เป้าหมายในสูเราะฮ์ ฮูด สำหรับ นะบีนูห์
โดย… ฟุอาด ซัยดาน
เนื้อหาของสูเราะฮฺนี้เริ่มต้นด้วยการเทิดเกียรติอัลกุรอาน ซึ่งอายะฮฺทั้งหลายของมันนั้นถูกทำให้มีความประณีตยิ่ง
“อลิฟ ลาม รอ คัมภีร์ที่โองการทั้งหลายของมันถูกทำให้มีความประณีตยิ่ง
แล้วถูกจำแนกเรื่องราวต่างๆ ของมันอย่างชัดแจ้ง จากพระผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้เชี่ยวชาญ”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 1)
และเรียกร้องให้ความเป็นเอกะแด่อัลลอฮฺ ตะอาลา
“พวกท่านต้องไม่เคารพภักดีผู้ใดนอกจากอัลลอฮฺ แท้จริงฉันได้รับการแต่งตั้งจากพระองค์มายังพวกท่าน
เพื่อเป็นผู้ตักเตือนและผู้แจ้งข่าวดี”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 2)
หลังจากนั้นก็มีการนำเสนอวิกฤตการณ์ที่หนักหน่วง ในการใช้ชีวิตของบรรดาผู้ศรัทธา
“พึงรู้เถิด แท้จริงพวกเขาปกปิดความลับในทรวงอกของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะซ่อนความเป็นศัตรูจากพระองค์
พึงรู้เถิด ขณะที่พวกเขาเอาเสื้อผ้าของพวกเขาปกคลุมตัวนั้น พระองค์ทรงรู้สิ่งที่พวกเขาปกปิด และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก”
(สูเราะฮฺฮูด : 5)
อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้เรียกร้องให้เราะสูลของพระองค์มั่นคงยืนหยัดและทำหน้าที่ดะอฺวะฮฺเชิญชวนต่อไป ไม่ว่าสภาพการณ์จะเป็นเช่นไรก็ตาม
“และบางทีเจ้าอาจจะคิดละทิ้งคำสั่งบางส่วนที่ถูกประทานลงมายังเจ้า
และหัวอกของเจ้าจะอึดอัดต่อคำพูดที่พวกเขากล่าวเย้ยหยันเจ้า
ว่า ทำไมเล่าขุมทรัพย์จึงไม่ถูกส่งลงมา หรือทำไมมะลาอิกะฮฺจึงไม่ลงมาพร้อมกับเขา ?
แท้จริง เจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงคุ้มครองรักษาทุกสิ่ง”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 12)
ต่อมา (เนื้อหาของสูเราะฮฺ) ก็นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานในการทำงานดะอฺวะฮฺเชิญชวนสู่อิสลามในทุกสภาพการณ์ที่มีความหนักหน่วง โดยได้นำเสนอในรูปแบบของการโต้แย้งในเชิงความคิด พร้อมๆ กับการเปรียบเทียบระหว่างสองกลุ่มคน นั่นคือกลุ่มคนที่หลงผิดกับกลุ่มคนที่อยู่บนทางนำ แล้วก็มีการจำแนกทั้งสองกลุ่ม เฉกเช่นที่ดวงอาทิตย์ได้จำแนกความมืดมิดกับความสว่าง
“อุปมาของทั้งสองฝ่ายดังเช่นคนตาบอดและหูหนวก กับคนมองเห็นและได้ยิน ทั้งสองนี้จะเท่าเทียมกันหรือ
พวกท่านมิได้ไตร่ตรองหรือ ?”
