สัญญาณเตือนผู้ศรัทธา
  จำนวนคนเข้าชม  24894

 

สัญญาณเตือนผู้ศรัทธา

อ.สุธรรม บุญมาเลิศ

 

          สัญญาณ คือ สิ่งบอกเหตุชนิดหนึ่ง เมื่อสัญญาณหนึ่งเกิดขึ้น จึงเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า สิ่งนั้นๆ ใกล้อุบัติขึ้นแล้ว สำหรับสัญญาณหรือลางบอกเหตุอุบัติขึ้นของวันกิยามะฮฺนั้น มี 2 ประเภทที่สำคัญ คือ 
 

1. สัญญาณย่อย (เล็ก)           2. สัญญาณสำคัญ (ใหญ่) 
 

          แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถจะคำนวณได้ว่าวันกิยามะฮฺจะเกิดขึ้นเมื่อใด สัญญาณดังกล่าว เป็นเพียงตัวบ่งชี้ถึงการคืบคลานเข้าสู่กำหนดการเกิดขึ้นของวันกิยามะฮฺ มิใช่เป็นหลักในการคำนวณหมายกำหนดเกิดขึ้นแต่อย่างใด และหมายกำหนดการกำเนิดวันกิยามะฮฺนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถรับรู้ได้ นอกจากอัลลอฮฺ  เพียงผู้เดียวเท่านั้น และไม่มีวิธีการใดๆ ที่จะสามารถนำพาสู่การรับรู้กำหนดการที่แน่นอนของมันได้

 

          อนึ่ง การเรียนรู้เรื่องสัญญาณวันกิยามะฮฺ จึงให้ประโยชน์เพื่อการเตือนสติ และเสริมสร้างสำนึกแก่ผู้ศรัทธาจักได้เตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอ และจะได้ถอนตัวออกจากการลุ่มหลงดุนยา โดยวางเป้าหมายหลักของตัวเองได้อย่างถูกต้อง นั่นคือ ชัยชนะและความสำเร็จในโลกอาคีเราะฮฺ

 

          สัญญาณย่อยหรืออาจเรียกอีกนามหนึ่งว่า “สัญญาณเล็ก” หมายถึง สัญญาณที่เป็นตัวบ่งบอกว่า ทุกครั้งที่แต่ละสัญญาณชนิดนี้อุบัติขึ้น การคืบคลานของวันกิยามะฮฺจะใกล้เข้ามาทุกขณะ และเมื่อใดที่สัญญาณเหล่านี้อุบัติขึ้นมากจนถึงจุดๆ หนึ่ง สัญญาณสำคัญก็จะอุบัติขึ้นตามมา เมื่อสัญญาณชนิดนี้อุบัติขึ้นเมื่อใด แสดงว่าโลกดุนยานี้ได้ย่างกรายเข้าสู่จุดจบเต็มที จากนั้นไม่นานนัก ดุนยาทั้งหมดจะดับสูญไปพร้อมกับระบบต่างๆ ของมัน  โลกใหม่ โลกสุดท้าย โลกแห่งความจีรัง โลกแห่งเป้าหมายที่แท้จริง โลกแห่งการตอบแทน จะอุบัติขึ้นมาแทนที่ ตรงนั้น ทุกๆ นิยามแห่งดุนยาจะสูญสลาย และตรงนั้น คือสถานที่แห่งการดำรงชีวิตอันถาวรของมนุษย์และญิน…บ้างไปสู่สวรรค์ และบ้างก็ตกลงสู่นรกอเวจี


 

สัญญาณย่อย (เล็ก)

 

          สัญญาณชนิดนี้มีมากมาย มากอาจจะเกินกำลังความสามารถของผู้รวบรวมคนหนึ่งๆ ที่จะรวบรวมสัญญาณชนิดนี้ได้ทั้งหมดโดยไม่ตกหล่น ผู้เขียนเองพยายามที่สุดที่จะรวบรวมให้ได้มากที่สุดเท่าที่อัลลอฮฺ  จะทรงอำนวยให้ โดยจะไม่ใช้คำว่าทั้งหมดเพราะคงจะไม่ถูกต้อง ที่นำมาเสนอตรงนี้คือส่วนใหญ่ของสัญญาณย่อยเท่านั้น 

 

