ความเป็นธรรมกับมุสลิม
โดย... อาจารย์มูฮำมัด ถือความตรง
ขอความสุขสันติ จากพระองค์อัลเลาะห์ จงมีแด่พี่น้องผู้ร่วมญุมอัต ที่มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอเตือนตัวข้าพเจ้าเอง และพี่น้องทุกท่าน จงภักดีต่อพระองค์อัลเลาะห์ และมีการตักวา หรือความยำเกรงด้วยความสัตย์จริง โดยกระทำทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงใช้ และห่างไกลจากทุกสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม โดยหวังว่าการ ตักวานั้น จะทำให้เรื่องในดุนยานั้นง่ายดาย และทำให้เรานั้นสามารถแยกแยะความจริงออกจากความเท็จได้ และในโลกอาคีเราะห์นั้นเราจะได้รับข่าวดี
พี่น้องผู้ร่วมที่มีเกียรติของ อัลลอฮฺ ทั้งหลาย เรามาร่วมเพิ่มขีดการตักวา ยำเกรงต่อ อัลลอฮฺ ด้วยกับการปฏิบัติตามคำสอนของอิสลามอย่างจริงจัง และด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้เกิดความสันติสุขและปลอดภัยในชีวิต ทั้งในส่วนบุคคล ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่พระองค์อัลลอฮฺ ได้ประทานมาให้กับมนุษย์ทั้งหลาย เป็นศาสนาที่นำมาซึ่งความปลอดภัย สันติภาพและความผาสุกต่อผืนดินนี้ ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่สร้างให้มนุษย์ทั้งหลายอยู่ในกรอบของความดีที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งอิสลามได้ประกันความปลอดภัยในชีวิตอย่างแท้จริง ให้เกิดขึ้นในชีวิตทั้งส่วนบุคคล ครอบครัวและสังคม
อิสลามมิได้ประกันถึงความปลอดภัยในชีวิตแต่เพียงในโลกนี้เท่านั้น แต่ทว่า อิสลามได้ประกันความปลอดภัยไปจนถึงวันกิยามะฮฺ ในโลกหน้า ด้วยเหตุนี้เอง เราในฐานะที่เป็นผู้ศรัทธาต่อ อัลลอฮฺ เป็นผู้ที่ถูกสั่งใช้ให้ปฏิบัติตามคำสอนของอิสลามในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน อากีดะฮ์ การยึดมั่นต่อพระองค์อัลลอฮฺ ด้านอิบาดะฮ์ การปฏิบัติในศาสนกิจ ความสัมพันธ์กับคนอื่น สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และอื่น ๆ ดังปรากฏอยู่ในโองการ
"บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเข้าอยู่ในความสันติโดยทั่วทั้งหมด
และจงอย่าตามบรรดาก้าวเดินของชัยฏอน แท้จริงมันคือศัตรูที่ชัดแจ้งของพวกเจ้า"
(سورة البقرة2:208 )
ผู้ร่วมญุมอัตที่มีเกียรติทั้งหลาย พฤติกรรมและการปฏิบัติต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของมุสลิมในทุกวันนี้ เป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงความปลอดภัยที่ชัดเจน ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ที่จะบ่งบอกถึงความปลอดภัยและสันติภาพของสังคม ท่านรอซูล ได้กล่าวไว้ว่า
اَلْمُسْلِمُ مَنْ سَلِمَ اْلمُسْلِمُوْنَ مِنْ لِسَانِهِ وَيَدِهِ
"มุสลิมที่แท้จริงนั้นคือ ผู้ที่ให้ความปลอดภัยแก่มุสลิมคนอื่นจากลิ้นและมือของเขา"
