การห้ามปรามความชั่ว คือ หน้าที่ของมุสลิม
  จำนวนคนเข้าชม  8722

 

การห้ามปรามความชั่ว คือ หน้าที่ของมุสลิม

 

โดย ... เชค ซอลิฮ์ บินเฟาซาน อัลเฟาซาน

 

          มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสันติความจำเริญมีแด่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ข้าขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดนั้น เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์

แท้จริงการงานที่ดีที่สุดและอัลลอฮฺรักที่สุดนั้น คือการสั่งใช้กันในความดี และการห้ามปรามกันในสิ่งที่เป็นความชั่ว 

อัลลอฮฺ  ได้ตรัสความว่า

“พวกเจ้านั้น เป็นประชาชาติที่ดียิ่งซึ่งถูกให้อุบัติขึ้นสำหรับมนุษยชาติ

โดยที่พวกเจ้าใช้ให้ปฏิบัติสิ่งที่ชอบ และห้ามมิให้ปฏิบัติสิ่งที่มิชอบ และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ“ 
 

(ซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายะฮฺที่ 110)
 

รายงานจากท่านอบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าแท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า


مَنْ رَأَى مِنْكُمْ مُنْكَرًا فَلْيُغَيِّرْهُ بِيَدِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِلِسَانِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِقَلْبِهِ، وَذَلِكَ أَضْعَفُ الإِيمَانِ
 

“ใครก็ตามในหมู่พวกท่านที่เห็นความชั่วร้ายเขาจงเปลี่ยนแปลงมันด้วยมือของเขา หากไม่สามารถก็ด้วยลิ้นของเขา

และหากไม่สามารถก็ด้วยใจของเขา และนั้นคืออีมานที่อ่อนแอที่สุดแล้ว” 

(เศาะฮีหฺ มุสลิม 1/69 หมายเลข 49)

ในบางสายรายงานกล่าวอีกว่า

وليس وراء ذلك من الإيمان حبة خردل

“ดังกล่าวนี้ แสดงถึงการมีอีหม่านแม้ว่าจะเท่าเมล็ดพืชก็ตาม”

 

  1. เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคนในการห้ามปรามความชั่ว

          2. ยืนหยัดทำหน้าที่เท่าที่มีความสามารถในคำสอนของท่านนบี  ที่ว่า “หากท่านไม่มีความสามารถ” บ่งชี้ให้เห็นว่า ให้เรานั้นทำเท่าที่สามารถ 

พระองค์อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

 “อัลลอฮฺไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้น” 

(ซูเราะฮฺอัลบะกอเราะฮฺ อายะฮฺที่286)

        จำเป็นแก่มุสลิมทุกคนจะต้องช่วยกันห้ามปรามความชั่ว ไม่ควรละเลยและเพิกเฉยหากมีความสามารถที่จะห้ามปรามหรือตักเตือน เพราะผู้ที่ไม่กระทำทั้งที่มีความสามารถนั้น สมควรที่เขาจะได้รับบาปและความหายนะจากการลงโทษของอัลลอฮฺ 

อัลลอฮ์  ตรัสความว่า

 “บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่วงศ์วานอิสรออีลนั้น ได้ถูกสาปโดยถ้อยคำของดาวูดและอีซาบุตรของมัรยัม

นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาฝ่าฝืน และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน

ปรากฏว่าพวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันในสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น ช่างเลวร้ายจริงๆ ในสิ่งที่พวกเขากระทำ” 

(อัล-มาอิดะฮฺ 78-79)

          3. การห้ามปรามความชั่วนั้น จำเป็นจะต้องมี“ความสามารถ”เป็นลำดับแรก ด้วยมือในการห้ามปราม ด้วยอำนาจ โดยเฉพาะผู้นำ ผู้ปกครองเมือง หัวหน้าครอบครัว หรือตัวแทนกลุ่ม 

          หากไม่สามารถก็ให้ห้ามปรามด้วยลิ้น คือ การพูดกล่าวตักเตือนที่ดี ข้อคิดเตือนใจ หากไม่มีความสามารถในการห้ามปรามด้วยลิ้น หรือความรู้น้อย ไม่สมควรจะกล่าวเตือนเว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากผู้นำในชุมชนเสียก่อน หรือผู้ปกครองเมืองนั้นๆ แต่หากผู้ปกครองกดขี่ข่มแหง ไม่ควรรอจากการขออนุญาต 

