วะสะฏียะฮฺ ด้านความปานลางและความสมดุล
อ.อุษมาน ยูโซะ
ความหมายของ “วะสะฏียะฮฺ” ด้านความปานลางและความสมดุล
ท่านอิบนุญะรีร อัฏเฏาะบะรีย์ ผู้ถูกขนานนามว่า “อะมีรุล มุฟัสสิรีน” หมายถึงราชาแห่งเหล่านักอธิบายอัลกุรอาน ได้อธิบายความหมายเพิ่มเติมต่อความหมายของ “วะสะฏอ” หมายถึง “ความปานกลางระหว่างสองขั้วความเลยเถิด นั่นคือมากหรือสูงเกินไป และน้อยหรือต่ำเกินไปจากขอบเขตที่แท้จริง”
(อัฏเกาะบะรีย์, ญามิอฺ อัลบะยาน เล่ม 2 หน้า 338)
ท่านกล่าวอีกว่า “ฉันเห็นว่าการที่อัลลอฮฺทรงเรียกขานประชาชาติท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมด้วย "วะสัฏ” นั้น เนื่องจากความปานกลางของพวกเขาในด้านการนับถือศาสนา
♦ พวกเขาไม่เลยเถิดจนเกินขนาดดั่งความเลยเถิดของชาวคริสต์ที่ได้ปฏิบัติเกินเลยในด้านการอิบาดะฮฺ และคำพูดของพวกเขาต่อนบีอีซาจนกระทั่งยกย่องท่านเป็นพระเจ้า มหาบริสุทธิ์อัลลอฮฺ
♦ และประชาชาตินบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ไม่บกพร่อง ดั่งความบกพร่องของชาวยิวที่ได้เปลี่ยนแปลงคัมภีร์เตารอตของอัลลอฮฺ สังหารบรรดานบีของพวกเขา โกหกพระเจ้า และไม่ศรัทธาต่อพระองค์
♦ แต่ประชาชาติของนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลออุอะลัยฮิวะสัลลัม คือประชาชาติที่เป็นกลาง และมีความสมดุลด้านการนับถือศาสนา (อาทิ พวกเขาถือว่านบีอีซาบุตรมัรยัมเป็นบ่าวของอัลลอฮฺที่ถูกเลือกเป็นเราะสูล เป็นต้น) ด้วยเหตุนี้อัลลอฮฺจึงกล่าวถึงคุณลักษณะของพวกเขาว่าเป็น “อุมมะตัน วะสะฏอ” เนื่องจากว่าการงานที่อัลลอฮฺทรงชอบที่สุดคือความปานกลางและความพอดี”
(อัฏเกาะบะรีย์, ญามิอฺ อัลบะยาน เล่ม 2 หน้า 626)
“วะสะฏอ” หมายถึง ความปานกลางและความสมดุลด้านอะกีดะฮฺและชะรีอะฮฺ
“อุมมะตัน วะสะฏอ” คือประชาชาติที่หลักความเชื่อ (อะกีดะฮฺ) และบทบัญญัติ (ชะรีอะฮฺ) ของพวกเขามีความโดดเด่นด้านความปานกลางระหว่างสองขั้วลบของความเลยเถิด โดยลักษณะของพวกเขาจะมีความปานกลางระหว่างสองขั้วความเลยเถิดหรือความจอมปลอมที่มีในคำสอนอื่นจากอัลกุรอานและสุนนะฮฺ และมีความสมดุลระหว่างสองขั้วความต้องการสำหรับความจำเป็นในการดำเนินชีวิตของมนุษย์
(ความปานกลางและความสมดุลเป็นคุณค่าอย่างหนึ่งที่ทรงเกียรติยิ่ง และเป็นการยากมากที่จะกำหนดต่อปัญหาใดปัญหาหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชาติใดประชาชาติหนึ่งและ นี่คือคำยืนยันจากเหล่านักคิดที่เป็นที่รู้จัก ในจำนวนนั้นได้แก่ อริสโตเติล ซึ่งได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านที่มีชื่อว่า MORALITY “ศีลธรรม”)
“อุมมะตัน วะสะฏอ” คือประชาชาติที่เป็นกลางและมีความสมดุลในด้านคำสอนเดิมของอิสลามบนพื้นฐานแห่งอัลกุรอาน (อัดดีน) และด้านการนับถือศาสนาอิสลามหรือการปฏิบัติศาสนกิจบนพื้นฐานแห่งสุนนะฮฺของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลออุอะลัยฮิวะสัลลัม และสุนนะฮฺเหล่าเศาะหาบะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุม (อัตตะดัยยุน) กล่าวคือ มีความเป็นกลางระหว่างสองความหายนะและมีความสมดุลระหว่างสองความต้องการ นั่นคือ
(1) ความเป็นกลางระหว่างของความเลยเถิด โดยศาสนาอิสลามที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งอัลกุรอานและการปฏิบัติศานกิจที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งสุนนะฮฺคือความเป็นกลางระหว่างสองความหายนะหรือความเลยเถิดดังต่อไปนี้
1.1 ระหว่างความเลยเถิดของชาวยิวที่ถูกกริ้วและความเลยเถิดของชาวคริสต์ที่หลงทาง
1.2 ระหว่างอิฟรอฏ (การปฏิบัติที่เกินเลยจากขอบเขตที่แท้จริง) กับตัฟรีฏ (การปฏิบัติที่น้อยและต่ำกว่าขอบเขตที่แท้จริง)
1.3 ระหว่างอัลอิสรอฟ (การจับจ่ายใช้สอยที่ฟุ่มเฟือย) และอัลอิกตาร (การจับจ่ายใช้สอยที่ตระหนี่ถี่เหนียว)
