การสุญูดสะห์วี่
แปลและเรียบเรียง... อ.อิสหาก พงษ์มณี
ความหมาย
สำหรับมุสลิมโดยทั่วไปแล้วคงทราบดีว่าการสุญูดคืออะไร ดังนั้นจึงขอ อธิบายพอสังเขปดังนี้ การสุญูดหมายถึงการก้มลงกราบที่พื้นโดยใช้ปลายเท้าทั้ง สองยันพื้นไว้ หัวเข่าทั้งสองข้างจรดพื้นและกราบโดยให้หน้าผากและปลายจมูก แตะพื้น ส่วนมือทั้งสองข้างวางลักษณะคว่ำลงแตะพื้นเช่นกัน โดยให้มีระยะห่าง เล็กน้อยจากศีรษะและมิให้วางเลยศีรษะไปทางด้านบน
ส่วนคำว่า “อัสสะห์วี่” หรือที่เรียกติดปากง่ายๆ ว่า “สะห์วี” นั้น แปลว่า หลงลืม คือคำพูดหรือการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นหรือขาดไปจากการหลงลืม ดังนั้น การสุญูดสะห์วี่จึงหมายถึง การสุญูดที่ศาสนากำหนดให้กระทำเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องอันเกิดจากการหลงลืมที่เกิดขึ้นในขณะละหมาดนั้น
ตัวบทต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสุญูดสะห์วี่
ฮะดีษที่หนึ่ง
ท่านอบูฮุรอยเราะห์รายงานว่า ท่านนะบี นำเราละหมาดหนึ่งจากการละหมาย หลังบ่าย(อัฎฎุ๊ห์ริหรือไม่ก็อัศริ)
อิบนุสิรีน(หนึ่งในผู้รายงายจากอบูฮุรอยเราะห์) กล่าวว่า “ท่านอบูฮุรอยเราะห์ระบุไว้แต่ฉันลืม”
ท่านอบูฮุรอยเราะห์เล่าต่อ ไปว่า ท่านนบี นำเราละหมาดเพียงสองร๊อกอะห์แล้วก็ให้สลาม แล้วท่านก็ลุกขึ้น เดินไปยังไม้ที่พาดอยู่ในมัสยิดและพิงไม้นั้น ในสภาพเหมือนขุ่นเคือง (อะไรบาง อย่าง) ท่านนำมือทั้งสองของท่านประกบและประสานกันโดยแนบแก้มขวาไว้กับ หลังมือซ้าย
บรรดาผู้ที่รีบร้อนก็ออกจากมัสยิดพร้อมกล่าวว่าละหมาดนั้นได้รับการย่อ (ให้เหลือเพียงสองร๊อกอะห์หรือย่างไร) ในขณะนั้นมีท่านอบูบักร์และอุมัรร่วมอยู่ด้วยแต่ทั้งคู่ไม่กล้าที่จะถามท่าน นบี
ในจำนวนนั้นก็มีผู้หนึ่งที่มีมือ ยาว(เป็นพิเศษ) ได้ถามว่า "โอ้ ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ ท่านลืมหรือละหมาดถูกย่อกันแน่”
ท่านตอบว่า “ฉันมิได้ลืมและละหมาดก็มิได้ถูกย่อ”
ท่านจึงถามผู้อื่นว่า “จริงตามที่เจ้ามือยาวกล่าวกระนั้นหรือ?”
