การทำดีต่อบิดามารดา
ดร.รอชิด บิน หุเสน อัล-อับดุลกะรีม
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสความว่า
"และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงทำดีต่อบิดามารดา
เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า อุฟ ! และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง
และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน และจงนอบน้อมแก่ท่านทั้งสอง ซึ่งการถ่อมตนเนื่องจากความเมตตา
และจงกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ทรงโปรดเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นที่ทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อเยาว์วัย”
{อัล-อิสรออ์: 23-24}
และทรงอีกตรัสว่า
﴿ وَوَصَّيۡنَا ٱلۡإِنسَٰنَ بِوَٰلِدَيۡهِ حُسۡنٗاۖ ﴾ [العنكبوت: ٩]
"และเราได้สั่งเสียงมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขา"
{อัล-อันกะบูต: 9}
ท่านอิบนุมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า
« سَأَلْتُ رَسُولَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: أَيُّ الْأَعْمَالِ أَحَبُّ إِلَى اللهِ؟ قَالَ: «الصَّلَاةُ عَلَى وَقْتِهَا» قُلْتُ: ثُمَّ أَيٌّ؟ قَالَ: «ثُمَّ بِرُّ الْوَالِدَيْنِ» قُلْتُ: ثُمَّ أَيٌّ؟ قَالَ: «ثُمَّ الْجِهَادُ فِي سَبِيلِ اللهِ» » [متفق عليه]
“ฉันได้ถามท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัมว่า “อะมัลใดที่อัลลอฮฺทรงรักมากที่สุด”
ท่านตอบว่า “คือการละหมาดตามเวลาของมัน”
ฉันก็ถามอีกว่า “อะไรอีกหลังจากนั้น”
ท่านตอบว่า “หลังจากนั้นคือการทำดีต่อบุพการีทั้งสอง”
ฉันก็ถามอีกว่า “อะไรอีกหลังจากนั้น”
ท่านก็ตอบว่า “หลังจากนั้นคือการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺและมุสลิม)
และท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า
« جَاءَ رَجُلٌ إِلَى رَسُولِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَقَالَ: مَنْ أَحَقُّ النَّاسِ بِحُسْنِ صَحَابَتِي؟ قَالَ: «أُمُّكَ» قَالَ: ثُمَّ مَنْ؟ قَالَ: «ثُمَّ أُمُّكَ» قَالَ: " ثُمَّ مَنْ؟ قَالَ: «ثُمَّ أُمُّكَ» قَالَ: ثُمَّ مَنْ؟ قَالَ: «ثُمَّ أَبُوكَ» » [متفق عليه]
“ชายคนหนึ่งมาหาท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม แล้วถามว่า “ผู้ใดคือคนที่มีสิทธิ์มากที่สุดที่ฉันจะต้องคบหาอย่างดี”
ท่านตอบว่า “คือแม่ของท่าน”
เขาถามต่ออีกว่า “ใครอีกหลังจากนั้น?”
ท่านก็ตอบว่า “คือแม่ของท่าน”
เขาก็ถามอีกว่า “ใครอีกหลังจากนั้น?”
ท่านก็ตอบว่า “คือแม่ของท่าน”
เขาก็ถามอีกว่า “ใครอีกหลังจากนั้น?”
ท่านก็ตอบว่า “หลังจากนั้นก็คือพ่อของท่าน”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺและมุสลิม)
ท่านอับดุลลอฮฺ บินอัมรฺ บินอัลอาศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า
« جَاءَ رَجُلٌ إِلَى النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، يَسْتَأْذِنُهُ فِي الْجِهَادِ فَقَالَ: «أَحَيٌّ وَالِدَاكَ؟» قَالَ: نَعَمْ، قَالَ: «فَفِيهِمَا فَجَاهِدْ» » [متفق عليه]
“ฉันคนหนึ่งได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม เพื่อมาเขาอนุญาตท่านในการทำญิฮาด
แล้วท่านก็ถามว่า “พ่อแม่ของท่านยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
เขาตอบว่า “ยังมีอยู่”
ท่านก็ตอบว่า “เช่นนั้น กับท่านทั้งสองนี้แหล่ะ ที่ท่านจงทำญิฮาด(เพียรพยายามทำดี)”
(บันทึกโดยอัลบุคอรียฺและมุสลิม)
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
« «رَغِمَ أَنْفُ، ثُمَّ رَغِمَ أَنْفُ، ثُمَّ رَغِمَ أَنْفُ مَنْ أَدْرَكَ أَبَوَيْهِ عِنْدَ الْكِبَرِ، أَحَدَهُمَا أَوْ كِلَيْهِمَا فَلَمْ يُغْفَر لَهُ» » [أخرجه مسلم]
“ช่างน่าอัปยศ แล้วก็ช่างอัปยศ แล้วก็ช่างอัปยศ
ผู้ที่ทันได้อยู่กับพ่อแม่คนหนึ่งคนใดหรือทั้งสองของเขาในตอนที่ท่านชรา แต่แล้วเขากลับไม่ได้รับการอภัยโทษ ”
(บันทึกโดยมุสลิม)
คำอธิบาย
บิดามารดานั้นมีสิทธิ์อันยิ่งใหญ่ต่อคนเรา อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวไว้คู่กันกับสิทธิของอัลลอฮฺอันเป็นมูลเหตุให้อัลลอฮฺทรงสร้างญินและมนุษย์ขึ้นมา นั่นก็คือ การทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ และทรงสั่งใช้ให้ประพฤติดีและทำดีต่อท่านทั้งสอง นั่นก็เพราะบิดามารดา ต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างยิ่ง –โดยเฉพาะมารดา- ในการอบรมเลี้ยงดูและเอาใจใส่ลูกๆ
ประโยชน์ที่ได้รับ
♣ ต้องทำดีต่อบิดามารดา และห้ามเนรคุณหรือทำร้ายท่านทั้งสอง แม้จะด้วยกับคำพูดที่เล็กน้อยที่สุดก็ตาม
♣ การทำดีต่อท่านทั้งสองนั้นในหนึ่งในงานที่อัลลอฮฺทรงรักมากที่สุด และเป็นสาเหตุให้ได้รับการอภัยบาป และเข้าสวรรค์
♣ สิทธิของมารดาที่เราต้องปฏิบัติดีด้วยนั้น มีมากกว่าและต้องมาก่อนสิทธิของบิดา ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะความอ่อนแอ และความจำเป็นของนาง และความหนักอึ้งที่นางต้องเจอในการเลี้ยงลูก
♣ หนึ่งในสิทธิของท่านทั้งสองคือ เราต้องดุอาอ์ให้ได้ทั้งสองได้รับความเมตตา
♣ ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ดุอาอ์ให้แก่ผู้ที่ไม่ทำดีต่อบิดามารดาในยามท่านชราให้ได้รับความตกต่ำ
والحمد لله رب العالمين، وصلى الله وسلم على نبينا محمد، وعلى آله وصحبه أجمعين.
ผู้แปล: สะอัด วารีย์ / Islamhouse