          สิ่งที่จะถูกเรียกว่าเป็นสัญญาณของวันกิยามะฮฺได้นั้น จะต้องถูกตั้งชื่อโดยผู้บัญญัติศาสนา ซึ่งหมายถึงอัลลอฮฺ และศาสนทูตของพระองค์ ผู้เขียนจึงค้นคว้าและถ่ายทอด เพียงสัญญาณบางส่วนที่มีหลักฐานทางศาสนาที่เชื่อถือได้และได้กล่าวรับรองไว้เท่านั้น นอกเหนือจากที่กล่าวมาจึงขอละเว้นไม่นำมาถ่ายทอด

 

สัญญาณย่อยต่างๆ ของวันกิยามะฮฺ มีดังต่อไปนี้

1. การแต่งตั้งท่านนบีมุฮัมหมัด  เป็นศาสนทูต 

ท่านบุคอรีและมุสลิม ได้รายงานว่า ท่าน นบี กล่าวว่า 

“ระยะเวลาระหว่างการที่ฉันถูกแต่งตั้งเป็นนบี กับวันกิยามะฮฺนั้น เสมือนกับระยะความห่างของสิ่งนี้” 

โดยท่านได้ชี้ไปที่นิ้วชี้และนิ้วกลางของท่าน


2. การเสียชีวิตของท่านนบีมุฮัมหมัด  

ท่านนบุคอรีย์ รายงานว่า ท่านนบี  กล่าวว่า 

“เจ้าจงนับ 6 สิ่งที่จะอุบัติขึ้นก่อนวันกิยามะฮฺ คือ 
 

 การเสียชีวิตของฉัน 
 

ถัดจากนั้นคือ การได้รับชัยชนะเหนือบัยตุ้ลมักดิส 
 

 ถัดจากนั้นคือ โรคระบาดที่ทำให้พวกท่านเสียชีวิตมากมาย ดังโรคที่คร่าชีวิตแพะแกะอย่างปัจจุบันทันด่วน 
 

♦ ถัดจากนั้นคือ การมีทรัพย์มากมายจนกระทั่งหากผู้หนึ่งได้รับเงินมากถึง 100 เหรียญทอง เขายังไม่พอใจ 
 

ถัดจากนั้นคือ ความวุ่นวายที่จะเกิดกับชาวอาหรับ 
 

 ถัดจากนั้นคือ การทำสัญญาสงบศึกระหว่างพวกเจ้ากับคนผิวเหลือง แล้วพวกเขาก็ละเมิดสัญญา โดยพวกเขาได้กรีฑาทัพมีจำนวนถึง 12,000 คน”

          โรคระบาดได้เกิดขึ้นแล้วในยุคสมัยคอลีฟะฮฺท่านที่ 2 ท่านอุมัร บุตรอัลค็อต ต็อบ การมีทรัพย์มากมายเกิดขึ้นแล้วในยุคคอลีฟะฮฺท่านที่ 3 ท่านอุสมาน บุตรอัฟฟาน และความวุ่นวายก็เกิดขึ้นแล้วในเหตุการณ์ลอบสังหารท่านอุสมาน บุตรอัฟฟาน สำหรับการสู้รบในฮะดิษ หมายถึง การสู้รบครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างฝ่ายมุสลิมกับคริสเตียน หรือฝ่ายมุชรีกีน (ตั้งภาคี)


3. การผ่าดวงจันทร์ 

อัลลอฮฺ ทรงกล่าวในซูเราะฮฺอัลกอมัรฺ อายะฮฺที่ 1 มีใจความว่า 

“วันกิยามะฮฺใกล้เข้ามาแล้ว และดวงจันทร์ได้แยกเป็น 2 ส่วนในคืนวันเพ็ญ” 

ท่านบุคอรีและมุสลิมได้รายงานว่า

“อนัส บุตรมาลิก เล่าว่า ชาวมักกะฮฺได้ขอท่านนบี แสดงหลักฐานการเป็นนบี ให้พวกเขาเห็น

ท่านนบี จึงได้ผ่าดวงจันทร์ให้พวกเขาได้เห็นกับตาถึง 2 ครั้ง”