          ลำดับสุดท้าย การรังเกียจด้วยหัวใจ หลีกห่างจากการกระทำที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมที่เราจะนั่งร่วมวงกับพวกเขาเหล่านั้น หากว่าเรานั่งร่วมวงกับพวกเขาด้วย พฤติกรรมเช่นนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มชนของ บะนีอิสรออีล คือ ห้ามกระทำสิ่งที่ชั่วช้าแต่ก็ปะปนอยู่ร่วมกับพวกเขาด้วย เหมือนเห็นดีเห็นชอบ กิน ดื่ม นั่งสนทนา ดังกล่าวนี้แหละที่พวกเขาเหล่านั้นถูกสาปแช่งจากอัลลอฮฺ  ท่านนบี  กล่าวให้ระมัดระวังจากพฤติกรรมดังกล่าว เมื่อเราตักเตือนแล้วแต่เขาไม่รับฟังเรา และเรายังนั่งร่วมอยู่กับกลุ่มคนที่ทำผิดนั้นด้วย


อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

“เมื่อพวกเจ้าเห็นบรรดาผู้ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันในโองการของเรา ก็จงออกห่างจากพวกเขาเสีย

จนกว่าพวกเขาจะวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอื่นจากนั้น

และถ้าชัยฏอนทำให้เจ้าลืมแล้ว ก็จงอย่านั่งอยู่ร่วมพวกอธรรมเหล่านี้ต่อไป หลังจากที่มีการนึกขึ้นได้ ” 

(ซูเราะฮฺอัลอันอาม อายะฮฺที่68)


         เมื่อรับทราบรูปแบบต่างๆแล้ว จึงเป็นหน้าที่ของมุสลิม ที่จะต้องช่วยกันตักเตือนในเรื่องความดี และห้ามปรามความชั่ว ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงโดยกล่าวว่า การห้ามปรามเรื่องความชั่วนั้น เป็นหน้าที่ของผู้นำในชุมชน หรือเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น และใครที่อ้างว่า การให้คำแนะนำเรื่องที่ดี บอกชักชวนในเรื่องความดีเป็นเรื่องเฉพาะสำหรับเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด เพราะว่าการห้ามปรามเรื่องความชั่วนั้น เป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ยกเว้นในกรณีที่อนุญาตให้ละได้คือ การกระทำในสถานที่สาธารณะและหากเกรงว่าจะเกิดอันตรายมากกว่า เช่น สถานที่การค้า ตลาด มหกรรมต่างๆ หน้าที่การกล่าวตักเตือนจะหมดไป เมื่อเรานั้นไม่สามารถที่จะกระทำได้และควรหลีกห่าง

         สำหรับพวกเราที่อยู่ในประเทศนี้ คือ ประเทศซาอุดิอารเบีย อัลฮัมดุลิลลาฮ ที่ไม่มีการห้ามในการตักเตือนซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะระดับผู้นำหรือบุคคลทั่วไป ขออัลลอฮฺ  ทรงปกป้องรักษาด้วยเถิด มีการส่งเสริมและตอบรับอย่างดีเยี่ยมในคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ  ที่ว่า "จงใช้วิทยปัญญา ข้อเตือนใจที่ดี การโต้แย้งที่ดีกว่า" นี้คือรูปแบบที่ถูกต้องในการส่งเสริมความดีและห้ามปรามความชั่ว ในประเทศของเรา ซึ่งเป็นประเทศที่มีเกียรติ รอดพ้นจากความหายนะ ที่จะเกิดขึ้นในสังคม 

          ขออัลลอฮฺ  ทรงปกป้องผู้นำของเรา รักษาความดีงามอันนี้เอาไว้ให้กับประเทศที่มีเกียรติ ตลอดการช่วยในทุกๆด้านๆ เหมือนดังยุคของ อิมามทั้งสอง คือ เชค มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮฺฮาบ และ อิมาม มุฮัมมัด บิน ซะอูด ขออัลลอฮฺทรงเมตตาแก่ท่านทั้งสอง จากความดีงามที่ท่านทั้งสองได้ทำเอาไว้ ตรงดังคำกล่าวของท่านนบี  ที่ว่า


لَا تَزَالُ طَائِفَةٌ مِنْ أُمَّتِي قَائِمَةً بِأَمْرِ اللَّهِ لَا يَضُرُّهُمْ مَنْ خَذَلَهُمْ أَوْ خَالَفَهُمْ حَتَّى يَأْتِيَ أَمْرُ اللَّهِ

"ตราบใดที่ประชาชาติของฉันยังยืนหยัดอยู่บนความจริง

จะไม่มีสิ่งใดทำให้พวกเขาต่ำต้อยและขัดแย้ง กระทั่งคำสั่งของอัลลอฮฺมาถึง (ตราบจนวันกิยามะฮฺ)"

 


وصلى الله على محمد وعلى آله وصحبه


แปลและเรียบเรียงโดย อับดุลวาเฮด สุคนธา
ตรวจทาน โดย ดะลีลา ไวยศิลป์