1.4 ระหว่างอัลฆอลีย์ (การเชิดชูยกย่องที่สูงและเกินเลย กับอัลญาฟีย์ (การเชิดชูยกย่องที่ต่ำและน้อยเกินไป)
1.5 ระหว่างอัตตัมษีล (การเทียบเคียงคุณลักษณะของอัลลอฮฺกับคุณลักษณะของสิ่งที่ถูกสร้าง) กับอัตตะอฺฏีล (การปฏิเสธคุณลักษณะต่างๆของอัลลอฮฺที่พระองค์และศาสนทูตของพระองคืได้ยินยันไว้)
1.6 ระหว่างชีอะฮฺหรือรอฟิเฎาะฮฺในความเลยเถิดของพวกเขาด้านวะลาอ์ (การมอบความรักและความจงรักภักดี) ต่อเคาะลีฟะฮฺอาลี บิน อบีฏอลิบจนกระทั่งบูชาท่านและปฏิเสธเคาะลีฟะฮฺท่านอื่นๆ กับเคาะวาริจญ์ในด้านบะรออ์ (การปลีกตัวออกจากการเชื่อฟังเคาะลีฟะฮฺอาลี) จนกระทั่งตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่าน
(2) ความสมดุลระหว่างสองความต้องการ โดยศาสนาอิสลามที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งอัลกุรอานและการปฏิบัติศานกิจที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งสุนนะฮฺคือความสมดุลระหว่างสองความต้องการสำหรับความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตบนโลกนี้ อาทิ
2.1 ระหว่างความต้องการของจิตวิญญาณกับความต้องการของร่างกาย
2.2 ระหว่างความต้องการของชีวิตบนโลกกับความต้องการของชีวิตในวันอาคิเราะฮฺ
2.3 ระหว่างความต้องการของปัจเจกบุคคลกับความต้องการของกลุ่มชน หรือองค์กร
2.4 ระหว่างความต้องการของบุรุษเพศกับควาต้องการของสตรีเพศ
2.5 ระหว่างความต้องการเฉพัากับความต้องการทั่วไป
2.6 ระหว่างความต้องการของรัฐกับความต้องการของประชาชน
บทสรุป
1. “วะสะฏอ” คือ ความปานกลาง และความสมดุลที่วางอยู่บนพื้นฐานขงความยุติธรรม ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและถูกคัดเลือกในฐานะสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่บนสุดยอดของความสูง
2. ไม่มีคำใดที่สามารถให้ความหมายของ “วะสะฏอ” ได้อย่างครอบคลุมและครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคำในภาษาใดก็ตาม หรือไม่มีคำใดที่ครอบคลุมความหมายทั้งหมดของ “วะสะฏอ” ตามความหมายที่อัลลอฮฺได้กล่าวไว้ในอัลกุรอาน
3. ประชาชาตินบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือ “อุมมะตัน วะสะฏอ” ที่ประกอบด้วยทุกความหมายของ “วะสัฏ” ด้านวิถีการดำเนินชีวิต เริ่มตั้งแต่สัจธรรมและความสมบูรณ์ของศาสนาอิสลามอันเป็นศูนย์กลางแห่งดุลยภาพระหว่างทุกศาสนาและฝ่ายต่างๆ
- ในด้านอะกีดะฮฺ (หลักการศรัทธา) อิบาดะฮฺ (การเคารพภักดี) ชะรีอะฮฺ (บทบัญญัติ) มุอามะลาต (การปฏิสัมพันธ์) และอัคลาก (จริยธรรม) หรือการนำหลักคำสอนของศาสนา ไปปฏิบัติ และ
- ในด้านความยุติธรรมในการตัดสินความและการแสดงจุดยืน
- ด้านความยิ่งใหญ่และการถูกคัดเลือกจากมวลมนุษยชาติ
- ด้านความสมดุลระหว่างความต้องการต่างๆที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะความสมดุลระหว่างความต้องการของจิตวิญญาณกับความจำเป็นทางวัตถุ รวมทั้งความต้องการทางโลกอาคิเราะฮฺอันเป็นที่พำนักชั่วนิรันดร์กาลกับความจำเป็นทางโลกอันเป็นที่พำนักชั่วคราว
- ด้านความปานกลางระหว่างความเลยเถิดต่างๆที่เป็นอันตรายและชั่วร้าย
- ด้านความพอดีในจุดยืนที่มีต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งด้านสถานภาพของศูนย์กลางศาสนา (บัยตุลลอฮฺ) ที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางระหว่างซีกโลกตะวันออกกับซีกโลกตะวันตก และระหว่างซีกโลกเหนือกับซีกโลกใต้
4. ความหมายที่ดีต่างๆของ “วะสะฏอ” จะนำพา “อุมมะตัน วะสะฏอ” ที่วางอยู่บนพื้นฐานแห่งความยุติธรรมสู่ความหนึ่งเดียวของประชาชาติ “อุมมะตัน วาฮิดะฮฺ” ที่มีพลังและเกียรติในการให้บริการต่อผลประโยชน์ของมวลมนุษย์ในฐานะประชาชาติที่ดีเลิศ “ค็อยรุ อุมมะฮฺ” บนโลกนี้ และเป็นพยานต่อมวลมนุษยชาติในวันอาคิเราะฮฺต่อไปในอนาคต วัลฮัมดุลิลลาฮฺ