ท่านซิดดิ๊ก กล่าวว่า

           “อัลลอฮฺ  ทรงกล่าวถึงการเขยิบเข้าใกล้ของวันกิยามะฮฺพร้อมกับการผ่าดวงจันทร์ ตรงนี้นับเป็นหลักฐานชี้ถึงการเป็นนบี และการได้รับแต่งตั้งให้เป็นนบี นั่นคือ สัญญาณหนึ่งของวันกิยามะฮฺ”


4. เกิดการลุกของไฟ ณ แผ่นดินอัลฮิญาซ 

ท่านบุคอรีและมุสลิมรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีไฟออกมาจากแผ่นดินอัลฮิญาซ ไฟดังกล่าวส่องแสงถึงคออูฐที่บุศรอ (สถานที่หนึ่งในชาม)” 

          มีรายงานเรื่องการเกิดไฟดังกล่าวแล้วที่เมืองมะดีนะฮฺจากนักวิชาการจำนวนมากมาย จนท่านอิหม่ามนะบาวีย์ กล่าวว่า ความรู้เรื่องเหตุการณ์นี้เป็นรายงานชนิดมุตะวาติ๊ร (เชื่อถืออย่างมั่นใจ) ในหมู่ชาวชาม


5. การจัดเก็บญิซซะฮฺและค่อรอจล่มสลาย 

          อิสลามในยุคแรกมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมคาบสมุทรอาหรับทั้งหมด และมีเมืองต่างๆ อยู่ภายใต้การปกครองมากมาย เช่น อิรัก อียิปต์ สเปน ฯลฯ ผู้อยู่อาศัยในอาณาจักรอิสลามรวมถึงเมืองภายใต้การปกครองทั้งหมด ไม่ต้องจ่ายซะกาต หากผู้นั้นไม่ใช่มุสลิม แต่พวกเขาจะต้องเสียค่าญิซซะฮฺ (ประมาณ 2 เหรียญทอง) และเสียค่าค่อรอจ (ภาษีชนิดหนึ่งที่เรียกเก็บจากผลผลิตทางการเกษตร) ดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมุสลิม แต่ท่านนบี ได้กล่าวทำนายไว้ว่า การจัดเก็บดังกล่าวจะล่มสลายซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของมุสลิมและเป็นสัญญาณหนึ่งของวันกิยามะฮฺ 

ท่านมุสลิมรายงานว่า

ท่านญาบิร กล่าวว่า “ใกล้มากแล้ว ที่พวกเขาจะไม่ส่งกอฟิซ (มาตรการตวงชนิดหนึ่ง) และเหรียญเงินแก่มุสลิม 

พวกเขาจึงถามว่า พวกนั้นคือใคร ?

ท่านญาบิรตอบว่า ชาวต่างชาติ (ผู้ที่ไม่ใช่อาหรับที่เคยส่งญิซยะฮฺและค่อรอจ) จะระงับการส่งดังกล่าว”

           ท่านอิหม่ามนะวาวีย์อธิบายตรงจุดนี้ว่า ความหมายของฮะดิษนี้คือ ชาวต่างชาติและพวกโรมันจะเข้ายึดครองเมืองต่างๆ ในช่วงใกล้ๆ วันกิยามะฮฺ และเข้ามายกเลิกระบบดังกล่าวจนมุสลิมไม่ได้รับประโยชน์ (เช่นที่เคยได้รับ)


6. มีผู้กล่าวอ้างตนเองว่าเป็นนบี  อย่างมากมาย 

ท่านบุคอรีและมุสลิม รายงานว่า ท่าน นบี  กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าจะมีดัจญาลจอมโกหกประมาณ 30 คน

โดยทั้งหมดจะอ้างตนว่าเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ ”


7. การมอบภาระรับผิดชอบแก่ผู้ขาดคุณสมบัติ 

ท่านบุคอรีย์ รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า

 “หากเมื่อใดภาระรับผิดชอบถูกละเลยก็จงคอยพบกับวันกิยามะฮฺเถิด 

อาหรับชนบท (ผู้ถามเรื่องวันกิยามะฮฺ) จึงถามว่า การละเลยภาระรับผิดชอบจะเกิดขึ้นอย่างไรครับ ?