จากหะดีษข้างต้น ท่านรอซูล ได้ชี้แจงเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของคำว่า "มุสลิม" นั่นคือ ส่วนหนี่งของคุณลักษณะของมุสลิมในหะดีษนี้ ดังนั้นเขาจะต้องพึงรักษาลิ้นและมือของเขาจากการกระทำที่ก่อให้เกิดความลำบากหรืออันตรายต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมุสลิมด้วยกัน ด้วยเหตุนี้เอง สังคมจึงปลอดภัยจากความไม่สงบต่าง ๆ การก่ออาชญากรรม ความขัดแย้ง และการแตกแยก เมื่อใดก็ตามที่มุสลิมยอมรักษาลิ้นของเขาจากการด่าทอผู้อื่น การนินทาต่อผู้อื่น การใส่ร้ายป้ายสี และจากการยุแหย่ให้แตกแยกกัน และเช่นเดียวกับการที่มุสลิมจะต้องรักษามือของเขาจากการไปทำร้ายร่างกายผู้อื่น ไม่กระทำการอธรรม ไม่กดขี่ขมเหง การกระทำที่ป่าเถื่อน และไม่ฆ่าผู้อื่น
จงรู้ไว้ว่า ลิ้นและมือนั้นหากใช้ในทางที่ผิดก็จะส่งผลกระทบทำให้สังคมนั้น ๆ เสียหาย ปั่นป่วน สามารถกล่าวได้ว่า มุสลิมคนใดก็ตามที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจต่อมุสลิมอีกคนหนึ่งนั้น ไม่ว่าจะด้วยลิ้นของเขา หรือมือของเขา การกระทำ หรือจากการใช้อำนาจอิทธิพลของเขาแล้วนั้น ก็สามารถกล่าวได้ว่าเขาคนนั้นยังไม่ใช่มุสลิมที่สมบูรณ์ ดังนั้นส่วนนี้เอง จึงเป็นตัวบ่งบอกว่า มุสลิมที่แท้จริงคือ สิ่งที่มุสลิมทุกคนจะต้องเข้าใจ และจะต้องปฏิบัติตาม คุณลักษณะและอุปนิสัยมุสลิมที่ทุกคนควรมี
ด้วยเหตุนี้เองจึงกล่าวได้ว่ามุสลิมที่มีอยู่ในทุกวันนี้มีความสันติ เพราะอิสลามได้สอนให้พวกเขาประกอบในคุณงามความดี และห่างจากการกระทำที่ชั่ว ด้วยเหตุนี้เอง ศาสนาอิสลามจึงมีแต่ความสันติและความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะมีคนบางกลุ่ม ที่กล่าวหาว่าศาสนาอิสลามสอนให้ทุกคนเป็นคนหัวรุนแรงก็ตาม แต่คำกล่าวนี้ก็ไม่เป็นความจริง มีความเป็นไปได้ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการสงครามในประเทศมุสลิมนั้นส่อให้เห็นถึงความรุนแรง อาจมาจากสาเหตุที่ มุสลิมถูกอธรรม ไม่ได้รับความเป็นธรรมในบางสิ่งบางอย่าง หรือถูกล่วงละเมิดในสิทธิบางประการ จึงก่อให้เกิดการตอบโต้ หรือเกิดจากคนบางกลุ่มที่กระทำเกินขอบเขต อันเนื่องมาจากความเข้าใจผิด ในแก่นแท้ของคำสอนอิสลาม
ดังนั้นเหตุการณ์เช่นนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ ศาสนา หรือประเทศใด ๆ ก็ได้ มันมิได้เกิดขึ้นเฉพาะคนที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น เช่น ในกรณีการลักทรัพย์ เรามิอาจที่จะปฏิเสธได้ว่าเกิดขึ้นในสังคมอิสลามเพียงเท่านั้น ในสมัยของท่านรอซูล เหตุการณ์เช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้น และยังสามารถตัดสินลงโทษโดยใช้ ฮุ่กุ่ม บทบัญญัติการตัดสินอิสลามต่อผู้กระทำความผิดด้วยความเป็นธรรม เพราะศาสนาอิสลามตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม และท่านรอซูล ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งรายงานโดยมุสลิมไว้ว่า
لَوْ أَنَّ فَاطِمَةَ بِنْتَ مُحَمَّدٍ سَرِقَتْ لَقَطَعْتُ يَدَهَا
