นบีอัยยูบ และภรรยาผู้มีความอดทน
  จำนวนคนเข้าชม  35950

 

นบีอัยยูบ และภรรยาผู้มีความอดทน

 

แปลและเรียบเรียงโดย อ.อัลดุลฆอนี บุญมาเลิศ

 

          เป็นที่กล่าวถึงกันอยู่ตลอดมาถึงเรื่องราวของอดทนหนักแน่นที่นบีอัยยูบ ต้องพบกับศึกหนัก ท่านทราบหรือไม่ว่าเขา นบีอัยยูบ ผู้นี้พบอะไรบ้างที่ต้องอดทนอย่างหนัก ? จึงขอนำเสนอเรื่องราวของ นบีอัยยูบ  โดยย่อ ดังต่อไปนี้ :-


 

        อัยยูบ เป็นนบีท่านหนึ่งที่อัลลอฮฺ ได้ทรงแต่งตั้งท่านมา และเป็นนบีอีกท่านหนึ่งที่มีรายชื่ออยู่ในอัลกรุอานุลกะรีม เป็นที่ทราบกันดีทั้งในหมู่ชนหรือแม้แต่ผู้คนทั่วไป เพราะชื่อของ นบีอัยยูบ  ถูกยกมาเป็นอุทาหรณ์ในความอดทนหนักแน่นที่ยอดเยี่ยม ดังคำพูดที่ว่า “อดทนอย่างอัยยูบ”

 

       เรื่องก็มีอยู่ว่า ท่านนบีอัยยูบ  นั้นเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของ นบียูซุฟ เขาได้สมรสกับศรีภรรยาที่ดีเยี่ยม และทั้งคู่สามีภรรยาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในแถบภาคพื้น “ฮูรอน” เป็นชื่อเมืองหนึ่งอยู่ในตอนใต้ของประเทศซีเรียติดกับทางด้านเหนือของประเทศจอร์แดน อัลลอฮฺ  ทรงเมตตาโปรดปรานให้สามีภรรยาคู่นี้มีความร่มเย็นเป็นสุขอย่างล้นเหลือ ทั้งคู่มีบุตรทั้งชายและหญิงหลายคน มีที่ดินกว้างขวางใหญ่โตหลายแปลง ใช้ทำการเพาะปลูกผลิตผลงอกเงยอย่างดี เป็นที่จำเริญหู จำเริญตาอย่างยิ่ง ตลอดจนมีทั้งฝูงสัตว์เลี้ยงหลากหลายชนิดเต็มทุ่งไปหมด ทุกสารทิศ มองไปทางไหนก็มีแต่ฝูงของสัตว์เลี้ยงนานา ชนิด มีทั้งฝูงวัวเป็นจำนวนนับพัน ฝูงแพะ, แกะ ตลอดจนฝูงอูฐมากมาย ทั้งหมดหลายพันหลายหมื่นตัวมาก จนท้องทุ่งเต็มไปด้วยสัตว์เลี้ยง

 

           ยิ่งไปกว่านั้น อัลลอฮฺ  ยังได้ทรงคัดเลือกเขา ให้เป็นผู้มีตำแหน่งอันสูงส่งยิ่ง เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบี ทำหน้าที่สอนศาสนาของอัลลอฮฺ  นบีอัยยูบ  เป็นที่พึ่งพิงของคนทั่วไป บ้านของเขาเป็นศูนย์รวมของคนยากจนทั้งหลาย เพราะพวกเขาทราบดีว่า นบีอัยยูบ  ไม่หวงห้ามพวกเขาในการที่พวกเขามาขอรับเอาประโยชน์ใดๆ จากสิ่งของที่เขามีอยู่ และไม่เคยขัดขวางแม้แต่น้อยจากทรัพย์สมบัติของเขาที่ครอบครองอยู่ ในการแจกจ่ายแบ่งปันออกไป เป็นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ผู้คนทั้งหลาย เขาไม่สามารถที่จะทนมองผู้ยากไร้หิวโหย จนถึงขั้นว่า ในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของ นบีอัยยูบ ในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ จะต้องหาผู้ร่วมวงรับประทานอาหาร เป็นแขกรับเชิญที่ยากจนมาร่วมด้วยทุกครั้งเสมอมา …… นี่คือชีวิตของ นบีอัยยูบ 

