชื่อฟังและยินดีที่จะทำตามนั้น"
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์)
อิบนุ กะษีรฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า ประโยคที่ว่า "พวกเขาต่างรักใคร่ผู้ที่อพยพมาหา” นั้นหมายถึง เกียรติศักดิ์และความสูงส่งทางจรรยาบรรณอีกอย่างหนึ่งของชาวอันศอรฺก็คือ พวกเขาจะรักใคร่เมตตาชาวมุฮาญิรีนและให้หลักประกันแก่คนเหล่านั้นด้วยทรัพย์สินของตัวเอง
ส่วนคำว่า “โดยที่ในหัวใจของพวกเขาไม่มีความต้องการหรือความอิจฉาใด ๆ ในสิ่งที่คนเหล่านั้นได้รับ” นั้นหมายถึง พวกเขาไม่เคยมีความรู้สึกอิจฉาต่อชาวมุฮาญิรีนในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ประทานเป็นพิเศษแก่คนเหล่านั้นแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสถานะภาพ ความมีเกียรติ การได้รับการระบุชื่อก่อนคนอื่น และตำแหน่ง เป็นต้น
ส่วนคำว่า “พวกเขายังให้สิทธิแก่ผู้อื่นก่อนตัวเองเสมอแม้ว่าตัวเองยังมีความจำเป็นอยู่มากก็ตาม” นั้น อัล-กุรฏุบีย์ ได้กล่าวว่า การอีษารฺ หรือเสียสละเห็นแก่คนอื่นมากกว่า หมายถึง การให้คนอื่นได้รับปัจจัยและสิ่งดี ๆ ทางวัตถุโลกและทางศาสนาก่อนตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้ เกิดจากการมีความศรัทธาอันแรงกล้า รักเพื่อนจริง และมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก หมายถึงให้คนอื่นได้ดีทั้งทรัพย์สมบัติและสถานะตำแหน่งก่อนตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีจำเป็นต่อสิ่งนั้น ไม่ใช่ว่าพวกเขามีความอิ่มตัวแล้วแต่ประการใด ท่านยังกล่าวว่า การอีษารฺด้วยแรงกายนั้นเหนือกว่าการอีษารฺด้วยทรัพย์สมบัติ
มีสุภาษิตหนึ่งที่บอกว่า "การอุทิศตนด้วยหยาดเหงื่อแรงกายนั้น คือ สุดยอดของการอุทิศ"
ดร.บาบิลลียฺ ได้เขียนในหนังสือ “มะอานิลอุคุวะฮฺ ฟิลอิสลาม วะมะกอซิดิฮา” ว่าความรักนี้ ไม่ใช่เพราะเพื่อชดใช้หนี้บุญคุณที่ชาวมุฮาญิรีนเคยทำไว้กับพวกเขา หรือเพราะต้องการเอาอกเอาใจพวกเขา ทว่าเป็นการกระทำเพราะความศรัทธาแท้ ๆ ที่สานเชื่อมกันในหัวใจของพวกเขา นั่นคือการรักในหนทางของอัลลอฮฺที่สานสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา พวกเขาจึงเปิดใจกว้างเพื่อเพื่อนร่วมศาสนา ก่อนที่จะเปิดประตูบ้านเพื่อพวกเขาเสียอีก
3. รักและเสียสละแม้ลมหายใจรวยริน
ภาพแห่งความประทับใจสำหรับการรักกันที่จริงใจอีกภาพหนึ่งก็คือ บทรายงานของอัล-กุรฏุบีย์ในตัฟสีรของท่าน จากหุซัยฟะฮฺ อัล-อัดวีย์ ว่า
ในวันสงครามตะบูกนั้น ฉันเที่ยวตามหาลูกพี่ลูกน้องของฉันคนหนึ่ง ฉันพาน้ำดื่มเพียงเล็กน้อยไปด้วย ซึ่งตั้งใจว่า หากพบเขาถูกหอกแทง ฉันก็จะรินน้ำให้เขา แล้วฉันก็ได้พบกับเขา
ฉันบอกว่า ให้ฉันรินน้ำให้น่ะ
เขาผงกศีรษะส่งสัญญาณให้ แต่แล้ว ฉันก็ได้ยินชายคนหนึ่งส่งเสียงร้องเจ็บปวด ลูกพี่ลูกน้องของฉันเลยส่งสัญญาณให้ฉันไปรินน้ำให้เขาคนนั้นก่อน ซึ่งปรากฏว่าเขาคือฮิชาม บิน อัล-อาศ
ฉันบอกเขาว่า จะให้ฉันรินน้ำให้ไหม?
เขาทำสัญญาณให้ริน แต่ ปรากฏว่า เขาได้ยินคนอื่นอีกคนร้องครวญครางเจ็บปวดอยู่อีกแห่งหนึ่ง ฮิชามส่งสัญญาณให้ฉันเอาน้ำไปให้คนนั้นก่อน
ฉันเลยมาหาซึ่งพอมาถึงก็ปรากฏว่าเขาได้สิ้นชีวิตเสียแล้ว ฉันจึงกลับมาที่ฮิชาม ก็ปรากฏว่าเขาได้เสียชีวิต แล้วกลับไปหาลูกพี่ลูกน้องซึ่งก็ปรากฏว่าเขาได้เสียชีวิตแล้วเช่นกัน
ผู้แปล: ซุกรีย์นูร จงรักศักดิ์, ซุฟอัม อุษมาน / Islamhouse