อิสลามกับโลกในอนาคต
จาการเสวนาและการนำเสนอองค์ความรู้และหลักคิดของวิทยากรทั้งหมด สรุปได้ ดังต่อไปนี้
ในสังคมโลกยังขาดองค์ความรู้หรือภูมิต้านทานโลกโลกาภิวัตน์ที่ดีนอกจากอิสลามเท่านั้น อิสลาม เป็นวิถีชีวิตเดียว เป็นแนวทางเดียวเท่านั้นที่กล้าท้าทาย กล้าเผชิญกับโลกโลกาภิวัตน์ในสังคมโลกปัจจุปัน อิสลามเป็นวิถีชีวิตที่ครอบคลุมทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตใจ คุณธรรม จริยธรรม การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง อื่นๆ เป็นแนวทางของวิถีชีวิตที่สมดุล เช่น ความสมดุลระหว่างวัตถุและจิตใจ ความสมดุลระหว่างโลกนี้กับโลกหน้า
ในเมื่ออิสลามเป็นแนวทางหรือวิถีชิตที่สมบูรณ์เช่นนี้แล้ว ทำไมอิสลามถึงยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับลัทธิหรือแนวคิดโลกาภิวัตน์ได้ นี่คือโจทย์ปัญหาใหญ่มากสำหรับมุสลิมทั้งหลายที่จะต้องร่วมแก้ปัญหาข้อนี้
อิสลามที่เป็นวิถีชีวิต ในขณะที่มุสลิมในเชิงกว้างหรือแนวทางในการดำรงชีวิตขาดความเข้าใจเชิงลึกในด้านความเชื่อมั่น ดังนั้น การมีการศึกษาเท่านั้นที่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ได้ แต่เมื่อพิจารณาในด้านการจัดการศึกษาของสังคมมุสลิมในเมืองไทย พบว่าการจัดการศึกษาของมุสลิมเมืองไทย มีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจำนวนมากมายแต่ขาดความเข้มแข็ง ทั้งนี้เพราะโรงเรียนเหล่านี้ยังจัดการศึกษาภายใต้อิทธิพลแนวคิดแบ่งแยกศาสนาออกจากวิถีชีวิต จึงทำให้การศึกษาของสังคมมุสลิมไม่สามารถสร้างมุสลิมที่เข้าใจอิสลามทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้างได้ การจัดการศึกษายังมุ่งหาผลประโยชน์ให้กับเจ้าของกิจการ การจัดการศึกษายังขาดอุดมการณ์ในการสร้างมุสลิมที่สมบูรณ์
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ยืนหยัดอยู่ในความจริงเท่านั้น สิ่งที่ไม่เป็นจริงไม่ใช่ศาสนาอิสลาม ท่านร่อซูล กล่าววว่า
“ศาสนาอิสลามมาแบบคนแปลกหน้าและจะจากไปอย่างคนแปลกหน้า”
ตรงคำว่า “ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่แปลก” หมายถึง วิธีคิดที่แปลก การดำรงชีวิตที่แปลก อย่าอาย อย่าไปแปลกใจ ไม่ต้องน้อยใจว่าผู้หญิงมุสลิมแต่งตัวแปลกกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ จงภูมิใจตรงนี้ที่ว่า ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่แปลก ถ้าเหมือนกับศาสนาอื่นๆ อัลลอฮฺจะประทานศาสนาอิสลามลงมาทำไม ที่พระองค์ทรงประทานลงมา เพราะว่าจะให้ยืนหยัดในสัจจะธรรมที่แท้จริง และจะต้องไม่เหมือนศาสนาอื่น
วิธีคิดที่แปลก เช่น นบี บอกว่า ความตายคือการเริ่มต้นของชีวิต ในขณะที่คนทั่วไปคิดว่าความตายคือการสิ้นสุดของชีวิต ทุกคนคิดแบบนี้แม้กระทั่งมุสลิมหลายคนหลงคิดแบบนี้ ว่าตายแล้วเหมือนว่าทุกอย่างก็สิ้นสุด แต่ไม่ใช่ อิสลามได้บอกว่า ความตาย คือการเริ่มต้นของชีวิตที่แท้จริง ชีวิตที่ยาวนาน ชีวิตที่ถาวร ชีวิตที่ไม่ต้องมีอะไรมาหลอกอีก มีแต่ความสัจจริง
