ผลพวงจากการศรัทธาต่อตาชั่ง
  จำนวนคนเข้าชม  7652

 

ผลพวงจากการศรัทธาต่อตาชั่ง

 

ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์

 

ส่วนหนึ่งของผลพวงจากการศรัทธาต่อตาชั่งการงานต่าง ๆ นั้น มีดังนี้

 

           ประการที่หนึ่ง ความขะมักเขม้นในการทำอิบาดะฮฺและรีบเร่งในการทำความดีต่าง ๆ หากผู้ใดที่ความดีของเขามีมากกว่าความชั่ว เขาก็ถือว่าเป็นผู้ที่สำเร็จและได้รับชัยชนะ
 

อัลลอฮฺตะอาลาตรัสว่า  
 

“ดังนั้น ผู้ใดตาชั่งของเขาหนัก เขาก็จะมีชีวิตที่ผาสุข และส่วนผู้ที่ตาชั่งของเขาเบา ที่พำนักของเขาก็คือเหวลึก (ฮาวิยะฮฺ)

และอะไรเล่าที่ทำให้เจ้ารู้ได้ว่าเหวลึกนั้นคืออะไร?  มันคือไฟอันร้อนแรง  

 (อัลกอริอะฮฺ : 6-11)


   ประการที่สอง มีการงานมากมายที่มีน้ำหนักมาก ณ ตาชั่งของอัลลอฮฺ ดังปรากฎในหะดีษ


« كَلِمَتَانِ حَبِيْبَتَانِ إِلى الرَّحْمَنِ، خَفِيْفَتَانِ عَلَى اللِّسَانِ، ثَقِيْلَتَانِ فِي الْمِيْزَانِ: سُبْحَانَ اللهِ وَبِحَمْدِهِ، سُبْحَانَ اللهِ الْعَظِيْمِ » [رواه البخاري برقم 7563 ومسلم برقم 2694]  

“คำสองคำที่เป็นที่รัก ณ ผู้ทรงเมตตา น้ำหนักเบาสำหรับลิ้น แต่หนักสำหรับตาชั่ง นั้นคือ "สุบหานัลลอฮฺ วะบิหัมดิฮี สุบหานัลลอฮิลอะซีม"

( มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮฺ และมวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ )" 

(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 7563 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2694)

และในบันทึกของมุสลิม รายงานจากอบูมาลิก อัลอัชอะรียฺ เราะฎิยัลลลอฮุอันฮฺ ว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า


« الطُّهُوْرُ شَطْرُ الْإِيْمَانِ، وَالْحَمْدُ للهِ تَمْلَأُ الْمِيْزَانِ » [رواه مسلم برقم 223]  

 “ความสะอาดนั้นเป็นครึ่งหนึ่งของการศรัทธา และคำกล่าว อัลหัมดุลิลลาฮฺ (มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ) นั้น ทำให้ตาชั่งเต็ม” 

(บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 223)

          และในบันทึกของอัลบุคอรีย์และมุสลิม รายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลลอฮุอันฮฺ ว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า


«مَنْ شَهِدَ الْجَنَازَةَ حَتَّى يُصَلِّيَ فَلَهُ قِيْرَاطٌ، وَمَنْ شَهِدَ حَتَّى تُدْفَنَ كاَنَ لَهُ قِيْرَاطَانِ » قِيْلَ : وَمَا الْقِيْرَاطَانِ؟ قَالَ : « مِثْلُ الْجَبَلَيْنِ الْعَظِيْمَيْنِ » [رواه البخاري برقم 1325 ومسلم برقم 946]  

“ผู้ใดที่ร่วมส่งคนตายจนกระทั่งละหมาดญะนาซะฮฺ เขาจะได้รับหนึ่งกีรอฏ และผู้ใดร่วมส่งคนตายจนกระทั่งฝัง เขาจะได้รับสองกีรอฏ” 

มีผู้ถามท่านเราะสูลว่า สองกีรอฏ คือเท่าไหร่ ? 

ท่านตอบว่า “เปรียบเท่ากับภูเขาลูกใหญ่สองลูก” 

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1325 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 946)


           ประการที่สาม ผู้รู้บางท่านกล่าวว่า ผู้ปฏิบัติการงานเหล่านั้นจะถูกชั่งบนตาชั่งร่วมกับการงานต่าง ๆ ของเขา  ดังปรากฎในบันทึกของอัลบุคอรีย์ รายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า ท่านเราะสูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า 


« إِنَّهُ لَيَأْتِي الرَّجُلُ الْعَظِيْمُ السَّمِيْنُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ، لَا يَزِنُ عِنْدَ اللهِ جَنَاحَ بَعُوْضَةٍ» وَقَالَ : اقْرَؤُوْا إِنْ شِئْتُمْ  ﴿ فَلَا نُقِيمُ لَهُمۡ يَوۡمَ ٱلۡقِيَٰمَةِ وَزۡنٗا ١٠٥ ﴾ [الكهف: ١٠٥]  [رواه البخاري برقم 4729]   

