ความเมตตาของท่านเราะสูล
  จำนวนคนเข้าชม  6138

 

ความเมตตาของท่านเราะสูล

 

ดร.รอฆิบ อัส-สิรญานีย์

 

          แน่นอนว่า ความเมตตาของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ต่อบรรดาผู้ศรัทธานั้นมากมายนัก เกินกว่าจะเขียนบรรยายเป็นรูปเล่มได้ หากจะสนทนากันอย่างละเอียดทุกระเบียดนิ้วถึงความเมตตาในชีวประวัติของท่าน ทว่า เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่ง ที่เราจะต้องนำเสนอบางตัวอย่างออกมาเป็นหัวข้อในแผ่นกระดาษอันจำกัดนี้ และในประเด็นที่เรากำลังสนทนากันจะต้องใช้เวลามากมายนัก ปีแล้วปีเล่าก็คงไม่เพียงพอที่จะศึกษาและนำเสนอถึงสัญลักษณ์แห่งเมตตาของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่มีต่ออุมมะฮฺของท่านได้ 

 

          เพื่อเป็นการแสดงถึงความยิ่งใหญ่แห่งเมตตาธรรมของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่มีต่อผู้ศรัทธานั้น อาจเป็นการเพียงพอที่เราจะเสนอคำยืนยันถึงความเมตตานี้ มิใช่เฉพาะจากผู้ที่ร่วมสมัยกับท่าน หรือผู้ที่รู้จักท่านเท่านั้น ทว่ามันคือการยืนยันของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอานุภาพและเกรียงไกร ในคำภีร์อัลกุรอาน  เพื่อเป็นที่ใคร่ครวญของผู้ศรัทธา และถูกเก็บรักษาตราบจนถึงวันแห่งการตัดสิน! 

 

พระองค์อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ดำรัสว่า :
 

“แท้จริงเราะสูลท่านหนึ่งจากหมู่พวกเจ้าได้มาถึงพวกเจ้าแล้ว ซึ่งเป็นผู้กังวลในสิ่งที่พวกเจ้าได้รับทุกข์

เป็นผู้ห่วงใยในพวกเจ้า เป็นผู้มีเมตตา ผู้กรุณาสงสารต่อบรรดาผู้ศรัทธา” 
 

(อัต-เตาบะฮฺ : 128)

 

          เมื่อเราใคร่ครวญพิจารณาคำยืนยันของอัลลอฮฺข้างต้น จะพบการใช้คำและสำนวนที่ต่างกันออกไป อันบ่งบอกถึงความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทั้งที่หากระบุเพียงคำเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ที่ระบุเอาไว้อย่างหลากหลาย ก็เพื่อเป็นการยืนยันที่หนักแน่นนั่นเอง

 

          ความเมตตานี้คือเมตตาที่ยิ่งใหญ่อันหาที่เปรียบมิได้ คือแก่นสูงสุดแห่งเมตตาธรรม กระทั่งพระองค์อัลลอฮฺทรงดำรัสในอัลกุรอานว่า เราะสูลนั้นเป็นผู้ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธามากกว่าตัวพวกเขาเองซะอีก  พระองค์ได้ดำรัสว่า : 

“นบี นั้นใกล้ชิดกับผู้ศรัทธา ยิ่งกว่าตัวพวกเขาเสียอีก”

 (อัน-อะหฺซาบ : 6)

          และท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ให้ความกระจ่างของความหมายนี้ไว้ และท่านได้แบกรับภาระอันยิ่งใหญ่สืบเนื่องจากหน้าที่ดังกล่าวที่ได้รับมอบหมายจากอัลลอฮฺ ท่าน ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : 


«مَا مِنْ مُؤْمِنٍ إِلَّا وَأَنَا أَوْلَى بِهِ فِي الدُّنْيَا وَالْآخِرَةِ، اقْرَءُوا إِنْ شِئْتُمْ  ﴿ ٱلنَّبِيُّ أَوۡلَىٰ بِٱلۡمُؤۡمِنِينَ مِنۡ أَنفُسِهِمۡۖ ﴾ فَأَيُّمَا مُؤْمِنٍ مَاتَ وَتَرَكَ مَالًا فَلْيَرِثْهُ عَصَبَتُهُ مَنْ كَانُوا، وَمَنْ تَرَكَ دَيْنًا أَوْ ضَيَاعًا فَلْيَأْتِنِي فَأَنَا مَوْلَاهُ» [رواه البخاري : 2269، عن أبي هريرة.]