ท่านนบี ตอบว่า เมื่องานหนึ่งๆ ถูกมอบให้แก่ผู้ขาดคุณสมบัติในงานนั้นๆ ก็จงรอคอยพบกับวันกิยามะฮฺเถิด”


8. ประชาชาติต่างๆ จะร่วมกันทำร้ายประชาชาติอิสลาม 

ท่านอิหม่ามอะฮฺหมัดและอบูดาวูดได้รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“ใกล้มากแล้วที่ประชาชาติต่างๆ จากทุกมุมโลกจะร่วมกันทำร้ายพวกเจ้าเสมือนกับผู้หิวโหยกระโจนเข้าสำรับอาหาร 

พวกเราจึงถามว่า ท่านรอซูล ครับ วันนั้นเป็นเพราะพวกเรามีจำนวนน้อยกระนั้นหรือ ? 

ท่านตอบว่า พวกเจ้ามีมากมาย แต่ความมากของพวกเจ้าเปรียบดั่งฟองน้ำบนสายน้ำ ซึ่งอ่อนแอยิ่งนัก ศัตรูจะหมดความกลัวต่อพวกเจ้า และพวกเจ้าจะรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอ 

พวกเราจึงถามว่า ความอ่อนแอเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ ? 

ท่านตอบว่า เกิดจากความรักต่อการมีชีวิตและรังเกียจความตาย”


9. ทาสหญิงจะคลอดบุตรออกมาเป็นนายของตัวเอง และคนเลี้ยงแกะจะแข่งขันกันสร้างอาคาร 

ท่านมุสลิมได้รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า

“สัญญาณหนึ่งของวันกิยามะฮฺ คือ การที่ทาสหญิงจะคลอดลูกออกมาเป็นนายของตัวเอง

และการที่ท่านจะพบเห็นคนจนผู้ที่ไม่มีรองเท้าและเสื้อผ้าสวมใส่เป็นคนเลี้ยงแกะจะแข่งขันกันสร้างอาคาร”


10. เกิดความตกต่ำ ความเลวร้าย ความรู้จะถูกเก็บ ความไม่รู้จะแพร่หลาย สตรีจะมีมากกว่าเพศชาย และการฆ่าจะแพร่หลาย 

ท่านบุคอรีและมุสลิมรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“ส่วนหนึ่งจากสัญญาณวันกิยามะฮฺ คือ ความรู้จะมีน้อย ความไม่รู้จะมีมากมาย

การผิดประเวณีและการดื่มสิ่งมึนเมาจะแพร่หลาย

เพศชายจะมีน้อย เพศหญิงจะมีมาก จนกระทั่งผู้ชาย 1 คน ต้องดูแลสตรีถึง 50 คน” 

ท่านบุคอรีและมุสลิมรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“ก่อนวันกิยามะฮฺไม่นานนัก ความรู้จะถูกเก็บ ความไม่รู้จะถูกส่งลงมา การฆ่ากันจะเกิดขึ้นมากมาย”


11. การกล่าวสลามเฉพาะบุคคลที่รู้จัก การค้าขายจะแพร่หลาย และเกิดการตัดสัมพันธ์เครือญาติ 

ท่านอิหม่ามอะฮฺหมัด รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“จะเกิดก่อนวันกิยามะฮฺ การกล่าวสลามเฉพาะบุคคลที่รู้จัก

การค้าจะเป็นที่แพร่หลายจนกระทั่งภรรยาต้องออกมาช่วยสามีค้าขาย

การตัดสัมพันธ์เครือญาติ การเป็นพยานเท็จ การปกปิดความจริง และการบันทึกจะไม่ถูกนำมาใช้”


12. ความอยากตาย เพราะความทุกข์ที่ได้รับ 

ท่านบุคอรีและมุสลิม รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“ขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในอำนาจของพระองค์ว่า ดุนยาจะยังไม่สูญสลาย

จนกว่าผู้คนจะเดินผ่านหลุมศพ แล้วพลางกล่าวขณะที่ลงไปคลุกเคล้าบนหลุมศพว่า

"หวังว่าฉันจะไปอยู่แทนที่ของเขา"

ที่เขาคิดเช่นนั้น มิใช่เป็นเพราะเรื่องศาสนา หากแต่เป็นเพราะความทุกข์ที่เขาได้รับ”


13. ผู้คนจะอวดมัสยิดกัน  

ท่านอบูดาวูด นะซาอี และอิบนิมาญะฮฺ รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าผู้คนจะอวดกันเรื่องความสวยงามของมัสยิด” 