 

        นบีอัยยูบ  ดูแลควบคุมเอาใจใส่กิจการของตนอย่างขันแข็งด้วยตัวเอง ทั้งในทุ่งนา เรือกสวน บรรดาผู้รับใช้ คนงานทั้งหลายก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งตลอดเวลา ภรรยาของเขาก็ขยันขันแข็ง ทำหน้าที่โม่แป้งเพื่อทำเป็นอาหาร บรรดาลูกสาวก็ช่วยงานคุณแม่อย่างมีความสุข  ส่วนบรรดาลูกชายของนบีอัยยูบ ก็แบกอาหารเต็มบ่า เพื่อตามหาบรรดาผู้ยากไร้ขาดแคลนภายในหมู่บ้าน ลูกจ้างคนงานก็ทำงานกันอยู่ในไร่ในนา ดูแลการงานทั้งหมด

 

        นบีอัยยูบ  เป็นผู้ที่มีความขอบพระคุณต่ออัลลอฮฺ อย่างมาก เขาได้ทำการเชิญชวน ผู้คนทั้งหลายไปสู่คุณงามความดี และพยายามยับยั้งพวกเขาให้ละเว้นจากการทำความชั่วทุกชนิด นบีอัยยูบ จึงเป็นที่รักชอบของคนโดยทั่วไป เพราะเขาเป็นผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺ  ขอบพระคุณต่อพระองค์ในสิ่งที่เขาได้มาจากพระองค์ เขาเป็นขวัญใจของผู้คนโดยทั่วไปคอยช่วยเหลือพวกเขาอยู่ตลอดไม่ขาดสาย ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เขาไม่ถือตัวไม่หยิ่งทะนงกับสิ่งที่เป็นและที่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย ที่เขามีความยิ่งใหญ่ ร่ำรวย มีทั้งตำแหน่ง มีสมบัติ มีปศุสัตว์เต็มทุ่ง มีลูกหลานมากมาย ซึ่งถ้าเขาจะใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องลำบากไม่ทำงานหนักก็ย่อมได้ แต่เขากับทำงานทั้งหนักทั้งเบาไม่ว่างเว้นขยันขันแข็งด้วยตัวเอง และภรรยาของเขาก็ทำงานอยู่ในบ้านตลอดเวลา แล้วจู่ ๆ ก็ได้มีการทดสอบจากอัลลอฮฺ  เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน !

 

            ในขณะที่ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุขราบรื่น ทุกสิ่งอย่างสงบเรียบร้อยดี นบีอัยยูบ  ทำการสรรเสริญขอบพระคุณต่ออัลลอฮฺ  ทำการสุญูด เป็นการเคารพภักดีพระองค์ ตอบแทนพระคุณของพระองค์ในเนียะมะฮฺต่าง ๆ ที่เขาได้ครอบครอบอยู่นั้น บรรดาลูก ๆ ก็อยู่ในความสุขสำราญ ทุกคนสำนึกบุญคุณอัลลอฮฺ  ขอบพระคุณต่อพระองค์ ลูกจ้างคนใช้ก็ทำงานกันอยู่ในเรือกสวนไร่นา ภรรยาก็กำลังโม่แป้งเพื่อทำเป็นอาหาร ขณะที่นางสาละวนอยู่กับการโม่แป้งกันอย่างปกติ มีความสุข มีความสะดวกสบาย ทันใดนั้นก็เกิดการทดสอบ (บะลาอฺ) ขึ้น โดยมีคนงานคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “เจ้านายครับ นบีของอัลลอฮฺครับ ?!!”
 

นบีอัยยูบ กล่าววว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ ?! พูดซิ!” 