"หากฟาติมะฮ์ บุตรีของมูฮัมมัด ได้ทำการลักขโมย แน่นอน ฉันจะตัดมือของเธอเอง"
อิสลามเป็นศาสนาที่สอน ให้ผู้ที่ปฏิบัติตามอิสลาม กระทำในสิ่งที่มีความชอบธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ และอิสลามก็มิเคยสั่งใช้ให้ทำในสิ่งที่เป็นอธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ ดังคำตรัสของพระองค์อัลลอฮฺ ความว่า
"แท้จริงอัลลอฮฺทรงใช้ให้รักษาความยุติธรรมและทำความดี และการบริจาคแก่ญาติใกล้ชิด
และให้ละเว้นจากการทำลามก และการชั่วช้า และการอธรรม พระองค์ทรงตักเตือนพวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจักได้รำลึก"
(سورة النحل16:90)
ด้วยเหตุนี้เอง สามารถที่จะสรุปได้ว่า อิสลามเป็นศาสนาที่ดีที่สุด ปลอดภัย และยังได้ให้หลักประกันถึงความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยต่อมนุษยชาติ หากมนุษย์ยอมที่จะน้อมรับคำสอนของอิสลามและเป็นบ่าวของพระองค์ ศาสนาอิสลามนั้นเป็นศาสนาที่มีความสันติ ดังที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ว่า
"แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮฺนั่นคือ อิสลาม"
(سورة آل عمران 3:19)
อัลลอฮฺ ได้ทรงตั้งชื่อศาสนาของพระองค์ว่า อัลอิสลาม ที่ให้ความสงบและสันติสุข และพระองค์ทรงเรียกผู้ที่รับนับถืออิสลามว่า มุสลิม นั่นคือ บรรดาผู้ที่มอบหมายตัวของเขาต่อพระองค์อัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ได้ทรงวางระเบียบ กฎหมายอิสลาม ในการดำเนินชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความสงบและสันติสุขดังคำตรัสของพระองค์ความว่า
"พระองค์ทรงเรียกชื่อพวกเจ้าว่ามุสลิม ในคัมภีร์ก่อน ๆ และในอัลกุรอาน"
(سورة الحج 22:78)
บรรดากฎหมายอิสลามได้ถูกบัญญัติขึ้น ทั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาความปลอดภัย และความสงบสุข ทั้งทางด้านสติปัญญา ตัวบุคคล ชีวิต และทรัพย์สิน ตลอดจนเกียรติที่มี และศาสนาของผู้น้อมรับอิสลาม ซึ่งพื้นฐานดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นส่วนประกอบของความเป็นมนุษยธรรม และเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง มุสลิมนั้นเป็นผู้ที่ปลอดภัย และเป็นผู้ที่ให้ความปลอดภัยต่อสังคม และใครที่กล่าวหาว่า ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาหัวรุนแรง หรือนิยมความรุนแรง เป็นศาสนาที่สอนมนุษย์ให้ประกอบการอธรรมต่อคนอื่น ดังนั้น คน ๆ นั้นย่อมเป็นผู้ที่ไม่เข้าใจในอิสลาม และเป็นผู้ที่ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นต่อศาสนาอิสลาม และผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามอีกด้วย พระองค์ตรัสไว้ความว่า
"พวกเขาปรารถนาที่จะดับรัศมีของอัลลอฮฺ ด้วยปากของพวกเขา
แต่อัลลอฮฺ เป็นผู้ทำให้รัศมีของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าผู้ปฏิเสธศรัทธาจะเกลียดชังก็ตาม"
(سورة التوبة32:9)
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