ทุกคนตอบว่า “จริง”
ท่านจึงก้าวไป ข้างหน้าและละหมาดในส่วนที่ขาดแล้วให้สลาม ต่อมาท่านก็ตักบีรแล้วสุญูด เท่าสุญูดครั้งแรกหรือยาวกว่า แล้วท่านก็เงยศีรษะขึ้นพร้อมกับกล่าวตักบีร ท่านตักบีรอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับก้มลงสุญูดเท่าสุญูดครั้งก่อนหรือยาวกว่า แล้วท่านก็เงยศีรษะขึ้นพร้อมกับกล่าวตักบีร (ข้อความในวงเล็บเป็นข้อความที่แทรกโดยผู้รายงานซึ่งมีรายละเอียด ดังนั้นขอเว้นจะไม่กล่าวถึง) แล้วท่านก็ให้สลาม(อีกครั้งหนึ่ง)
(อัลบุคอรี /468,5704, อบูดาวู๊ด /1008,อันนซาอี /1224,อิบนุมาญะห์ / 12141)
ฮะดีษที่สอง
ท่านอิมรอน อิบนุฮุศอยน์ รายงายว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ ละหมาดอัศริได้เพียงสามร็อกอะห์แล้วให้สลาม ต่อมาท่านก็เดินเข้าไปในบ้านของท่าน
ขณะนั้นมีชายผู้หนึ่งมีฉายาว่า “อัลคิรบ๊าก” ผู้มีมือยาวเกินปกติ เดินตามไปพร้อมกับถามว่า “โอ้ ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์” แล้วเขาก็เล่าสิ่งที่ท่าน(ร่อซู้ล)ได้กระทำ
ท่านจึงออกมาจากบ้านในสภาพขุ่นเคืองใจ และตรงไปหาผู้คน(ที่ ยังอยู่ในมัสยิด) พร้อมกับถามว่า “เป็นจริงตามที่ผู้นี้กล่าวหรือไม่”
พวกเขาตอบว่า “จริง”
ท่านจึงได้ละหมาดอีกหนึ่งร็อกอะห์แล้วให้สลาม หลังจากนั้นก็ สุญูดอีกสองสูญูดแล้วให้สลาม
(มุสลิม /574, อบูดาวู๊ด/ 1018, อัตติรมิซี/ 393-3942)
ฮะดีษที่สาม
ท่านอับดุลลอฮ์กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ละหมาดฎุห์ริห้าร๊อกอะห์
ผู้คนถามท่านว่า “ละหมาด (ฎุห์ริ) ถูกเพิ่ม (จำนวนร๊อกอะห์) กระนั้นหรือ”
ท่านจึงถามว่า “มีอะไรกระนั้นหรือ”
ทุกคนกล่าวว่า “ท่านละหมาด (ฎุห์ริ) ถึงห้าร็อกอะห์”
ท่านจึงยันเท้าทั้งสองกับพื้นแล้วก็สุญูดอีก สองสุญูด
(อัลบุคอรี / 396, มุสลิม / 572, อบูดาวู๊ด / 1019, อัตติรมิซี / 3923)
ฮะดีษที่สี่
ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ บุฮัยนะห์ กล่าวว่า
ท่านนบี ได้ยืนขึ้นในสองร๊อกอะห์แรกก่อนที่จะนั่ง(โดยมิได้นั่ง) ท่านก็ละหมาดต่อไปจวนจะแล้วเสร็จโดยผู้คนรอการสลามของท่าน
ทันใดนั้นท่านก็กล่าวตักบีรพร้อมกับก้มลงสุญูด คือสุญูดก่อนที่จะสลาม
หลังจากนั้นท่านก็เงยศีรษะขึ้นพร้อมกับ กล่าวตักบีรและก้มลงสุญูดอีกครั้งหนึ่ง แล้วเงยศีรษะขึ้นและให้สลาม
(อัลบุคอรี / 396, มุสลิม / 572, อบูดาวู๊ด / 1019, อัตติรมิซี / 3923 อัลบุคอรี / 795,6293, มุสลิม / 570, อบูดาวู๊ด / 1034 ,อัตติรมิซี / 3654)
ฮะดีษที่ห้า
ท่านอบูสะอี๊ด อัลคุดะรี่ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ้ลลอฮ์ กล่าวว่า
“หากผู้หนึ่งผู้ใดในหมู่พวกท่านสงสัยในละหมาดของเขาว่าได้ กระทำไปแล้วสามหรือสี่ (ร็อกอะห์) ก็จงละสิ่งที่สงสัยและยึดสิ่งที่มั่นใจ แล้วให้สุญูดสองครั้งก่อนให้สลาม
หากว่าการละหมาดของเขาเป็นห้า (ร็อกอะห์) การสุญูดนั้นก็จะทำให้ละหมาดของเขาเป็นจำนวนคู่
และหากว่าละหมาดของเขาเต็มสี่ร็อกอะห์ การสุญูดทั้งสองก็เป็นการดัดสันดานชัยฏอน”
(มุสลิม / 571, อันนซาอี / 1240,12415)
ฮะดีษที่หก
มีรายงานจากอิบนุมัสอู๊ดว่า ท่านนบี กล่าวว่า
“หากผู้หนึ่งผู้ใดในหมู่พวกท่านสงสัยในละหมาดของเขา ก็จงแสวงหาความถูกต้อง (ที่สุด)
และกระทำครบสมบูรณ์ จากนั้นก็ให้สลาม (หลังจากให้สลามแล้ว) ก็ให้สุญูดอีกสองครั้ง”
(มุสลิม / 5726)