วิทยาศาสตร์ในอัลกุรอาน
  จำนวนคนเข้าชม  36240

 

วิทยาศาสตร์ในอัลกุรอาน

 

โดย  อาจารย์ ญุมอัต พูลสวัสดิ์

 

          เหล่าศรัทธาชนผู้มีศรัทธาในเอกองค์อัลลอฮ์ ที่รักและเคารพทุกท่าน ขอความรักความสุขสงบสันติ ความจำเริญจากเอกองค์อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา จงประสบแด่ทุกท่าน 

 

          ก่อนสิ่งใดข้าพเจ้าใคร่ขอตักเตือนตัวข้าพเจ้าเองเป็นสำคัญ และท่านพี่น้องทั้งหลาย ให้ตั้งตนอยู่บนหลักการตักวา หลักการยำเกรงต่อเอกองค์อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา  ยอมจำนนประพฤติปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในบรรดาสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติใช้ ละเว้นหลีกเลี่ยงอย่างห่างไกล จากบรรดาสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติห้าม  ซึ่งการตักวา นี้เองจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญ กำกับความคิด คำพูด และการกระทำของเราให้อยู่ในหนทางของอัลอิสลามอันเที่ยงตรงของพระองค์ ในวันที่เขาจะหวนกลับคืนสู่พระเมตตาของอัลลอห์ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา  

 

        เหล่าศรัทธาชนที่รักและเคารพทุกท่าน อิสลามคือศาสนาที่สอนให้เราเชื่อมั่นว่า อัลลอห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา คือพระเจ้า เพียงพระองค์เดียว อิสลามสอนให้เราใช้ปัญญา โดยผ่านทางตา หู และหัวใจ ในการค้นหาพระองค์ เนื่องจากพระองค์ ไม่ทรงเผยองค์ให้เราเห็น ทั้งนี้เพื่อเป็นการทดสอบ อิหม่าน การศรัทธาของเรา แต่กระนั้นพระองค์ได้ทรงเผยถึงสัญญาณต่างๆ ข้อพิสูจน์ต่างๆ มากมายจากสรรพสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงสร้างมา ไม่ว่าจะเป็นชั้นฟ้า แผ่นดิน สิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต สิ่งต่างๆ ที่เราพบเห็น แม้กระทั่งสิ่งที่อยู่ในตัวของเราเอง มันจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการมีของพระองค์อย่างแน่นอน ระบบต่างๆ ที่ทำงานตามหน้าที่ของมันอย่างประสานกันอย่างกลมกลืน มีความละเอียดอ่อนซับซ้อน 

 

          หากมองในภาพรวมแล้ว สรรพสิ่งทั้งหลายจะสามารถทำงานกันด้วยความสัมพันธ์อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งนี้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยความบังเอิญ แต่มันเกิดการสรรค์สร้างของพระผู้ยิ่งใหญ่เพียงพระองค์เดียว อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เกรียงไกร มีความเมตตาต่อมนุษย์เหลือคณา พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างเราและทิ้งให้เราตามหาพระองค์เอง แต่พระองค์ยังทรงแต่งตั้ง ศาสนทูตมายังเรา ให้นำสาสน์ของพระองค์มาให้แก่เรา 

 

         สาสน์ของพระองค์คือ อัลกุรอาน มีทั้งหลักคำสอน มีทั้งเรื่องเล่า มีทั้งอุทาหรณ์ ยารักษาโรค และสัญญาณต่างๆที่พิสูจน์ว่าคัมภีร์เล่มนี้มาจากพระองค์อย่างแท้จริง ในอัลกุรอานนั้นมีหลักฐานมากมาย ที่ตรงกับความเป็นจริงทางหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเพิ่งจะถูกค้นพบมาไม่นาน แต่ความเป็นจริง อิสลามได้บอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอัลกุรอานนั้นมากว่า 1400 ปี แล้ว ในยุคที่คำว่าวิทยาศาสตร์และวิทยาการแขนงใหม่ยังไม่ถูกรู้จัก ส่วนหนึ่งจากบรรดาสัญญาณต่างๆ ที่อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา  ตรัสไว้ในอัลกุรอานนั้นคือ


 

