เหตุการณ์ ณ กรุงปารีส
โดย... เชค อุบัยดฺ บินอับดุลลอฮฺ อัลญาบิรีย์ ฮะฟิซ่อฮุ้ลลอฮฺ
คำถาม
เมื่อไม่กี่วันมานี้ได้มีนักเขียนจำนวนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อท่านร่อซู้ล ผู้มีเกียรติ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ตลอดจนนักข่าวและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่หนังสือพิมพ์ชาร์ลีเฮบโด ในกรุงปารีส รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้ชายสองนายและเป็นผู้หญิงอีกหนึ่งนายถูกสังหาร ซึ่งก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อวินาศกรรมในครั้งนี้ได้ อย่างไรก็ตามได้ปรากฏคลิปภาพที่ปรากฏเสียงตักบีรของผู้ก่อวินาศกรรมบางคน พร้อมคำพูดของพวกเขาที่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำไปเพื่อแก้แค้น ตามคำกล่าวอ้างของพวกเขา แทนท่านร่อซู้ลผู้มีเกียรติ อลัยฮิศศ่อลาตุวั้ซสลาม
ด้วยเหตุนี้ ณเวลานี้หลากหลายนิ้วมือจึงต่างพากันชี้มาที่อิสลามและบรรดามุสลิมโดยภาพรวมและชี้มาที่บรรดามุสลิมที่อาศัยอยู่ในกรุงปารีสเป็นการเฉพาะ ซ้ำยังได้มีมัสยิดบางหลังถูกยิงและถูกโยนระเบิดใส่แล้วอีกด้วย
ซึ่งคำถามก็คือ อะไรคือท่าทีของซะละฟีย์ (ผู้ดำเนินตามแนวทางของชาวซะลัฟ)ต่อพฤติกรรมก่อการร้ายนี้ ? และอันใดคือข้อเสนอแนะตักเตือนของท่านต่อชาวมุสลิมในฝรั่งเศสและโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบรรดาซะละฟีย์ที่ทำหน้าที่เชิญชวนสู่ศาสนา ? ญะซากุมุลลอฮุคอยรอน
คำตอบ
ประเด็นที่หนึ่ง
ไม่มีผู้ที่เป็นซุนนะฮฺคนใดที่หัวใจของตนไม่ได้เคยไปยุ่งเกี่ยวกับความโสมมของบิดอะฮฺไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นผู้รู้นักวิชาการ เป็นนักศึกษาที่อยู่ในระดับเชี่ยวชาญเป็นนักศึกษาที่อยู่ในระดับถัดลงมาหรือเป็นบุคคลทั่วไปที่คลุกคลีอยู่กับบรรดานักวิชาการและนักศึกษา เว้นเสียแต่ว่าคนๆนั้น จะต้องรู้สึกคัดค้านต่อพฤติกรรมนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นที่เกิดกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวหรือที่เกิดกับที่อื่นๆซึ่งมันช่างมายมายเสียเหลือเกิน
ประเด็นที่สอง
บรรดาปัญญาชนทั้งจากพวกยะฮูด (ยิว) และนะศอรอ(คริสต์)และจากคนกลุ่มอื่นๆ ที่เคยอยู่ร่วมกับบรรดามุสลิมที่ประเทศของพวกเขาทั้งหมดต่างรับรู้ถึงข้อมูลในประเด็นนี้กันทั้งนั้นแม้แต่บรรดาผู้ที่เป็นผู้รับผิดชอบสำคัญๆของกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกาและประเทศอื่นๆ ก็ต่างรับทราบและรู้สึกสงบใจกับชาวอะฮฺลุ้ซซุนนะฮฺ วั้ลญะมาอะฮฺและวางใจต่อบรรดาซะละฟีย์กันทั้งสิ้น
ประเด็นที่สาม
จากข้อมูลที่ได้ให้ไปข้างต้นนี้บ่งชี้โดยชัดเจนว่า พฤติกรรมเหล่านี้ ไม่อนุญาตให้นำมาอ้างเพื่อพาดพิงถึงคนที่เป็นซุนนะฮฺ หากแต่มันคือ การกระทำของพวกกบฏ (ค่อวาริจ) พวกต่ำทราม พวกขาดปัญญา และพวกก่อความวุ่นวายต่างหากซึ่งพวกที่ก่อความวุ่นวายเหล่านี้ อาจจะเป็นพวกรอฟิเฎาะฮฺ (ชีอะฮฺ) หรืออาจจะเป็นบางส่วนของพวกปฏิเสธ(กาฟิร) ที่เข้ามาสวมชุดของมุสลิมและแฝงตัวอยู่ในกลุ่มรอฟิเฎาะฮฺ (ชีอะฮฺ) หรือในกลุ่มกบฏ(ค่อวาริจ) ที่มาจากพวกคลั่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอิควานนุลมุสลิมีน หรือมาจากพวกอื่นๆ ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่ม (อิควาน) อัลมุสลิมีนนั้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจำนวนกลุ่มทำงานศาสนายุคใหม่ ซึ่งทั้งหมดล้วนหลงทางและนำสู่การหลงทางทั้งสิ้น ได้อนุญาตให้มีการขอการสนับสนุนจากบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิมให้มาสนับสนุนเรื่องทางการเมืองตามที่พวกตนต้องการได้
