การละหมาด คือ การชำระบาป
โดย…อาจารย์ อัชร็อฟ ทับทิม
ขอความสันติสุข ความผาสุกทั้งโลกนี้และโลกหน้า จงมีแด่พี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธาทุกท่าน ท่านพี่น้องที่เคารพ คุตบะห์วันศุกร์ ในวันนี้ จะขอพูดเรื่อง การละหมาด คือเกราะป้องกันความชั่วและอบายมุข ทั้งมวล ก่อนอื่นขอพวกเราจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ด้วยการปฏิบัติในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ และละทิ้งห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามแล้วเราจะได้รับความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
การละหมาดเป็นรุก่น (หลักการ) ที่สองของรุก่นอิสลาม และเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งรองลงมาจากการปฏิญาณตน เพราะการละหมาดคือเสาหลักของศาสนา ที่มุสลิมทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาและคงไว้ตราบใดที่ชีวิตยังมีอยู่ อัลลอฮ์ ได้กำชับบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ช่วยกันรักษาและดำรงการละหมาดห้าเวลาไว้ ดังดำรัสของพระองค์ความว่า
“พวกเจ้าจงรักษาการละหมาดทั้งหลายไว้ และละหมาดที่อยู่กึ่งกลาง (คือ ละหมาดอัศริ) และจงยืนละหมาดเพื่ออัลลอฮ์โดยนอบน้อม”
سورة البقرة:238
สิ่งสุดท้ายที่ท่านรอซูล ได้ฝากไว้กับเหล่าเศาะหาบะฮฺของท่านก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไปก็คือการละหมาดห้าเวลา การละหมาดเป็นศาสนกิจอันหนึ่งที่จะช่วยสานสายสัมพันธ์อันดีงามและมั่นคง ระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับบ่าวของพระองค์ นับตั้งแต่เราเริ่มกล่าวตักบีรฺ(อัลลอฮุ อักบัรฺ) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขณะนี้บ่าวกำลังเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ พระองค์ผู้ทรงสร้าง เพราะว่าตั้งแต่ตักบีรจนถึงการให้สลาม เราจะเห็นได้ว่ากิริยามารยาท และทุกอิริยบทที่ถูกแสดงออกมาในช่วงประกอบพิธีละหมาดนั้น คืออิริยบทของบ่าวผู้อ่อนแอที่กำลังเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ คือ พระองค์อัลลอฮ์
ส่วนหนึ่งของประโยชน์สำหรับผู้ที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาด คือ การละหมาดจะช่วยชำระบาป และจะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หรือบาปอันเป็นสิ่งโสโครกที่ติดอยู่ให้หมดสิ้นไป ดังหะดีษบทหนึ่งระบุว่า
ท่าน อบีฮุรอยเราะฮ์ ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า
“พวกท่านลองตอบสิว่า ถ้าหากว่าหน้าประตูบ้านของพวกท่านมีแม่น้ำไหลผ่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้อาบน้ำชำระร่างกายห้าครั้งในทุกๆวัน แล้วท่านยังจะมีสิ่งสกปรกหรือกลิ่นตัวติดเหลือค้างอยู่อีกไหม?”
บรรดาผู้ที่ฟังท่านอยู่ตอบว่า จะไม่มีสิ่งสกปรกลงเหลือเลย
ท่านก็กล่าวอีกต่อไปว่า “ดังนั้นการละหมาดห้าเวลาก็เช่นกัน อัลลอฮ์ จะทรงชำระบาปและความผิดต่างๆ ของพวกท่านด้วยการละหมาด”
(รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)
และท่านรอซูล ได้กล่าวไว้อีกว่า
“การละหมาดห้าเวลาและการละหมาดญุมอะฮฺ (ละหมาดวันศุกร์) หนึ่งไปยังอีกญุมอะฮฺหนึ่ง
มีผลตอบแทนคือ อัลลอฮ์ จะทรงไถ่โทษ (ชำระบาป) ในทุก ๆ บาปที่ไม่ไช่บาปใหญ่”
(รายงานโดย มุสลิมและ ตีรมีซี)
ท่านพี่น้องครับ การละหมาดมิใช่เพียงแต่สามารถชำระบาปและสิ่งโสโครกเท่านั้น แต่การละหมาดยังสามารถสร้างเกราะป้องกันบาปอีกด้วย ดังคำดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ระบุว่า
“แท้จริงการละหมาดสามารถยับยั้ง มิให้กระทำความโสมมและความชั่ว”
(ซูเราะฮฺ อัล-อันกะบูต : 45)
นักอธิบายกุรอาน ได้อธิบายพระดำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ ที่ตรัสความว่า "แท้จริง การละหมาดนั้น จะยับยั้งสิ่งลามกทั้งหลาย และสิ่งชั่วช้า ที่ศาสนาไม่ยอมรับ" ได้อธิบายว่า