ท่านอบูดาวูดรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า “ฉันมิได้ถูกใช้ให้ยกมัสยิดสูงๆ” 

ท่านอิบนิอับบาส อธิบายว่า “พวกเจ้าจะประดับประดามัสยิดกันเฉกเช่นที่พวกยิวและคริสต์ทำกัน”


14. มนุษย์จะนิยมตกแต่งบ้านเรือน  

ท่านบุคอรีย์ รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าผู้คนจะสร้างบ้านเรือนและตกแต่งแกะสลักลวดลาย”


15. เวลาจะสั้นลง และจะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง 

ท่านบุคอรีรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าความรู้จะถูกเก็บ แผ่นดินจะไหวบ่อย เวลาจะสั้นลง

ความโกลาหลจะแพร่หลาย การฆ่ากันจะดาษดื่น และจนกว่าพวกเจ้าจะมีทรัพย์มากมาย”


16. ฝนตกบ่อยขึ้น  

ท่านอิหม่ามอะฮฺหมัด รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าจะไม่มีการกล่าวคำว่าอัลลอฮฺ บนพื้นพิภพ
 

จนกว่าฝนจะตกบ่อยครั้ง แต่มันมิได้ทำให้พืชพันธุ์ใดงอกงาม

และจนกว่าสตรี 50 คน จะมีผู้ดูแลเป็นชายเพียงคนเดียว”



17. ตลาดจะอยู่ใกล้กัน 

ท่านอิหม่ามอะฮฺหมัดและอิบนิมาญะฮฺ รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะไม่อุบัติขึ้น จนกระทั่งมีการเก็บความรู้ มีความโกลาหลเกิดขึ้นอย่างดาษดื่น

มีการโกหกกันมากมาย กาลเวลาจะสั้นลง ตลาดจะอยู่ใกล้ๆ กัน และการฆ่ากันแพร่หลาย”


18. คาบสมุทรอาหรับจะกลับกลายเป็นแผ่นดินที่เขียวชะอุ่มและมีแม่น้ำหลายสาย 

ท่านมุสลิมรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าทรัพย์สินจะมีมากมาย

จนกระทั่งผู้หนึ่งจะจ่ายซะกาตทรัพย์สินของตน แต่เขาไม่พบผู้ใดมาขอรับซะกาตเลย

และจนกว่าพื้นแผ่นดินอาหรับจะกลับกลายเป็นแผ่นดินที่เขียวชะอุ่มและเต็มไปด้วยแม่น้ำ”


19. น้ำในแม่น้ำยูเฟรติส(ในอิรัก) จะลดลงจนพบภูเขาทองคำ 

ท่านมุสลิมรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าแม่น้ำยูเฟรติสจะลดลงจนพบภูเขาทองคำที่นั่น

มนุษย์จะเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงทองคำ พวกเขาจะถูกฆ่าตาย 99 คนจาก 100 คน

โดยแต่ละคนต่างคิดว่าตนเองจะรอด”


20. สัตว์จะพูดคุยกับมนุษย์ได้ 

อิหม่ามอะฮฺหมัดและอิบนิฮิบบาน รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าสัตว์จะพูดคุยกับคน”


21. มีการร่วมประเวณีกันอย่างโจ่งแจ้ง 

ท่านอิบนิฮิบบานและอัลบัซซาร รายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าพวกเจ้าจะร่วมประเวณีกันตามทางสัญจรเช่นเดียวกับลา 
 

ผู้รายงานกล่าวถามว่า จะเกิดเช่นนั้นเชียวหรือครับ? 
 

ท่านตอบว่า จะเกิดเช่นนั้นแน่”


22. แผ่นดินจะคายสิ่งที่มีค่าออกมา 

ท่านมุสลิมรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า

"แผ่นดินจะคายส่งชิ้นส่วนภายในของมันออกมาเป็นทองคำ และเงินขนาดเสาต้นใหญ่ๆ”


23. มุสลิมจะชนะชาวยิว 

ท่านมุสลิมรายงานว่า ท่านนบี กล่าวว่า 

“วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้น จนกว่าบรรดามุสลิมจะรบกับพวกยิว และมุสลิมจะฆ่าพวกเขาอย่างราบคาบ