“ไม่มีผู้ศรัทธาคนใด เว้นแต่ ฉันคือผู้ที่ใกล้ชิดต่อเขามากที่สุดทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ  หากพวกเจ้าประสงค์จงอ่านเถิด "

( ٱلنَّبِيُّ أَوۡلَىٰ بِٱلۡمُؤۡمِنِينَ مِنۡ أَنفُسِهِمۡۖ )

“นบีนั้นใกล้ชิดกับผู้ศรัทธายิ่งกว่าตัวพวกเขาเสียอีก”
 

ดังนั้นผู้ศรัทธาคนใดเสียชีวิตและได้ทิ้งทรัพย์สินไว้ ก็ให้ญาติสนิทของเขามารับไป

และผู้เสียชีวิตใดได้ทิ้งหนี้สินหรือภาระที่ต้องดูแล เขาจงมาหาฉัน เพราะฉันคือผู้ใกล้ชิดเขา” 

(รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ 2269)

          ความเมตตาของท่าน ช่างมากมายและกว้างขวางเหลือเกิน.... ท่านได้ประกาศอย่างชัดแจ้งแล้ว สำหรับผู้ศรัทธาคนใดเสียชีวิตลงและได้ละทิ้งมรดกไว้ แน่นอนมันย่อมเป็นสิทธิของญาติผู้ใกล้ชิดของเขา แต่เมื่อใดผู้เสียชีวิตนั้น มีหนี้สิน หรือทิ้งลูกหลานไว้ไม่มีคนดูแล ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะเป็นผู้รับภาระหนี้สินดังกล่าวและคอยอุปการะครอบครัวของเขาไว้แทน

      นี่คือความเมตตาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนโลกใบนี้ และหาที่เปรียบมิได้ ท่านไม่เคยเอาเปรียบและฉกฉวยจากผู้ศรัทธา แต่ตรงกันข้าม ท่านนั้นค่อยแบกรับปัญหา ความโศกเศร้าของพวกเขาไว้ และคอยติดตามพวกเขาอยู่ตลอด ... จะมีใครไหมที่จะคอยแบกรับและมีเมตตาเฉกเช่นท่านผู้นี้ ?

      นี่คือเมตตาที่ปราศจากซึ่งกิเลสตัณหา ปราศจากซึ่งผลประโยชน์ที่แอบแฝงอยู่เบื้องหลังท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อุทิศชีวิตของท่านเพื่อดูแลและเอาใจใส่ต่อประชาชาติของท่าน แม้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ฝ่าฝืนและต่อต้านท่าน แต่ท่านยังคงดำเนินบนแนวทางแห่งเมตตา และใส่ใจอย่างต่อเนื่องในการปกป้องและดูแลพวกเขา ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า : 


«إِنَّمَا مَثَلِي وَمَثَلُ النَّاسِ كَمَثَلِ رَجُلٍ اسْتَوْقَدَ نَارًا، فَلَمَّا أَضَاءَتْ مَا حَوْلَهُ جَعَلَ الْفَرَاشُ وَهَذِهِ الدَّوَابُّ الَّتِي تَقَعُ فِي النَّارِ يَقَعْنَ فِيهَا، فَجَعَلَ يَنْزِعُهُنَّ وَيَغْلِبْنَهُ فَيَقْتَحِمْنَ فِيهَا، فَأَنَا آخُذُ بِحُجَزِكُمْ عَنْ النَّارِ وَهُمْ يَقْتَحِمُونَ فِيهَا» [رواه البخاري : 6118، ومسلم : 2284، وابن حبان : 6408]

“อุปมาฉันและผู้คนทั้งหลายประหนึ่งชายผู้จุดไฟขึ้น ครั้นเมื่อไฟลุกโชนและส่องสว่างโดยรอบ ก็เริ่มมีแมลงเม่าและสัตว์เหล่านี้เข้าใกล้กองไฟ

ในขณะที่เขารีบปัดป้องมันให้พ้นจากเปลวไฟนั้น แต่มันมีจำนวนเยอะเกินที่จะเอาอยู่และมันยังคงกรูเข้าไปในกองไฟนั้นไม่หยุดหย่อน

และฉันก็คือคนที่คอยกระชากเอวพวกท่านให้ออกจากไฟนรก ในขณะที่ผู้คนก็ยังคงเข้าหาไฟนรกอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน”

 

 (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ : 6118, มุสลิม : 2284, อิบนุ หิบบาน : 6408)

 




ที่มา  http://www.rasoulallah.net/index.php/ar/articles/article/14559
 

แปลโดย : อับดุลอาซีซ  สุนธารักษ์ / Islamhouse