แท้จริงในการละหมาดมีสามประการด้วยกัน ถ้าปราศจากประการใดประการหนึ่งในทั้งสามนี้ ก็ไม่ถือว่าการละหมาดนั้นเป็นการละหมาดเพื่ออัลลอฮ์ สามประการนั่นก็คือ ความสุจริตใจ ความกลัว และการรำลึกนึกถึงอัลลอฮ์ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นตัวบ่งชี้ที่กำชับให้กระทำความดี และยับยั้งจากความชั่ว นั่นเป็นเพราะว่า การละหมาดคือ แสงสว่างที่จะช่วยส่องจิตใจของผู้ศรัทธาบนโลกดุนยาและโลกอาคิเราะฮฺให้สว่างไสว
การละหมาดนั้นสรรสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ละหมาดอันใหญ่หลวง ดังประการต่อไปนี้
1. ป้องกันการกระทำความชั่ว
การละหมาดจะช่วยสร้างจิตสำนึกความรู้สึกถึงการเฝ้าดูของอัลลอฮ์ อยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความกลัวในใจของพวกเราตลอดเวลา จะเป็นไปได้อย่างไร ? ที่เราจะทำบาป ทำความผิด ทั้งที่เรารู้ว่า ผู้คุมกฎเฝ้าดูเราตลอด ดั่งอัลลอฮ์ ตรัสความว่า
“เจ้าจงทราบเถิด แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ ทรงรู้ทุกสิ่ง ในตัวของพวกเจ้า พวกเจ้าจงเกรงกลัวพระองค์ในทุก ๆการกระทำเถิด”
البقرة: 235
2. ทำให้จิตใจของเราดีขึ้น
การละหมาดตอบสนองความต้องการทางด้านจิตใจ ในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้สร้าง ซึ่งจะทำให้จิตใจของเราสงบและมีความพึงพอใจ ท่ามกลางการดำเนินชีวิตที่สับสนวุ่นวาย อัลลอฮ์ ตรัสความว่า
“พึงทราบเถิด ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺเท่านั้น ทำให้จิตใจสงบ”
الرعد : 28
3. ทำให้คุณเป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
ความเย่อหยิ่งและยโสจะถูกกำจัดออกโดยการรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ และการพึ่งพาพระองค์ ซึ่งในละหมาด มุสลิมต้องวางศีรษะ ซึ่งเป็นอวัยวะที่สูงที่สุดของร่างกายและแหล่งที่มาของสติปัญญาลงบนพื้น พร้อมกับกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์แด่พระผู้อภิบาลของฉันผู้ทรงสูงส่งยิ่ง และการสรรเสริญเป็นสิทธิ์แด่พระองค์” พระองค์ ตรัสความว่า
“แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธาที่ประสบความสำเร็จแล้ว คือบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนในเวลาละหมาดของพวกเขา”
المومنون : 1-2
4. ชำระล้างบาป/ขจัดบาป
ทุกคนล้วนกระทำบาป อย่างไรก็ตาม อัลลอฮฺ ทรงเตรียมวิธีการขจัดบาปเหล่านั้นโดยผ่านการละหมาด อัลลอฮฺ ตรัสความว่า
“และเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด…แท้จริงความดีทั้งหลายย่อมลบล้างความชั่วทั้งหลาย”
الهود :411
5. รวมมุสลิมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
การละหมาดญะมาอะฮฺปลูกฝังความเป็นภารดรภาพ ความเท่าเทียม และความอ่อนน้อมถ่อมตนระหว่างมุสลิมด้วยกัน โดยผู้ทำอิบาดะฮฺยืนเป็นแถวเดียวกันดั่งเรือนร่างเดียวกัน ไหล่เคียงไหล่ ปราศจากการแบ่งแยกทางเผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ สีผิว ความมั่งมี วงศ์ตระกูล หรือสถานภาพ การแสดงออกซึ่งความเป็นเอกภาพนี้ช่วยทำลายกำแพงทั้งหมดที่กั้นระหว่างกัน พระองค์อัลลอฮ์ จะทรงรับการงานที่ดีจากบ่าวของพระองค์ จะทรงเพิ่มพูนรางวัล และผลบุญให้แก่เขา และในหัวอกที่บ่าวนั้นผูกพันอยู่กับการปฏิบัติ จากสิ่งที่ถูกต้องของการละหมาด
ดังนั้นหากบ่าวดำรงการละหมาดอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีข้อบกพร่อง ยอมจำนนอยู่กับพระองค์อัลลอฮ์ จิตใจยึดโยงอยู่กับพระองค์ แน่นอนการละหมาดของเขาย่อมได้รับการตอบรับจากพระองค์ เพราะนั่นคือวิญญาณของการละหมาดที่ผูกพันอยู่กับพระองค์ตลอดเวลา
บทสรุปและบทเรียนที่ได้รับจากคุตบะฮ์ คือ
- การละหมาด มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นหลักการข้อที่สองของรุก่นอิสลาม
- การละหมาด คือการแสดงความเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺที่มุสลิมทุกคนต้องดำรงไว้อย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ
- การละหมาด เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ของผู้เป็นบ่าวกับพระผู้เป็นเจ้าของเขา
- การละหมาดห้าเวลา สามารถเป็นได้ทั้งการชำระล้างบาปและสิ่งสกปรกในจิตใจของมนุษย์ และยังเป็นเกราะกำบังจากการล่อลวงของชัยฏอนที่คอยชักจูงมนุษย์ในทางที่ผิด
- การละหมาด เป็นแสงสว่างให้กับมนุษย์ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