เป้าหมายในสูเราะฮ์ ฮูด สำหรับ นะบีฮูด
โดย… ฟุอาด ซัยดาน
หลังจากนั้นเรื่องราวของนบีฮูดและกลุ่มชนของท่านก็ตามมา ซึ่งการตั้งชื่อสูเราะฮฺนี้ด้วยชื่อของท่าน เพื่อให้เรื่องราวความทุ่มเทในการทำงานดะอฺวะฮฺเชิญชวนสู่อัลลอฮฺของท่านนั้นได้เป็นที่ประจักษ์และคงอยู่ตลอดไป
กล่าวคือ กลุ่มชนของท่านนบีฮูดนั้นคือพวกที่มีความจองหอง หยิ่งยโส และหลุ่มหลงในความแข็งแกร่งของพวกเขา กระทั่งพวกเขากล่าวว่า จะมีผู้ใดที่มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเราอีกบ้างไหม ? โดยท่านนบีฮูดก็ได้เผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยตัวคนเดียว ท่ามกลางกลุ่มชนอ๊าดที่มีความจองหองและมีความแข็งกร้าวยิ่งนัก ซึ่งท่านนบีฮูดได้ประณามพฤติกรรมของพวกเขาและตำหนิรูปเคารพของพวกเขา และปลุกเร้าให้พวกเขาโต้แย้งท่าน และนี่เองถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่คนเพียงคนเดียว ได้เผชิญหน้าด้วยคำพูดเยี่ยงนี้ต่อกลุ่มชนที่มีความกระหายที่จะหลั่งเลือดของท่าน แต่เนื่องจากความเชื่อมั่นของท่านที่มีต่อพระผู้อภิบาลของท่าน
ทำให้ท่านนบีฮูดได้กล่าวแก่พวกเขาด้วยคำพูดที่ครอบคลุมเพียงอายะฮฺเดียว ซึ่งไม่เคยมีนบีหรือเราะสูลท่านใดเคยกล่าวแก่ชนของพวกท่านมาก่อนเลย มันเป็นคำพูดที่หมายรวมในทุกมิติของนัยทั้งสามประการที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้
“เรา(กลุ่มชนนบีฮูด)จะไม่กล่าวอย่างใด เว้นแต่กล่าวว่า พระเจ้าบางองค์ของเราได้นำความชั่วเข้าไปสิงในตัวท่าน
เขา (ฮูด) กล่าวว่า แท้จริงฉันให้อัลลอฮฺทรงเป็นพยาน แล้วพวกท่านก็จงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริง ฉันขอปลีกตัวไม่ข้องเกี่ยวกับสิ่งที่พวกท่านตั้งภาคีอื่นจากพระองค์อัลลอฮฺ
ดังนั้น พวกท่านทั้งหมดจงวางแผนทำร้ายฉันเถิด แล้วพวกท่านอย่าได้ให้ฉันต้องรอคอยเลย แท้จริงฉันมอบหมายต่ออัลลอฮฺ พระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่าน ไม่มีสรรพสัตว์ ๆ เว้นแต่พระองค์ทรงควบคุมขมับมันไว้
แท้จริง พระเจ้าของฉันอยู่บนทางที่เที่ยงตรง ถ้าหากพวกท่านจะผินหลังให้แล้วไซร้ แน่นอน ฉันก็ได้แจ้งข่าวแก่พวกท่านแล้ว ตามหน้าที่ ที่ฉันได้ถูกส่งมา
และพระเจ้าของฉันจะทรงแต่งตั้งกลุ่มชนอื่นจากพวกท่านให้มาเป็นตัวแทนสืบทอด และพวกท่านจะไม่สามารถทำร้ายพระองค์ด้วยอันตรายใด ๆ เลย แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงพิทักษ์ทุกสิ่ง”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 54-57)
ซึ่งประหนึ่งว่า กลุ่มอายะฮฺนี้ได้รวบรวม “คำสั่งให้ยืนหยัด ให้อดทน ให้ทำหน้าที่ดะอฺวะฮฺต่อไป อย่าละเมิดด้วยพฤติกรรมฉุนเฉียว อย่าเห็นชอบหรือยอมรับต่อความอธรรม” ไว้ในที่เดียว โดยไม่เคยมีผู้ใดเคยกล่าวด้วยความเด็ดเดี่ยว และไม่เห็นชอบต่อความอธรรม และยังคงทำหน้าที่เผยแผ่สัจธรรมต่อไป เว้นแต่ท่านนบีฮูด อะลัยฮิสสลาม ด้วยเหตุนี้เองอัลลอฮฺ ตะอาลา จึงตั้งชื่อสูเราะฮฺนี้ด้วยชื่อของท่าน
ต่อมาเนื้อหาของสูเราะฮฺก็กล่าวถึงเรื่องราวของท่านนบีศอลิหฺ แล้วตามด้วยเรื่องราวของนบีลูฏ นบีชุอัยบฺ หลังจากนั้นก็เรื่องราวของท่านนบีมูซาและนบีฮารูน เศาะละวาตุลลอฮฺ วะสะลามุฮูอะลัยฮิมญะมีอา แล้วตามด้วยบทเรียนที่ได้รับจากเรื่องราวต่าง ๆ ถัดจากนั้น ซึ่งเป็นบทเรียนที่มีอยู่ตามเนื้อหาหลัก ๆ ของสูเราะฮฺนี้ และเป็นการสนองต่อเป้าหมายของมัน