คนงาน พูดว่า “มันฆ่าหมดเลย! ฆ่าทุกคนที่เป็นเพื่อน ๆ ของผมที่ดูแลฝูงสัตว์ ตลอดจนชาวนาชาวสวนทั้งหมด ถูกพวกมันฆ่าหมดจนเลือดนองแผ่นดิน” 

นบีอัยยูบ ถามว่า “มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน ที่ว่านั้น ?”

คนงาน ตอบว่า “มีกลุ่มขโมยบุกเข้ามา แล้วสังหารคนทั้งหมด และยึดเอาสิ่งที่เรามีอยู่ไปทั้งหมดเลยครับ”

นบีอัยยูบ  กล่าวย้ำอยู่นาน ด้วยถ้อยคำที่ว่า “เราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺและเราก็กลับสู่พระองค์” ซึ่งแท้จริงอัลลอฮฺ ทรงมีพระประสงค์จะทดสอบนบีอัยยูบ 

        ในวันต่อมามีสายฟ้าผ่าลงมาจากฟากฟ้าโดนเข้าตรงที่ร่างกายของนบีอัยยูบ และมีชาวนาคนหนึ่งยังมีรอยสายฟ้าไหม้ที่เสื้อผ้าของเขา มีสภาพน่าเวทนาสงสารยิ่ง ชาวนาคนนั้นได้ส่งเสียงร้องสั่นเครือเบา ๆ บอกให้ นบีอัยยูบ  ทราบ

นบีอัยยูบ  ถามเขาว่า “มันเกิดอะไรขึ้น”

เขา ตอบว่า “ไฟครับ...ไฟลุก! โอ้นบีของอัลลอฮฺ”

นบีอัยยูบ  ถามว่า “มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?”

       คนงาน ตอบว่า “ทุกสิ่งถูกไฟไหม้หมด ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย โดยมีภัยพิบัติเกิดขึ้น คือ เกิดฟ้าผ่าแล้วไฟก็ลุกไหม้เรือกสวนไร่นา จนกลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา โอ้นบีของอัลลอฮฺ เพื่อนของผม ทุกคนก็โดนไฟเผาไหม้ จนตายหมดไม่เหลือสักคนเดียว

ภรรยาของนบีอัยยูบ กล่าวขึ้นว่า “นี่มันเป็นเคราะห์ร้ายอันใดกัน ที่มาเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่เหลืออะไรเลย?”

นบีอัยยูบ กล่าวว่า “นี่เธอจงอดทนไว้ แม่ผู้หญิงอย่าบ่น นี่คือ พระประสงค์ของอัลลอฮฺ “

นางถามว่า “มันเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺ งั้นหรือ ?! ”

       อัยยูบ  ตอบว่า : “ใช่ มันเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺ มันมาถึงแล้วที่อัลลอฮฺ จะทรงทดสอบ ไม่มีนบีคนใดสักคนเดียว นอกจากว่า อัลลอฮฺ จะได้ทรงทดสอบหัวใจของเขาดู”

        อัยยูบ ทอดสายตามองยาวขึ้นท้องฟ้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความนอบน้อมว่า “โอ้พระเจ้าของข้า ขอพระองค์ทรงได้โปรดให้ข้า ฯ มีความอดทนด้วยเถิด”

        และในวันนั้น นบีอัยยูบ  ก็ได้ออกประกาศให้บรรดาลูกจ้าง คนรับใช้ทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่ในบ้านจากบ้านเขา กลับไปอยู่กับครอบครัวของตนแล้วไปหางานใหม่ทำ