“ในวันกิยามะฮฺ จะมีชายที่ร่างการอ้วนท้วนสูงใหญ่ ซึ่ง ณ อัลลอฮฺนั้นเขาไม่ได้มีน้ำหนักมากไปกว่าปีกหนึ่งของแมลง” 

แล้วท่านเราะสูลก็กล่าวว่า หากท่านทั้งหลายประสงค์ก็จงอ่านอายะฮฺดังนี้ “และในวันกิยามะฮฺ เราจะไม่ให้มันมีค่าใด ๆ แก่พวกเขาเลย” (อัลกะฮฟฺ: 105) 

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 4729)

และในบันทึกของอิมามอะหฺมัด รายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนฺ มัสอู๊ด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า 


« إِنَّهُ كَانَ يَجْتَنِي سِوَاكًا مِنَ الْأَرَاكِ وَكَانَ دَقِيْقَ السَّاقَيْنِ فَجَعَلَتِ الرِّيْحُ تَكْفَؤُهُ، فَضَحِكَ الْقَوْمُ مِنْهُ، فَقَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : « مِمَّ تَضْحَكُوْنَ؟ » قَاَلُوْا : يَا نَبِيَّ اللهِ مِنْ دِقَّةِ سَاقَيْهِ، فَقَالَ : « وَالَّذِيْ نَفْسِيْ بِيَدِهِ، لَهُمَا أَثْقَلُ فِي الْمِيْزَانِ مِنْ أُحُدٍ » [رواه الإمام أحمد برقم 3991]

        “ครั้งหนึ่งท่านอับดุลลอฮฺ อิบนฺ มัสอู๊ด ปีนต้นไม้เพื่อตัดกิ่งไม้ที่ใช้ทำความสะอาดฟัน โดยท่านนั้นเป็นคนที่มีขาเรียวเล็ก ครั้นเมื่อมีลมพัดมาก็ทำให้ท่านส่ายไปมาตามลม ผู้คนเห็นดังนั้นก็พากันหัวเราะเยาะท่าน 

ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงถามพวกเขาว่า “พวกท่านหัวเราะอะไรกันรึ ?” 

พวกเขาตอบว่า “โอ้ท่านนบี เราหัวเราะที่เขามีขาที่เรียวเล็ก” 

ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงกล่าวว่า “ฉันขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ขาทั้งสองของเขานั้นมีน้ำหนักบนตาชั่งมากกว่าภูเขาอุหุดเสียอีก” 

(บันทึกโดยอิมามอะหฺมัด หะดีษเลขที่ 3991)


          ประการที่สี่ การรักษาความดีต่าง ๆ ให้พ้นจากสิ่งที่จะทำให้มันเป็นโมฆะหรือบกพร่องได้  มีบันทึกของมุสลิมรายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า 



« أَتَدْرُوْنَ مَنِ الْمُفْلِسُ؟ » قَالُوْا : الْمُفْلِسُ فِيْنَا مَنْ لَا دِرْهَمَ لَهُ وَلَا مَتَاعَ، فَقَالَ : « ِنَّ الْمُفْلِسَ مِنْ أُمَّتِي، يَأْتِيْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ بِصَلَاةٍ وَصِيَامٍ وَزَكَاةٍ، وَيَأْتِيْ قَدْ شَتَمَ هَذَا، وَقَذَفَ هَذَا، وَأَكَلَ مَالَ هَذَا، وَسَفَكَ دَمَ هَذَا، وَضَرَبَ هَذَا، فَيُعْطَى هَذَا مِنْ حَسَنَاتِهِ وَهَذَا مِنْ حَسَنَاتِهِ، فَإْنْ فَنِيَتْ حَسَنَاتُهُ، قَبْلَ أَنْ يُقْضَى مَا عَلَيْهِ، أُخِذَ مِنْ خَطَايَاهُمْ فَطُرِحَتْ عَلَيْهِ، ثُمَّ طُرِحَ فِي النَّارِ » [رواه مسلم برقم 2581] 

ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายรู้หรือไม่ว่าผู้ล้มละลายคือใคร?” 

พวกเขากล่าวว่า “ผู้ล้มละลายในหมู่พวกเรา คือ ผู้ที่ไม่มีเงินทองและทรัพย์สินใด ๆ เลย” 

              ท่านเราะสูลจึงกล่าวว่า “แท้จริงผู้ล้มละลายจากประชาชาติของฉันคือ ผู้ที่ในวันกิยามะฮฺเขามีการงานต่าง ๆ ทั้งการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาต แต่เขาเคยด่าทอ นินทาว่าร้าย หยิบฉวยทรัพย์สิน เข่นฆ่า หรือทุบตีผู้อื่นด้วย ดังนั้น ความดีต่าง ๆ ของเขาจึงถูกนำไปชดใช้ให้แก่คนเหล่านั้น และเมื่อความดีของเขาไม่เหลือให้ชดใช้แก่ใครได้อีก เขาก็จะต้องรับความชั่วของคนเหล่านั้นมาแทน และเขาก็จะถูกลากลงไปในนรก” 

(บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 2581)

มีบันทึกของอิบนมาญะฮฺ รายงานจากเษาบาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า


« لَأَعْلَمَنَّ أَقْوَامًا مِنْ أُمَّتِيْ يَأْتُوْنَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ بِحَسَنَاتِ أَمْثَالِ جِبَالِ تِهَامَةَ بِيضًا، فَيَجْعَلُهَا اللهُ عَزَّ وَجَلَّ هَبَاءً مَنْثُوْرًا » قَالَ ثَوْبَانُ : يَا رَسُولَ الله صِفْهُمْ لَنَا، جَلِّهِم لنا أَنْ لَا نَكُوْنَ مِنْهُمْ، وَنَحْنُ لَا نَعْلَمُ، قَالَ : « أَمَا إِنَّهُمْ إِخْوَانُكُمْ، وَمِنْ جِلْدَتِكُمْ، وَيَأْخُذُوْنَ مِنَ اللَّيْلِ كَمَا تَأخُذُوْنَ، وَلَكِنَّهُمْ أَقْوَامٌ إِذَا خَلَوْا بِمَحَارِمِ اللهِ انْتَهَكُوْهَا » [رواه ابن ماجه برقم 4245، وصصحه الألباني برقم 505] 

         “แท้จริงฉันรู้ว่าจะมีกลุ่มคนมากมายจากประชาชาติของฉัน ซึ่งในวันกิยามะฮฺพวกเขาเหล่านั้นมีความดีมากมายประหนึ่งเทือกเขาติฮามะฮฺ (แนวเขาทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรอาหรับ) ที่สูงตระหง่านและขาวโพลน แต่อัลลอฮฺตะอาลาทรงทำให้ความดีเหล่านั้นเป็นเพียงฝุ่นที่ปลิวไปตามสายลม” 

     เษาบานกล่าวว่า โอ้ เราะสูลุลลอฮฺ ท่านช่วยบอกลักษณะของคนเหล่านั้นแก่เราด้วยเถิด เพื่อเราจะได้ไม่เป็นคนหนึ่งจากพวกเขาโดยที่เราไม่รู้ตัว 

     ท่านเราะสูลกล่าวว่า “พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นพี่เป็นน้องของพวกท่าน มีสายเลือดเดียวกับพวกท่าน ทำอิบาดะฮฺในยามค่ำคืนเหมือนกับพวกท่าน แต่เมื่อพวกเขาเหล่านั้นอยู่เพียงลำพังในที่ลับตาคน พวกเขาก็ฝ่าฝืนข้อห้ามต่าง ๆ ของอัลลอฮฺ” 

(บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ หะดีษเลขที่ 4245 โดยอัลอัลบานียฺ ระบุในอัสสิลสิละฮฺ อัศเศาะฮีหะฮฺ เลขที่ 505 ว่าเป็นหะดีษเศาะฮีหฺ)


           ประการที่ห้า ประกาศความยุติธรรมของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ที่พระองค์ได้ทรงให้มีตราชั่งที่เที่ยงตรงเพื่อแจกแจงน้ำหนักของกิจการงานต่าง ๆ ของบ่าวทั้งความดีและความชั่ว  ดังที่พระองค์ตรัสว่า

          “และเราตั้งตาชั่งที่เที่ยงธรรมสำหรับวันกิยามะฮฺ ดังนั้นจะไม่มีชีวิตใดถูกอธรรมเลย และแม้ว่ามันเป็นเพียงน้ำหนักเท่าเมล็ดพืชเล็ก ๆ เราก็จะนำมันมาแสดง และเป็นการพอเพียงแล้วสำหรับเราที่เป็นผู้ชำระสอบสวน”

 (อัลอันบิยาอ์: 47)

ในอายะฮฺดังกล่าว ประโยคที่ว่า 

 ( وَإِن كَانَ مِثۡقَالَ حَبَّةٖ مِّنۡ خَرۡدَلٍ )     “"และแม้ว่ามันเป็นเพียงน้ำหนักเท่าเมล็ดพืชเล็ก   

หมายถึง แม้ว่าความดีหรือความชั่วนั้นจะเล็กและต่ำต้อยที่สุดก็ตาม มันก็จะถูกนำมาแสดงโดยไม่มีข้อยกเว้น

ดังที่พระองค์ตรัสไว้ว่า


“ดังนั้น ผู้ใดกระทำความดีหนักเพียงละอองธุลี เขาก็จะได้เห็นมัน และผู้ใดกระทำความชั่วหนักเพียงละอองธุลี เขาก็จะได้เห็นมัน”

 (อัซซัลซะละฮฺ : 7-8)


والحمد لله رب العالمين، وصلى الله وسلم على نبينا محمد،
وعلى آله وصحبه أجمعين.


 

แปลโดย : ฟารีด พุกมะหะหมัด / Islamhouse