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลอะไรนักกับการที่พฤติกรรมดังกล่าวนี้ จะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้เกิดต่อชาวซุนนะฮฺเป็นการเฉพาะ และต่อบรรดามุสลิมที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสและในประเทศอื่นๆจากบรรดากลุ่มประเทศยุโรปละอเมริกาจนถึงขั้นที่ทำให้พวกเขาเข้ามากระทำการล่วงละเมิดต่อชาวซุนนะฮฺอย่างโดยเจาะจงเลยทีเดียว
และสุดท้ายนี้กระผมขอเตือนลูกหลานชาวซะละฟีย์ของเราไม่ว่าจะอยู่ณ ที่ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ที่ฝรั่งเศสหรือที่ประเทศอื่นๆจากกลุ่มประเทศอเมริกา ยุโรปและแอฟริกา ที่เป็นกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม กระผมขอเตือนบรรดาผู้ทำหน้าที่กล่าวเทศนาบรรดาครู บรรดานักบรรยาย บรรดาสื่อและนักข่าวมุสลิม ให้มีความเป็นเอกฉันฑ์กันบนถ้อยคำที่เที่ยงตรง ซึ่งนั่นได้แก่ การประกาศตนบริสุทธิ์จากพฤติกรรมนี้และอื่นๆ จากนี้ที่เป็นการกระทำที่ก่อความวุ่นวายเสื่อมเสีย
♣ ชาวซุนนะฮฺนั้นเป็นกลุ่มคนที่รักษาสัญญาธำรงในคำมั่น
♣ ชาวซุนนะฮฺคือ กลุ่มคนที่ดำเนินตามคำมั่นสัญญาโดยสมบูรณ์
♣ ชาวซุนนะฮฺเป็นกลุ่มคนที่ให้การพิทักษ์การอยู่ร่วมกัน พวกเขาจะปกป้องเกียรติของผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาไม่ละเมิดเกียรติ ไม่ละเมิดทรัพย์สินและไม่ละเมิดชีวิตของเขาผู้นั้น
♣ ชาวซุนนะฮฺที่อาศัยอยู่ในกลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาตลอดจนประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่ประเทศมุสลิมพวกเขาให้การเชื่อถือต่ออัลลอฮฺ ว่าระหว่างพวกเขาและกลุ่มประเทศเหล่านั้น ที่พวกตนอาศัยอยู่นี้มีสัญญาและมีคำมั่นต่อกันอยู่ ดังนั้นพวกเขาจะไม่บิดพริ้วต่อมันเป็นอันขาด
ดังที่ได้แจ้งไว้แล้วว่าบรรดาปัญญาชนของพวกยะฮูด (ยิว) และนะศอรอ (คริสต์) ตลอดจนพวกอื่นๆนั้นต่างให้เกียรติแก่ชาวซะละฟีย์ (ผู้ดำเนินตามแนวทางของชาวซะลัฟ) และต่างรู้สึกวางใจต่อชาวซุนนะฮฺและรับรู้ว่าพฤติกรรมนี้ไม่ได้มาจากพวกเขา
ยังเหลืออีกประเด็น เรื่องที่มีการก่อวินาศกรรมต่อมัสยิดโดยใช้ระเบิดกระผมเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นอะไรที่ห่างไกลเกินกว่าจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกันมิหนำซ้ำกระผมยังมั่นใจว่ามันคือการสร้างความเสื่อมเสีย เสียด้วยซ้ำ ซึ่งมันอาจจะเป็นฝีมือของกลุ่มอิควานนุลมิสลิมีนซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหรืออาจจะเป็นฝีมือของพวกปฏิเสธ (กาเฟร) ที่บ้าคลั่ง ซึ่งไม่ใช่พวกที่มีสติปัญญาก็เป็นได้
นี่คือสิ่งที่ผมได้แสดงการยืนยันไว้เกี่ยวกับพฤติกรรมนี้และอัลลอฮฺคือ พระผู้ทรงเป็นเจ้าของความสำเร็จ
อาบีดีณ โยธาสมุทร แปลและเรียบเรียง
ต้นฉบับจาก http://ar.miraath.net/fatwah/10651