          และในวันที่สามก็เกิดเหตุการณ์ที่หนักยิ่งกว่าเดิมจนทำให้หัวใจของลูกผู้ชายต้องแตกสลาย เป็น เสี่ยง ๆ เรื่องนั้นก็คือ ลูก ๆ ของนบีอัยยูบ  ทั้งชายและหญิงทั้ง 14 คน ทุกคนต้องตายหมด ในขณะที่พวกเขานั่งร่วมวงกันเพื่อรับประทานอาหาร บ้านพังลงมาทับพวกเขาตายทั้งหมดในพริบตา ! แล้วการทดสอบนบีอัยยูบ ก็ยิ่งหนักขึ้น หนักขึ้นทุกวัน จนถึงขั้นตอนทดสอบในร่างกายเขา เขาต้องป่วยลงด้วยโรคร้ายเป็นโรคติดต่อฝีดาษเน่าทั้งตัว เขาได้กลายสภาพจากที่เป็นคนสง่างามไปเป็น คนที่น่ารังเกียจขยะแขยง ใครเห็นก็ต้องหนีให้พ้น ไม่มีใครอยู่ด้วยนอกจากภรรยาของเขาที่แสนดีเท่านั้น บ้านที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็กลายเป็นบ้านที่รกร้าง ว่างเปล่า ไม่มีสมบัติ ไม่มีลูก ๆ ไม่มีผู้อยู่อาศัย ไม่มีสุขภาพร่างกาย 

       นบีอัยยูบ พร่ำสอนภรรยาของเขาว่า “นี่คือพระประสงค์ของอัลลอฮฺ ตะอาลา จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องยอมจำนนต่อพระบัญชาของพระองค์”

          ชัยฏอนมารร้ายคอยยั่วยุ เพื่อให้ นบีอัยยูบ เกิดมีความกลัวและหัวใจที่รวนเร มันได้พยายามหลอกล่อทุกวิถีทาง โดยมันพูดกับ นบีอัยยูบ ว่า “โอ้ อัยยูบ ท่านทำอะไรจนกระทั่ง ลูกตายไปหมด ทรัพย์สินก็ไม่เหลืออะไรเลย และยังต้องมาเจ็บป่วยอีก! ท่านทำอะไรมาหรือ ?”

          นบีอัยยูบ ก็ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ  ให้พ้นจากการยั่วยุของชัยฏอนมารร้ายนั้น แล้วถ่มน้ำลายรดชัยฏอน มันจึงหนีพ้นไปจากตรงหน้าของเขาทันที ภรรยาของอัยยูบ ก็เช่นกันทำเช่นเดียวกับนบีอัยยูบ นางได้ขับไล่การรบกวนของชัยฏอนไปพ้นจากนาง นบีอัยยูบ นั้นยิ่งโดนทดสอบหนักก็ยิ่งเพิ่มความอดทนหนักขึ้นเป็นทวีคูณและยิ่งมีความสำรวมนอบน้อมเพิ่มขึ้น สภาพของเขาก็ยิ่งแย่ลงทุกขณะ ลูกตายหมด สมบัติก็หมด ความเจ็บป่วยก็รุมเร้าในร่างกาย จนไม่สามารถที่จะหาอาหารมาประทังชีพได้ในแต่ละวัน จนภรรยาต้องออกนอกบ้านไปหารับจ้างตามครอบครัวต่าง ๆ ในแถบ “ฮูรอน” นั้น นางต้องมานะลำบากลำบนทำงานรับจ้างในบ้านคนอื่น ๆ เพื่อแลกกับอาหารไปในแต่ละวัน

           ภรรยาของ นบีอัยยูบ นับได้ว่ามีความอดทนที่เป็นผลมาจากสามีของนางเอง ที่เขาอดทนได้นางก็อดทนได้เช่นเดียวกัน นางได้ปลูกโรงเล็ก ๆ ขึ้นแห่งหนึ่งในทะเลทรายห่างไกลผู้คนแล้วให้นบีอัยยูบ พักอาศัยอยู่ในนั้น ซึ่งนางก็มีความวิตกกังวลมาก เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ นบีอัยยูบ จากสัตว์ร้ายหรือไม่ก็อันตรายจากฝูงสัตว์หลงทาง แต่ก็ไม่มีทางเลือกใดอีกแล้ว เพราะหันหน้าไปที่ใด ก็มีแต่ผู้คนรังเกียจ และคงอยู่ในสภาพเช่นนั้นหลายปี แต่ทั้งสองก็มีความอดทนหนักแน่น พร้อมทนอดอยากหิวโหย แต่มีความหวังในผลบุญจากอัลลอฮฺ