ในขณะที่ชีวิตบนโลกนี้ไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง อัลลอฮฺ บอกว่าเป็นเสมือนละครเท่านั้นเอง เพื่อที่จะทดสอบแต่ละคนว่า มีความมั่นใจ มีความศรัทธาต่อพระองค์มากน้อยเพียงใด โลกหน้าต่างหากคือโลกที่ถาวร คือโลกที่แท้จริง
เพราะฉะนั้น วิถีของมุสลิม คือ ความตาย และ ความตาย คือการเริ่มต้นของชีวิต และต้องห่วงว่าเราได้เตรียมพร้อมหรือยังที่จะไปอยู่ในโลกที่แท้จริง ให้คิดเสมอว่าวันนี้เป็น วันสุดท้าย เพราะต้องมีวันหนึ่งที่เป็นวันสุดท้ายของเรา นั่นคือ วิถีของมุสลิม ท่านนบี บอกว่า “มุสลิมจะต้องทิ้งเรื่องที่ไร้สาระออกไป” หนึ่งในหลักคุณธรรมคือ สิ่งที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้เป็นหะดีษกุรซี ว่า
“ฉัน(อัลลอฮฺ) จะให้เป็นไปตามสิ่งที่บ่าวคิดกับเรา ถ้าเขาคิดในสิ่งที่ดี เขาก็จะได้ในสิ่งที่ดี แต่ถ้าเขาคิดในสิ่งที่ไม่ดี เขาก็จะได้ในสิ่งที่ไม่ดี"
คนที่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ยังไม่อันตรายเท่ากับคนที่ไม่รู้ ยิ่งไปกว่านั้น บอกว่าสิ่งที่ผิดเป็นสิ่ง ที่ถูก บอกว่าสิ่งที่ถูกเป็นสิ่งที่ผิด อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ในประเทศไทย ในซีกโลกตะวันตก ของผิดกลายเป็นของถูก
มีเรื่องเล่าว่า ผู้หญิงคนหนึ่งขายตัวเป็นโสเภณี เพื่อที่จะส่งลูกเรียน ถามว่าผู้หญิงคนนี้กำลังทำเรื่องดีหรือเรื่องชั่ว คน 99 % บอกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังทำความดี อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง เขาคิดว่าการส่งลูกเรียน คือสิ่งที่ถูกต้องเป็นฐานะหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของแม่ ถ้าไม่ดูแลให้ลูกไม่ได้เรียน เรียกว่าแม่มีความบกพร่อง แต่คำสอนของการผิดประเวณีหายไปไหน ? ทุกศาสนาสอนหมด การผิดประเวณีเป็นบาปมหันต์ และในปัจจุบันก็ได้มีการแต่งงานเพศเดียวกัน และได้มีการรับรองโดยกฎหมาย ผู้ชายกับผู้ชาย คนหนึ่งเป็นสามี อีกคนหนึ่งเป็นภรรยา แล้วที่น่าคิดคือ มีโบสถ์หลายแห่งที่ทำพิธีแต่งงาน โดยผู้ชายกับผู้ชาย ซึ่งอ้างคัมภีร์โดยตีความว่า เขาอยากจะมีความสุขของเขา เดี๋ยวนี้มนุษย์จึงมองไม่ออกว่าอะไรถูก อะไรผิด !
เพราะฉะนั้น เพื่อจะให้มนุษย์กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ก็ต้องย้อนกลับไปสภาพที่ถูกต้อง สภาพของมนุษย์ที่ยึดหลักคำสอนที่ถูกต้อง ที่อัลลอฮฺ ได้ประทานมา ที่ตรงตามธรรมชาติที่อัลลอฮฺ ได้ทรงสร้างมนุษย์มา ดังนั้น เพื่อไม่ให้หลงผิดและกลับไปสู่ความถูกต้องอีกครั้งคือ การกลับไปสู่อัลกุรอาน นี่คือคำยืนหยัดของศาสนาอิสลาม
อัลกุรอานจะไม่หายไปไหน อัลกุรอานจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง แม้แต่อักษรเดียว อัลลอฮฺ จะเป็นผู้รักษาอัลกุรอาน เพราะฉะนั้นโลกจะสว่างอีกครั้งหนึ่ง คือ เมื่อกลับไปสู่อัลกุรอาน ถ้าลืมตรงนี้มนุษย์จะมืดมน โลกจะมืดมน มนุษย์ก็จะกลับไปสู่หายนะในที่สุด
วิทยากร :
1. รศ.ดร.อารง สุทธาศาสน์
2. ดร.วิศรุต เลาะวิถี
3. อาจารย์ยาซีน สลักเพชร
4. คุณศุภนัย พวงมณี ผู้ดำเนินการเสวนา ณ ห้อง 15-201 มหาวิทยาลัยรังสิต