ประการแรก 

        การกำเนิดของจักรวาล ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยอมรับกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่าบิ้กแบงก์(Big Bang) เป็นทฤษฎีที่เชื่อว่าก่อนที่จะกำเนิดจักรวาลนั้นทุกอย่างเป็นเพียงกลุ่มเมฆ และกลุ่มหมอกที่รวมตัวกัน อัดแน่นกันโดยมีอุณหภูมิสูงจัด จากนั้นก็เกิดการระเบิดขนาดมหึมาขึ้นมา เป็นการกำเนิดของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล อย่างที่เรารู้ในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ตรงกับ อายะห์อัลกุรอานในซุเราะห์ อัลอัมบิยาอฺ อายะหฺที่ 30 พระองค์ทรงดำรัสว่า

 "และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น ไม่เห็นดอกหรือว่า

แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนรวมติดกันเป็นอันเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน

และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกดอกหรือ"


ประการที่สอง 

        จักรวาลที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้กำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ภายหลังการเกิดบิ้กแบงก์(Big Bang) หรือการระเบิดครั้งนั้น จักรวาลอันประกอบไปด้วยหลายล้านกาแลคซี (Galaxy) ที่ขยายตัวออกไปด้วยความเร็วสูงจนปัจจุบันระหว่างกาแลคซีก็ยิ่งห่างออกไปมากขึ้นทุกวัน ที่อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา ทรงดำรัสในซูเราะห์อัซซาริยาต อายะห์ที่ 47 พระองค์ทรงดำรัสว่า

"และชั้นฟ้านั้นเราได้สร้างมันด้วยพลัง และแท้จริงเราได้แผ่ให้กว้างใหญ่ไพศาล

นั่นเป็นสิ่งที่ชี้ให้เราเห็นว่าแน่นอนพระองค์ทรงทำให้จักรวาลนี้ขยายแผ่ออกไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ

จนกระทั่งวันนี้ และอนาคตเช่นเดียวกัน"


ประการที่สาม 

         โลกที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้ไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ แต่ก่อนมนุษย์คิดว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลทั้งดวงอาทิตย์ ดวงดาว ดวงจันทร์ โคจรรอบโลก แต่ความจริงที่พบในวิทยาศาสตร์ยุคใหม่คือ โลกกำลังโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วประมาณ 29.783 กิโลเมตรต่อวินาที ที่ตรงกับอายะห์อัลกุรอานในซูเราะห์ อัลนัมล์ อายะห์ที่ 88 พระองค์ทรงดำรัสว่า

"และเจ้าจะเห็นขุนเขาทั้งหลาย เจ้าจะคิดว่ามันติดอยู่กับที่ แต่มันล่องลอยไป เฉกเช่นการล่องลอยของปุยเมฆ

นั่นคืองานของอัลเลาะห์ ซึ่งพระองค์ทรงทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดความเรียบร้อย

แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ตระหนักในสิ่งที่เจ้ากระทำ"

ไม่ใช่เพียงแค่โลกที่เกิดการเคลื่อนไหว 


ประการที่สี่ 

        ดวงอาทิตย์ที่โลกกำลังโคจรรอบอยู่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาลมันก็ไม่อยู่นิ่ง ความจริงที่ค้นพบคือดวงอาทิตย์กำลังโคจรไปรอบๆศูนย์กลางกาแลคซี(Galaxy) ทางช้างเผือกด้วยความเร็วมากกว่า 220 กิโลเมตรต่อวินาที ในซูเราะห์ยาซีน อายะห์ที่ 37 พระองค์ทรงดำรัสว่า

"และดวงอาทิตย์โคจรตามวิถีของมัน นั่นคือกำหนดของพระผู้ทรงอำนาจ พระผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง"


ประการที่ห้า 

        โลกของเราถูกปกป้องไปด้วยชั้นบรรยากาศ ชั้นบรรยากาศนี้สร้างประโยชน์มากมายให้กับสิ่งมีชีวิต แถมยังช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีจากดวงอาทิตย์ รังสีอุลตราไวโอเลต(Ultra Violet) เป็นรังสีที่อันตรายต่อผิวหนังของมนุษย์ และพืช และชั้นบรรยากาศนี้เช่นเดียวกันก็ทำให้อุกกาบาต ที่เข้ามาใกล้โลกเกิดการเผาไหม้แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กๆก่อนที่จะตกลงสู่ผิวโลก ในอัลกุรอานใช้คำว่าชั้นฟ้าเป็นเสมือนหลังคา ในซูเราะห์อัลอัมบิยา ในอายะห์ที่ 32 พระองค์ทรงดำรัสว่า

"และเราได้ทำให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคาที่ถูกรักษาไว้ พวกเขาก็ยังผินหลังให้กับสัญญาณต่างๆของมัน"