          ส่วนภรรยาออกทำหน้าที่หางานตามบ้าน เพื่อแลกกับอาหารประทังชีวิต แต่ทว่าต่อมาเมื่อผู้คนทราบเรื่อง เขาก็ไม่จ้างไม่ให้เข้าใกล้ ไม่เปิดประตูรับนางอีกเลย ทั้งที่เป็นเช่นนี้นางก็ไม่ยอมแบมือขอใครเลย ทั้งคู่ต้องตกอยู่ในสภาพยากจนข้นแค้นอย่างสาหัส จนนางต้องหาทางออก โดยนางต้องตัดผมของนางทั้งสองจุกบนศรีษะของนาง เพื่อแลกซื้อขนมปังสองก้อนประทังชีพ

          ครั้นเมื่อนางกลับถึงที่พักที่สามีรออยู่ นางจึงได้มอบก้อนขนมปังให้ผู้เป็นสามีของนาง เมื่อนบีอัยยูบ ทราบเรื่องที่นางได้ทำลงไป โดยขายผมบนศรีษะของนางเอง นบีอัยยูบ ก็โกรธมากและสาบานว่าจะเฆี่ยนตีนางในเรื่องดังกล่าว 100 ครั้ง และเขาไม่ยอมรับประทานขนมปังนั้นเลย ด้วยความโกรธที่นางทำลงไปเช่นนั้น เพราะไม่จำเป็นและไม่เหมาะสม นบีอัยยูบ สาบานต่ออัลลอฮฺ ว่าจะทำการลงโทษนางโดยเฆี่ยน 100 ครั้ง และในเวลาเดียวกันนั้นภรรยาของนบีอัยยูบ ก็เคยได้ขอต่อท่านบ่อยครั้ง ให้นบีอัยยูบ ขอดุอาต่ออัลลอฮฺ  ให้พ้นจากการทดสอบนี้เสียที ! เพราะเป็นการทดสอบที่นานเกินไปแล้ว หลายปีจริง ๆ แต่นบีอัยยูบ ปฏิเสธที่จะขอต่ออัลลอฮฺ ในเรื่องดังกล่าว นบีอัยยูบ อดทนต่อความเจ็บป่วย และการทดสอบนานา ชนิดและทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน


บรรดานักตัฟซีร กล่าวว่า “นบีอัยยูบ เป็นนบีอยู่ในกลุ่มชาวโรมัน 

♣ เขามีบุตรหลาน และทรัพย์สมบัติมากมาย อัลลอฮฺ ทรงให้ทรัพย์สมบัติของเขาสูญสิ้นไป เขาก็อดทนขันติ 

♣ แล้วพระองค์ก็ทรงให้บุตรหลานของเขาตายไป เขาก็อดทนขันติ 

♣ แล้วพระองค์ก็ทรงให้เขาได้รับการทดสอบอื่น ๆ และการเจ็บป่วย เขาก็อดทนขันติ 

        ชนกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาผ่านมาได้กล่าวว่า สิ่งที่ประสบกับเขาเช่นนี้มิใช่อื่นใดเลย นอกจากเป็นบาปอันยิ่งใหญ่ ดังนั้น เขาจึงร้องเรียนขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ  พระองค์จึงทรงปลดเปลื้องความทุกข์ของเขา

          อับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด กล่าวว่า “ลูกของเขา 14 คน ตายหมดเป็นบุตรชาย 7 คน และบุตรหญิง 7 คน เมื่อนบีอัยยูบ หายจากการเจ็บป่วย อยู่ในสภาพที่แข็งแรงแล้ว ภรรยาของเขาได้คลอดบุตรซึ่งเกิดจากเขาอีก 14 คน อันเป็นบุตรชาย 7 คน และอีก 7 คน เป็นบุตรหญิง” 

         มีรายงานกล่าวว่า นบีอัยยูบ ได้รับเคราะห์กรรมเป็นเวลาถึง 18 ปี วันหนึ่งภรรยาของเขากล่าวกับเขาว่า “หากท่านขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ  เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ร้อนของเราให้หมดสิ้นไปเสียทีจะได้ไหม ?” 

เขากล่าวกับนางว่า “เรามีชีวิตอยู่ในความเป็นสุขกี่ปี ?” 

นางตอบว่า “80 ปี” 

เขากล่าวแก่นางว่า “ฉันล้มป่วยมากี่ปี” 

นางตอบว่า “18 ปี” 

เขากล่าวแก่นางอีกว่า “ฉันละอายต่ออัลลอฮฺ  ที่จะขอต่อพระองค์ เพราะฉันได้มีชีวิตอยู่ในความทุกข์ไม่เท่ากับที่ได้มีชีวิตอยู่ในความสุข”

         แต่เมื่อภรรยาของเขาขายจุกบนศรีษะของนางทั้งสองข้างนั้น เขาเกิดความกังวลขึ้นภายในใจตามมา ดังนั้น เขาจึงแหงนหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้าและกล่าวว่า

“โอ้พระเจ้า แท้จริงฉันโดนชัยฏอนรบกวนจนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและทุกข์ระทมมาก”
 

“โอ้พระเจ้า ความดีงามทั้งปวงอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ท่านทั้งหมด และคุณความดีทั้งมวลก็อยู่ที่พระองค์ท่าน กิจการงานทุกอย่างกลับสู่พระองค์ หากแต่ว่าพระเมตตาของพระองค์ท่านนั้นมีอยู่ก่อนทุกสิ่ง”
 

“ดังนั้น ข้าพระองค์จะไม่ทุกข์ยากเข็ญ โดยที่ข้าพระองค์เป็นบ่าวของพระองค์ ผู้อ่อนแอได้อยู่ตรงพระพักตร์ของพระองค์ท่านแล้ว”
 

“โอ้พระเจ้า ขณะนี้มีอันตรายเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ โดยที่พระองค์ท่านนั้นทรงเป็นผู้มีความเมตตายิ่งกว่าใครทั้งสิ้น”

         ทันใดนั้น สถานที่ก็เริ่มมีแสงสว่างบรรเจิดจ้าเรืองรองงดงามยิ่ง บรรยากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวนฟุ้งกระจายไปทั่ว แล้วนบีอัยยูบ ก็ได้แลเห็น มะลักตนหนึ่งกำลังลงมาจากท้องฟ้า และกล่าวคำสลามแก่ นบีอัยยูบ  โดยมีเสียงพูดขึ้นหลังจากนั้นว่า 

“คนที่เป็นบ่าวที่ดีที่สุดคือท่าน โอ้ อัยยูบ เอ๋ย แท้จริงแล้ว อัลลอฮฺ ได้ทรงฝากสลามมาถึงท่าน และพระองค์ก็ทรงสั่งมาว่า

“แน่นอนข้าได้ตอบรับการขอของเจ้าแล้ว และอัลลอฮฺ ก็ได้ทรงประทานให้กับเจ้าซึ่งผลบุญของบรรดาผู้อดทนทั้งหลาย”

          เจ้าจงใช้เท้าของเจ้ากระทืบลงบนดินเถิด โอ้อัยยูบเอ๋ย...และจงอาบเรือนกายของเจ้าด้วยตาน้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำนั้นและเจ้าจงดื่มกินด้วย แล้วจะฟื้นหายเป็นปกติ ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ มะลักก็ลับกลายไป 

          หลังจากนั้น อัยยูบ ก็รู้สึกว่ามีความสว่างไสวขึ้นภายในหัวใจ ดังนั้น อัยยูบ จึงได้กระทืบเท้าของตนลงที่พื้นดินทันที ทันใดนั้นตาน้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำก็ผุดขึ้น เป็นตาน้ำที่ทั้งเย็นและจืดสนิท อัยยูบ ได้ดื่มน้ำนั้นจนอิ่ม โลหิตก็สูบฉีดไปทั่วสรรพางค์กาย เปลี่ยนจากความทุกข์ เจ็บป่วย เมื่อยล้า กลายเป็นความสดชื่นฟื้นหายเข้ามาแทนที่อย่างฉับพลัน ราวกับไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน อัยยูบ ได้ถูกปลดเปลื้องเอาความทุกข์ยากขมขื่น ออกไปจนหมดสิ้น ร่างกายกลับคืนมาอยู่ในสภาพที่ดีงามเหมาะสม พร้อมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่งดงามยิ่งเต็มไปด้วยความแข็งแรง ปราศจากโรคภัย และความสง่างามสมเกียรติ เริ่มคืนสภาพทีละเล็กละน้อย จนสุขภาพกลับมาดังเดิม มีความร่ำรวยแบบเดิม เริ่มกลับคืนมาสู่ชีวิตอีกครั้ง

          เมื่อภรรยาของ อัยยูบ กลับมาถึงที่พัก นางก็ต้องประหลาดใจ และเริ่มมองหาสามีของตนที่ชื่อ อัยยูบ ที่ป่วยเน่าด้วยโรคผิวหนังมีกลิ่นเหม็น นางไม่พบเขาคนนั้น นางไม่มีเขาอีกแล้วเขาหายไปไหน แต่นางพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าเบิกบาน ยิ้มแย้มมีความสุขสำราญเต็มที่ 

นางจึงเอ่ยถามชายคนนั้นด้วยความฉงนและเป็นห่วงว่า “ท่านเห็นอัยยูบไหม ? อัยยูบ ที่เป็นนบีของอัลลอฮฺ ”

ชายผู้นั้นตอบว่า “ดูให้ดีซิ ! ฉันนี่แหละคือ อัยยูบ”

นางตอบว่า “ท่านน่ะหรือ ? อัยยูบ! ไม่...ไม่ใช่หรอก ? เพราะว่าอัยยูบ สามีของฉันนั้นแก่ชรา แล้วยังป่วยมากอีกต่างหาก...ไม่...ไม่ใช่..ท่านไม่ใช่เขาแน่นอน?”

         อัยยูบ ตอบว่า “ความเจ็บป่วยมาจากอัลลอฮฺ  ได้ การหายเจ็บป่วยก็มาจากอัลลอฮฺ  ได้เช่นเดียวกัน พระองค์อัลลอฮฺ  ทรงมีอำนาจทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ใช่แล้ว พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะให้ฉันได้หายป่วย และทรงมีพระประสงค์ให้การทดสอบนั้นได้จบสิ้นลงเสียที”

          แล้ว อัยยูบ  ก็ให้ภรรยาของเขาได้อาบน้ำจากตาน้ำนั้นด้วย เพื่อที่นางจะได้กลับกลาย มาเป็นคนที่สาวรุ่นและงดงามดังเดิม นางจึงได้อาบน้ำนั้น นางก็กลับกลายมาเป็นสาวรุ่นและเปล่งปลั่งสวยงาม แล้วอัลลอฮฺ ก็ประทานให้ทั้งสองได้มีบุตรทั้งชายและหญิงมากมายอีกครั้งหนึ่ง

          นบีอัยยูบ ได้ทำตามที่สาบานไว้ คือ จะตีภรรยาของตน 100 ครั้ง ดังนั้น อัลลอฮฺ  จึงได้ทรงใช้ให้เขาเอาหญ้าแห้งมาหนึ่งกำมือแล้วตีที่นางผู้เป็นภรรยาด้วยหญ้ากำมือนั้น อัยยูบ ก็พ้นคำสาบานด้วยการตีภรรยาของตนกับหญ้าหนึ่งกำมือเพียงครั้งเดียว เพราะหญ้าหนึ่งกำมือนั้นมีเป็นร้อยต้น โดยที่นางไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ อันเนื่องมาจากความเป็นคนดีของนาง นางจึงไม่เหมาะสมที่จะได้รับโทษ นอกจากสิ่งที่ดีเท่านั้น!

         ผู้คนทั้งหลายรู้เรื่องของ นบีอัยยูบ ดีพอสมควร พวกเขาทราบดีอีกว่าความเจ็บป่วยหรือการหายจากความเจ็บป่วยนั้น มาจากอัลลอฮฺ  ความยากจน หรือ ความร่ำรวย ก็มาจากอัลลอฮฺ  เช่นกัน

อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 176 ความว่า :-

“...ดังนั้นเจ้าจงเล่าเรื่องราวเหล่านั้นเถิด เพื่อว่าพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ”

         อัลลอฮฺ  ได้ทรงบันทึกเรื่องราวของ นบีอัยยูบ ไว้ในอัลกรุอานเพื่อว่ามุอฺมินผู้ศรัทธาจะได้คิดสะกิดใจ และเพิ่มศรัทธายิ่งขึ้น และยึดถือเป็นแบบอย่างที่ดี ในความอดทนต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ไม่สิ้นหวัง ไม่ท้อแท้ และไม่หมดกำลังใจในการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ  ไม่จืดจางในการยึดมั่นในศาสนาของพระองค์

 

อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลอัมบิยาอฺ อายะฮฺที่ 83-84 ความว่า :-

         “และจงรำลึกถึงเรื่องราวของ อัยยูบ เมื่อเขาได้ร้องเรียนต่อพระเจ้าของเขาว่า แท้จริงข้าพระองค์นั้น ความทุกข์ยากได้ประสบแก่ข้าพระองค์ และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงเมตตายิ่งในหมู่ผู้ทรงเมตตาทั้งหลาย ดังนั้น เราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาแล้ว เราได้ปลดเปลื้องสิ่งที่เป็นความทุกข์ยากแก่เขา และเราได้ให้ครอบครัวของเขาแก่เขา เช่นเดียวกับที่เขาเคยมีมาก่อน (เช่น บุตรหลานและพวกพ้อง) เป็นความเมตตาจากเรา และเป็นข้อตักเตือแก่บรรดาผู้ที่เคารพภักดี”

อัลลอฮฺ ได้ตรัสอีกในซูเราะฮฺ ศอด อายะฮฺที่ 41-44 ความว่า :-


          “และจงรำลึกถึงบ่าวของเรา อัยยูบ เมื่อเขาวิงวอนต่อพระเจ้าของเขา โดยกล่าวว่า ชัยฏอนมารร้าย ได้ทำให้ฉันได้รับความเหนื่อยยากและทุกข์ทรมาน จงกระทืบ (แผ่นดิน) ด้วยเท้าของเจ้า นี่คือน้ำเย็นสำหรับอาบชำระ และสำหรับดื่ม และเราได้ประทานครอบครัวของเขาให้แก่เขา และเช่นเดียวกับพวกเขาพร้อมพวกเขา เป็นความเมตตาจากเรา และเป็นข้อเตือนสติแก่ปวงผู้มีสติทั้งหลาย และจงเอาเศษหญ้าสักกำมือหนึ่ง แล้วฟาดด้วยมันและอย่าถอนคำสาบาน แท้จริงเราพบว่าเขา (อัยยูบ) เป็นผู้อดทน บ่าวผู้ประเสริฐ แท้จริงเขาหันหน้าสู่เราเสมอ”

 

 

“เป็นที่น่าแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน สำหรับเรื่องราวของคนมุอฺมิน...

แท้จริงแล้วเรื่องราวของเขานั้นทั้งหมดเป็นความดี... และไม่มีใครสักคนจะได้เช่นนั้น นอกจากคนมุอฺมินเท่านั้น

หากเกิดความสุขสบายเขาก็ขอบพระคุณพระเจ้า จึงเป็นสิ่งที่ดีแก่เขา...

และถ้าหากว่าความทุกข์ยากเข็ญแก่เขา เขาก็มีความอดทน จึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาเช่นกัน”


 

 

อัลอิศลาห์ สมาคม