ทั้งนี้มีการนำเสนอความอดทนของนบีแต่ละคน ในการเผชิญหน้ากับภยันตรายของกลุ่มชนของพวกท่านเอง โดยที่พวกท่านไม่ได้เห็นชอบหรือยอมรับกับความอธรรมนั้น และไม่ตอบโต้หรือละเมิดอย่างอธรรมต่อพวกเขาเลย
หลังจากนั้น สูเราะฮฺที่มีเกียรตินี้ก็ปิดท้ายด้วยการอธิบายถึงหิกมะฮฺของการนำเสนอเรื่องราวของบรรดาเราะสูล ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการทำให้จิตใจของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มีความหนักแน่นในการเผชิญหน้ากับการต่อต้านและวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา
“และทั้งหมดนี้เราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเรื่องราวของบรรดาเราะสูล เพื่อทำให้จิตใจของเจ้าหนักแน่น
และ(ในเรื่องราวเหล่านี้) ได้มีความจริง ข้อตักเตือน และข้อรำลึกมาให้สำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 120)
หลังจากนั้นอัลลอฮฺ ตะอาลา ก็ได้นำเสนอให้แก่เราถึงวิธีการที่จะปฏิบัติตามคำสั่งใช้ที่ได้สั่งเสียให้แก่เรา ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้แก่เราว่า การทำอิบาดะฮฺนั้นจะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้สามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงได้
“และเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด ในสองช่วงเวลาทั้งเช้าและเย็นของกลางวัน และบางช่วงเวลาจากกลางคืน
แท้จริง ความดีทั้งหลายย่อมลบล้างความชั่วทั้งหลายนั้นคือข้อเตือนสำหรับบรรดาผู้ที่รำลึก”
(สูเราะฮฺฮูด : 114)
และความอดทน ก็เช่นเดียวกัน ดังอายะฮฺนี้
“และเจ้าจงอดทน เพราะแท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงทำให้รางวัลของผู้ทำความดีเสียหาย”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 115)
ประหนึ่งอายะฮฺทั้งหลายนับตั้งแต่อายะฮฺที่ 113 จนถึงอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺนี้ถือเป็นตัวช่วยในการบรรลุสู่เป้าหมาย และสูเราะฮฺนี้ก็ได้ปิดท้ายด้วยการกล่าวถึงเตาฮีดหรือการยอมรับในเอกภาพของอัลลอฮฺ เหมือนตอนเริ่มต้นของสูเราะฮฺ ทั้งนี้ก็เพื่อให้การเริ่มต้นนั้นมีความสอดคล้องกับการปิดท้าย
“และเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ที่จะสงวนเรื่องที่พ้นญาณวิสัยแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และยังพระองค์เท่านั้นที่การงานทั้งมวลจะถูกนำกลับไป
ดังนั้น เจ้าจงเคารพอิบาดะฮฺพระองค์ และจงมอบหมายต่อพระองค์
และพระเจ้าของเจ้าจะไม่เป็นผู้ทรงเผลอในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 123)
และส่วนหนึ่งจากความสละสลวยในทางภาษาของสูเราะฮฺฮูด ก็คือ คำสั่งใช้ให้กระทำความดีนั้นจะกล่าวถึงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยตรงเพียงท่านเดียวในรูปเอกพจน์ ถึงแม้ว่าคำสั่งดังกล่าวนั้นจะหมายรวมถึงคนทั่วไปตามนัยของมัน
( فاستقم كما أمرت، وأقم الصدلاة، واصبر )
แต่ในส่วนของคำสั่งห้ามนั้นจะกล่าวถึงประชาชาติโดยรวมในรูปพหูพจน์
( ولا تطغوا، ولا تركنوا إلى الذين ظلموا )
แปลโดย : แวมูฮัมหมัดซาบรี แวยะโก๊ะ / Islam house