ประการที่หก 

        ชั้นบรรยากาศไม่ใช่เพียงแค่ปกป้องแสงที่มาจากนอกโลก แต่ยังเป็นแหล่งรวบรวมน้ำซึ่งทำให้เกิดฝนบนโลก ชั้นบรรยากาศถูกแบ่งออกเป็น 4 ชั้น ชั้นแรกเรียกโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) สูงจากพื้นดินประมาณ 15 กิโลเมตร อุณหภูมิจะค่อยๆ ลดต่ำลงในระดับความสูง แต่ในทางตรงกันข้ามความดันอากาศจะเพิ่มขึ้นเมื่อความสูงเพิ่มขึ้น ชั้นบรรยากาศนี้เป็นชั้นซึ่งที่เกี่ยวข้องกับภูมิสภาพอากาศบนพื้นโลกโดยตรง ส่วนหนึ่งก็คือทำให้ไอน้ำที่ระเหยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศนี้เกิดการควบแน่น กลายเป็นหยดน้ำ และหยดน้ำนี้ก็รวมตัวกลายเป็นเม็ดฝน ชั้นบรรยากาศนี้เปลี่ยนความร้อนให้กลายเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ ในเวลากลางคืน ทำให้อุณหภูมิลดลดและอากาศเย็น อัลกุรอานมีกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ในซูเราะห์อัตตอริก อายะห์ที่ 11 พระองค์ทรงดำรัสว่า


وَالسَّمَاءِ ذَاتِ الرَّجْعِ      "ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าที่หลั่งน้ำฝน"

        ในอายะห์นี้ใช้คำว่า อัรรอจ  الرَّجْعِ  มีความหมายว่ากลับคืน เราสามารถเข้าใจว่า ชั้นฟ้าที่เปลี่ยนให้ไอน้ำกลับคืนกลายเป็นเม็ดฝน และเปลี่ยนความร้อนให้กลับคืนไปเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ลงสู่พื้นโลกนั่นเอง เกิดเป็นวงจรของน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ที่อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา ทรงสร้างสรรค์ขึ้น


          เหล่าศรัทธาชนที่รักและเคารพทุกท่าน กุดเราะห์ที่อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา นั้นยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด การสร้างของพระองค์ในบรรดาสรรพสิ่งต่างๆ ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสัญญาณต่างๆ มากมาย ที่ชัดเจน และเร้นลับ อายะห์อัลกุรอานเพียงอายะห์เดียวก็เพียงพอที่จะเป็นสัญญาณให้กับบ่าวได้ไตร่ตรองในอำนาจของพระองค์ ให้บ่าวได้พินิจพิจารณาในสัญญาณที่พระองค์ทรงทำให้ประจักษ์ เพราะการพินิจพิจารณาไตร่ตรองนี้เองเป็นอิบาดะห์ที่ยิ่งใหญ่  ด้วยเหตุที่ว่ามันเป็นการเพิ่มพูนหลักอีหม่านศรัทธาของบ่าวคนหนึ่ง ที่มีต่อพระองค์อัลเลาะห์ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา  

          ท่านอิบนุกอยยิม ได้กล่าวไว้ว่า "การพินิจพิจารณาเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งนั้นย่อมดีกว่าการทำอิบาดะห์ถึง 60 ปีด้วยกัน" 

          หากเราจะมองในอีกแง่มุมหนึ่ง สิ่งต่างๆที่พระองค์อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา สรรสร้างมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นความเมตตาเป็นความกรุณาที่มีต่อบ่าว หากระบบหรือวงจรใดๆ รอบตัวเราขาดไปเศษซึ่งองค์ประกอบหนึ่ง แน่นอนว่าชีวิตของเรา ก็จะมิสามารถดำรงอยู่ในดุนยานี้ได้ อัลเลาะห์ ซุบฮานาฮูว่าตะอาลา ทรงมีพระดำรัสในซูเราะห์อิบรอฮีม อายะห์ที่ 7 พระองค์ทรงดำรัสว่า

"หากแม้นพวกเจ้ารู้จักที่จะขอบคุณ (ในบรรดาความเมตาด้วยกับการอีหม่าน และการตออะห์แล้ว)

ข้าจะเพิ่มพูนให้กับพวกเจ้า (จากบรรดาความประเสริฐต่างๆ)

แต่หากพวกเจ้าเนรคุณ แน่นอนว่าการลงทัณฑ์ของข้านั้น สาหัสยิ่ง"
 

 

 

คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