จนกระทั่ง หากยิวผู้หนึ่งแอบซ่อนตนเองหลังก้อนหินหรือต้นไม้

หินและต้นไม้จะกล่าวว่า มุสลิมเอ๋ย บ่าวของอัลลอฮฺ  เอ๋ย ชาวยิวมาหลบอยู่ด้านหลังฉัน มาฆ่าเขาเลย”



สัญญาณใหญ่ที่สำคัญ

          สัญญาณใหญ่ที่สำคัญ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเข้าใกล้วันกิยามะฮฺได้ชัดเจนกว่าสัญญาณย่อย (เล็ก) เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการคืบคลานเข้าใกล้กำหนดการเกิดวันกิยามะฮฺมากที่สุด สัญญาณชนิดนี้มีไม่มากและ ณ ขณะนี้ยังไม่อุบัติขึ้น

          นักวิชาการมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการเกิดก่อนหลังของสัญญาณชนิดนี้ ตรงจุดนี้ผู้เขียนขอถ่ายทอดคำกล่าวของนักวิชาการบางท่านเกี่ยวกับประเด็นนี้ ดังนี้

          ท่านอิบนฺฮัจร์ กล่าวว่า

          “จากการพิจารณาตัวบทอัลฮะดิษเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ดูมีน้ำหนักที่สุดเกี่ยวกับการลำดับเหตุการณ์แล้ว สัญญาณแรกที่จะอุบัติขึ้น คือ ดัจญาล จากนั้น จะมีสัญญาณอื่นตามมาจนถึงการเสียชีวิตของท่านนบีอีซา(อะลัยฮิสลาม) สัญญาณช่วงนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการล่มสลายของมาตรฐานและระบบต่าง ๆ ของสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดินที่เคยใช้ และเคยเป็นก่อนหน้านั้น

          จากนั้นคือ การขึ้นของดวงอาทิตย์ทางทิศตะวันตก ซึ่งสัญญาณนี้เป็นการเริ่มต้นแห่งการล่มสลายของระบบต่างๆ บนฟากฟ้า จนถึงที่สุดแห่งการล่มสลายด้วยการเกิดขึ้นของวันกิยามะฮฺ และคาดว่าวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก คงเป็นวันเดียวกันกับการออกมาของสัตว์ชนิดหนึ่งด้วย”

          ท่านอัลกุรตุบี กล่าวว่า

           “สัญญาณแรกคือ ดัจญาล จากนั้นคือ การลงมาของท่านนบีอีซา (อะลัยฮิสลาม) จากนั้นคือ การออกมาของยะญูจ มะญูจ จากนั้นคือ การออกมาของสัตว์ชนิดหนึ่ง จากนั้นคือ ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก และจากนั้นไม่นานกิยามะฮฺจะอุบัติขึ้น”


ฝากถึงมุสลิม

          หลังจากที่ผู้อ่านได้อ่านและรับรู้แล้วว่า สัญญาณของวันกิยามะฮฺ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท มีสัญญาณย่อยและสัญญาณใหญ่ ซึ่งสัญญาณย่อยมีบางส่วนที่เกิดขึ้นไปแล้ว และมีบางส่วนกำลังเกิดขึ้น และอีกบางส่วนกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราจะได้เห็นมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว คือ การเกิดขึ้นของท่านนบีมุฮัมหมัด  การวาฟัต(เสียชีวิต)ของท่านนบี นี้ถือเป็นสัญญาณย่อยที่เกิดขึ้นไปแล้ว การแบ่งดวงจันทร์เป็น 2 เสี้ยว ตามที่อัลกุรอานได้กล่าวเอาไว้ 

          และมีบางส่วนที่เกิดขึ้นในยุคของพวกเรา ที่เราได้เห็นกันอยู่ ตลาดจะใกล้เข้ามา เราจะเห็นได้เลยว่าตลาดนัดมีทุกจุด การค้าขายเพิ่มมากขึ้น ผู้ชายและผู้หญิงออกไปค้าขายกันเพื่อปัจจัยยังชีพ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในยุคปัจจุบัน มีการทำซีนา(ผิดประเวณี)กันมากขึ้น เป็นสิ่งที่เราเห็นกันหมดแล้ว 

          และสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือสัญญาณใหญ่ เมื่อมันเกิดขึ้น มันก็จะเกิดวันกิยามะฮฺขึ้นทันที เมื่อสัญญาณครบ 6-7 อย่างที่เป็นสัญญาณใหญ่ เมื่อใดที่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก แล้วตกทางทิศตะวันออก ก็เป็นอันว่าสิ้นสุด เราจะอยู่ถึงวันนั้นหรือจะไม่อยู่ถึงวันนั้น วันนั้นจะมาหาเราเมื่อไหร่ เราไม่รู้ 

          ดังนั้น ผมอยากจะบอกว่า ใครที่เขาบอกว่า ในรอบปีมันมีอยู่ 365 หรือ 366 วัน แต่สำหรับผมแล้ว ผมเห็นเหมือนกับท่านนบีมูซา (อะลัยฮิสลาม) ที่ท่านเคยบอกกับพวกเราว่า วัน ณ โลกดุนยามันมีอยู่แค่ 4 วันเท่านั้น คือ เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ และวันที่เราจะต้องไปถูกตอบแทน ณ ที่อัลลอฮฺ จะทรงตอบแทนจากการกระทำของเรา ดังนั้น 3 วัน ที่เรากำลังมีชีวิตอยู่ เราได้อะไรจากมันบ้าง เมื่อวานนี้เราได้อะไรจากมัน ถ้าหากว่า เมื่อวานของเราเป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับเรา วันนี้ก็น่าจะทำให้ดีไปกว่านั้น แต่ถ้าหากว่าเมื่อวานนี้มันเป็นวันที่เราขาดทุนกับอัลลอฮฺ เพราะเราทำการค้ากับพระองค์แต่ขาดทุน วันนี้ยังไม่สายที่เราจะกลับมาแก้ตัว ดังนั้น วันเมื่อวาน คือเมื่อวานนี้ เป็นวันที่เราเอาโล้เอาพายกับมันไม่ได้แล้ว นอกจากว่าเอามันเป็นอนุสติในการดำเนินชีวิตของเราในวันนี้ ส่วนวันพรุ่งนี้ เราเองก็เอาแน่เอานอนกับมันไม่ได้เหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่าชีวิตของเรานี้ จะจบสิ้นในวันนี้ ไม่สามารถจะไปถึงวันพรุ่งนี้ หรือว่าวันพรุ่งนี้จะมาหาเราหรือเปล่า อาจจะเสียชีวิตก่อนก็ได้ ดังนั้น ก็เอาแน่เอานอนกับมันไม่ได้เช่นเดียวกัน วันที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา และวันที่ดีที่สุดสำหรับเราคือ วันนี้ วินาทีนี้ ชั่วโมงนี้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา

ดังนั้น เราควรที่จะหาประโยชน์กับวันนี้ของเราให้ดีที่สุด วันที่ท่านรอซูล ได้เคยบอกเอาไว้ว่า 

          "ในแต่ละวันที่แสงอรุณขึ้นบนขอบฟ้า มันจะตะโกนร้องว่า ฉันคือผู้ที่อัลลอฮฺ สร้างขึ้นมาใหม่ และฉันก็จะเป็นพยานให้กับท่าน ถ้าหากว่าท่านทำดี ฉันก็จะเป็นพยานให้

          ถ้าท่านทำชั่ว ฉันก็จะเป็นพยานปักปรำ ดังนั้น จงหาประโยชน์ให้มากที่สุดในตัวฉันเถอะในวันนี้ เพราะฉันจะไม่กลับมาอีกแล้ว จนกว่าวันกิยามะฮฺจะเกิดขึ้น"

          ดังนั้น วันนี้ของเราจะไม่กลับมาหาเราอีกแล้ว สิ่งที่เราน่าจะแสวงหา ในฐานะที่เราเป็นปัจเจกชนที่มีสติปัญญา มีความรู้ มีความนึกคิด เราน่าที่จะตักตวง เราน่าที่จะขวนขวาย เราน่าจะฉวยโอกาสในวันนี้ของเราให้ดีที่สุด ทำให้ได้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อที่เมื่อเราจะกลับไปหาอัลลอฮฺ  แล้ว เราก็จะเป็นบ่าวที่สมบูรณ์แบบ ณ พระพักตร์ของพระองค์


          ขออัลลอฮฺ ทรงประทานสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพใจที่สมบูรณ์ เพื่อที่เราจะได้ทำอะม้าลอิบาดะฮ์ ต่ออัลลอฮฺ ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด