ผู้นำหรือผู้ปกครองที่หลอกลวงประชาชน
จากอบู หุมัยด์ อัสสาอิดี้ เล่าว่า
ท่านนะบี ได้แต่ตั้งบุคคลหนึ่งจากตระกูลอัลอัสด์ มีชื่อว่า อิบนุ อัลลุตบียะฮ์ ซึ่ง อัมร์ และอิบนุ อบี อุมัร ระบุว่าแต่งตั้งให้ทำหน้าที่จัดเก็บซะกาต
ครั้นเมื่อเขากลับมาจากการจัดเก็บเขากล่าวกับท่านนะบี ว่า
"นี่เป็นส่วนหนึ่ง ของพวกท่าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของฉัน ซึ่งฉันได้รับมาเป็นกำนัล"
เขาเล่าว่า ต่อมาท่านเราะซูล ได้ขึ้นมิมบัร กล่าวสรรเสริญและสดุดีอัลลอฮ์ พลางกล่าวว่า
"จะว่าอย่างไรกันเมื่อเจ้าพนักงานที่ฉันได้แต่งตั้งเขาออกไป(จัดเก็บซะกาต) (แต่เมื่อกลับมา) เขากล่าวว่า ส่วนนี้เป็นของพวกท่าน และส่วนนี้ฉันได้รับกำนัลมา ก็ทำไมเขาไม่ลองนั่งอยู่ในบ้านบิดาของเขาหรือบ้านมารดาของเขา แล้วดูซิว่าจะมีใครนำของกำนัลมาให้เขาไหม ขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตของมุฮัมมัดอยู่ในอำนาจของพระองค์ คนใดในหมู่พวกท่าน(เจ้าหน้าที่) จะแตะต้องซะกาตใดๆไม่ได้ (ถ้าแตะต้องยักยอก) เว้นแต่สิ่งนั้นจะมีมาในวันกิยามะฮ์ ในสภาพที่ต้องแบกมันมาบนต้นคอของเขา หากเป็นอูฐ(ที่ยักยอกไป) มันจะส่งเสียงร้อง หากเป็นวัวก็จะมีเสียงร้อง หากเป็นแกะก็จะมีเสียงร้อง"
ต่อจากนั้น ท่านเราะซูล ได้ยกมือทั้งสองขึ้นจนพวกเราเห็นรอยขาวที่รักแร้ทั้งสองของท่าน
ต่อจากนั้นท่านได้กล่าวว่า
"โอ้อัลลอฮ์ ฉันได้ประกาศสัจธรรมทั่วถึงแล้วมิใช่หรือ โดยกล่าวถึงสองครั้ง(¹)
(¹) หะดิษ 1800 เป็นต้นไปชี้ให้เห็นว่า บรรดาของให้ที่ได้มอบแก่ผู้นำหรือผู้ปกครองถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน เมื่อใดพวกเขา(ผู้นำ) ถือว่าเป็นของตนย่อมเป็นเรื่องไขว้เขว และเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งถือว่าเป็นข้อห้ามในระดับหะรอม
ฮะดิษ เศาะเฮี๊ยะ บันทึกรายงานโดย อิหม่าม มุสลิม เลขที่ ( 1800 )