(สูเราะฮฺฮูด : 24)
ซึ่งเนื้อหาส่วนแรกจากหนึ่งในสี่ (30 อายะฮฺแรก) ของสูเราะฮฺนี้ ก็จะกล่าวถึงในนัยนี้ กล่าวคือ อธิบายว่าการปฏิเสธศรัทธาของมุชริกีนนั้นรุนแรงมาก และผลกระทบของมันต่อบรรดาผู้ศรัทธาก็รุนแรงเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นอายะฮฺก็จะกล่าวถึงตัวอย่างของบรรดาเราะสูลผู้มีเกียรติเจ็ดท่าน เกี่ยวกับความอดทนของพวกท่านที่ต้องเผชิญกับกลุ่มชนของพวกท่านเอง
เรื่องราวของท่านนบีนูหฺ ผู้เป็นบิดาแห่งมนุษยชาติคนที่สอง
เรื่องราวของท่านนบีนูหฺ ที่ปรากฏในสูเราะฮฺนี้ ถือว่ามีความละเอียดที่ไม่ปรากฏในสูเราะฮฺอื่น ๆ แม้กระทั่งในสูเราะฮฺนูหฺเองก็ตาม ซึ่งเนื้อหาของอายะฮฺได้อธิบายถึงความอดทนของนบีนูหฺต่อกลุ่มชนของท่าน โดยที่ท่านได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขาด้วยอายุที่ยืนยาวที่สุด ยิ่งกว่าบรรดานบีคนอื่น ๆ ซึ่งท่านมีอายุมากถึง 950 ปี ท่านทำหน้าที่ดะอฺวะฮฺเชิญชวนพวกเขา แต่ด้วยความดื้อรั้น พวกเขากลับเยาะเย้ยถากถางท่าน
และในครั้งที่อัลลอฮฺได้สั่งใช้ให้ท่านสร้างเรือ ท่านก็ได้สร้างอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายปี เริ่มด้วยการปลูกต้นไม้ พอมันโตท่านก็เอาต้นไม้นั้นมาสร้างเรือ และแน่นอนที่สุด สำหรับอัลลอฮฺ ตะอาลา นั้น พระองค์ทรงสามารถทำลายกลุ่มชนของนบีนูหฺโดยไม่ต้องประวิงเวลาที่ยาวนานเช่นนั้น แต่ด้วยหิกมะฮฺของพระองค์ พระองค์ต้องการที่จะเปิดเผยความตั้งใจและความอดทนของท่านนบีนูหฺตลอดระยะเวลาหลายปี ที่ท่านต้องเผชิญกับภยันตรายต่าง ๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ความอดทนจากท่าน แม้นว่าภยันตรายจะมีอยู่อย่างยาวนานก็ตาม แต่เราก็ต้องไม่สิ้นหวังและต้องทำหน้าที่ดะอฺวะฮฺเชิญชวนต่อไป
ไม่เคยปรากฏว่าท่านนบีนูหฺจะตอบโต้กลุ่มชนของท่านด้วยการใช้กำลังหรือด้วยความโกรธแค้น ท่านเพียงแต่กล่าวว่า
“เขา (นูหฺ) กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺเท่านั้นที่จะทรงนำมันมายังพวกท่าน หากพระองค์ทรงประสงค์
และพวกท่านจะไม่เป็นผู้รอดไปได้”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 33)
ซึ่งประหนึ่งว่าท่านนบีนูหฺได้ยืนหยัด ดังที่อัลลอฮฺ ทรงสั่งใช้ให้ท่านอดทนในการดะอฺวะฮฺเชิญชวนผู้คนและทำหน้าที่นี้ต่อไป โดยไม่มีการแสดงความฉุนเฉียวและโมโหโทสะต่อแรงต่อต้าน ที่ท่านได้เผชิญ แต่ท่านเพียงให้ข้อตักเตือนแก่พวกเขา
“เขา (นูหฺ) กล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! จงบอกมาซิว่า หากฉันมีหลักฐานอันแจ้งชัดจากพระเจ้าของฉัน และพระองค์ทรงประทานแก่ฉันซึ่งความเมตตาจากพระองค์ ซึ่งมันถูกทำให้มืดบอดแก่พวกท่าน เราจะบังคับพวกท่านให้รับมันทั้ง ๆ ที่พวกท่านเกลียดชังมันกระนั้นหรือ ?
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! ฉันมิได้ร้องขอทรัพย์สินใดสำหรับการเผยแพร่นี้ แต่รางวัลของฉันอยู่ที่อัลลอฮฺ และฉันจะไม่เป็นผู้ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธาดอก แท้จริงพวกเขาจะเป็นผู้พบพระเจ้าของพวกเขา แต่ฉันเห็นว่าพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้ขลาดเขลา
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย ! ผู้ใดจะช่วยฉัน ณ ที่อัลลอฮฺ หากฉันขับไล่พวกเขา พวกท่านไม่คิดบ้างดอกหรือ ? ฉันมิได้กล่าวแก่พวกท่านว่าฉันมีขุมคลังของอัลลอฮฺ และฉันไม่รู้ถึงสิ่งพ้นญาณวิสัย และฉันมิได้กล่าวว่าแท้จริงฉันเป็นทูตมะลาอิกะฮฺ
และฉันจะไม่กล่าวแก่บรรดาผู้ที่สายตาของพวกท่านเหยียดหยามพวกเขาว่าอัลลอฮฺจะไม่ทรงประทานความดีแก่พวกเขาเด็ดขาด เพราะอัลลอฮฺทรงรอบรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา แท้จริง ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะอยู่ในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย
พวกเขากล่าวว่า โอ้นูหฺเอ๋ย ! แน่นอนท่านได้โต้เถียงของเรามากเรื่องขึ้น ดังนั้น จงนำมาให้เราเถิดสิ่งที่ท่านสัญญากับเราไว้ ถ้าท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง
เขา (นูหฺ) กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺเท่านั้นที่จะทรงนำมันมายังพวกท่าน หากพระองค์ทรงประสงค์ และพวกท่านจะไม่เป็นผู้รอดไปได้ และคำสั่งสอนของฉันจะไม่เกิดประโยชน์แก่พวกท่าน ตามที่ฉันปรารถนาจะสั่งสอนพวกท่าน ถ้าอัลลอฮฺทรงประสงค์จะให้พวกท่านหลงผิด พระองค์คือพระเจ้าของพวกท่าน และพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์
หรือพวกเขา (กุฟฟารกุเรช) กล่าวว่า เขา (มุหัมมัด) ได้อุปโลกน์มันขึ้นมา
(มุหัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า ถ้าฉันได้อุปโลกน์มันขึ้นมา ความผิดของมันย่อมอยู่ที่ฉัน และฉันขอปลีกตัวไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกท่านกระทำผิด”
(สูเราะฮฺ ฮูด : 28-35)
และท่านนบีนูหฺก็ไม่ได้เห็นชอบหรือสยบต่อความอธรรม แม้กระทั่งกับลูกชายของท่านเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่จมน้ำ (เนื่องด้วยการปฏิเสธศรัทธา) โดยที่เรื่องราวของลูกท่านนบีนูหฺนั้นไม่ได้ปรากฏในสูเราะฮฺอื่นใดเลย นอกจากในสูเราะฮฺนี้เท่านั้น เพราะมันสอดคล้องกับเป้าหมายของสูเราะฮฺ และเป็นตัวอย่างที่ยืนยันถึงการไม่เห็นชอบต่อความอธรรม แม้ว่าผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาหรือผู้อธรรมนั้นจะเป็นคนในครอบครัวของท่านเองก็ตาม
“และนูหฺได้ร้องเรียนต่อพระเจ้าของเขาโดยกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงลูกชายของข้าพระองค์เป็นคนหนึ่งในครอบครัวของข้าพระองค์ด้วย แท้จริง สัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง และพระองค์ท่านนั้นทรงตัดสินเที่ยงธรรมยิ่ง ในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย”
(สูเราะฮฺฮูด : 45)
และอายะฮฺ
“เขากล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์
ให้พ้นจากการร้องเรียนต่อพระองค์ ในสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น
และหากพระองค์ไม่ทรงอภัยและไม่ทรงเมตตาแก่ข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ก็ย่อมจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน”
(สูเราะฮฺฮูด : 47)
ซึ่งบทสรุปก็มาในช่วงท้ายของเรื่องราวนบีนูหฺว่า
“ดังนั้น เจ้าจงอดทนเถิด แท้จริง บั้นปลายที่ดีนั้น จะเป็นผลสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง”
(สูเราะฮฺฮูด : 49)
แปลโดย : แวมูฮัมหมัดซาบรี แวยะโก๊ะ / Islam house