เพิ่มพูนความรักต่อท่านนบี
  จำนวนคนเข้าชม  3201


เพิ่มพูนความรักต่อท่านนบี

เรียบเรียงโดย : อบูชีส

เราจะเพิ่มพูนความรักต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในหัวใจของเราได้อย่างไร?

        มุสลิมสามารถที่จะเพิ่มพูนความรักที่ภายในจิตใจต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้มากกว่าสิ่งใดทั้งหมดในดุนยานี้ได้อย่างไร?

อัลฮัมดุลิลละห์

       ความรักต่อท่านร่อซูล ความทราบซึ้งของความรักนั้นจะขึ้นอยู่กับการศรัทธาของมุสลิม ดังนั้นถ้าหากการศรัทธาของเขาเพิ่มพูน ความรักของเขาต่อท่านร่อซูลก็เพิ่มพูน และความรักของท่านนบี  คือการเชื่อฟังและทำตัวให้ใกล้ชิด แน่นอนว่าบทบัญญัตินั้นได้ทำให้ความรักต่อท่านนบี  เป็นส่วนหนึ่งจากความจำเป็น


عن أنس قال : قال النبي صلى الله عليه وسلم : " لا يؤمن أحدكم حتى أكون أحب إليه من والده وولده والناس أجمعين " . رواه البخاري ( 15 ) ومسلم ( 44 ) .

จากอนัส กล่าวว่า : ท่านนบี  กล่าวว่า 

      "คนหนึ่งคนใดจากพวกท่าน ความศรัทธาของเขายังไม่สมบูรณ์ จนกว่าฉัน(ท่านนบี) จะเป็นที่รักยิ่งสำหรับเขา มากกว่าบิดาของเขา ลูกของเขา และมนุษย์ทั้งหมด"


การที่นำมาซึ่งความรักต่อท่านร่อซูล  สามารถที่จะรับรู้ได้จากสิ่งต่อไปนี้

ประการแรก : 

       ท่านร่อซูล  ถูกส่งมาจากพระผู้อภิบาลของท่าน ทรงส่งมาแก่สากลโลก เพื่อเผยแผ่ศาสนาของอัลลอฮ์ให้แก่มนุษยชาติ และอัลลอฮ์ทรงเลือกท่านเนื่องจากพระองค์ทรงรัก และพอพระทัยในตัวของท่าน หากแม้นว่าพระองค์อัลลอฮ์ไม่พอพระทัย พระองค์จะไม่ทรงเลือกท่าน และจำเป็นต่อเราที่จะรักบุคคลที่อัลลอฮ์ทรงรัก และพอใจต่อบุคคลที่พระองค์ทรงพอพระทัย และเรานั้นจะรู้ว่าแท้จริง ท่านนบี  นั้นคือ คอลีลุลลอฮ์ (คนรักของอัลลอฮ์) และคำว่า "คุลละฮ์" คือตำแหน่งที่สูงที่สุดของความรัก


عن جندب قال : سمعت النبي صلى الله عليه وسلم قبل أن يموت بخمس وهو يقول : " إني أبرأ إلى الله أن يكون لي منكم خليل فإن الله تعالى قد اتخذني خليلاً كما اتخذ إبراهيم خليلا ولو كنت متخذاً من أمتي خليلاً لاتخذت أبا بكر خليلاً " . رواه مسلم ( 532 ) .

จาก ญุนดุบ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านนบี  ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตห้าวัน ท่านได้กล่าวว่า 

       "แท้จริง ฉันนั้นขอจากอัลลอฮ์ ให้พระองค์ทรงทำให้ฉันนั้นมีคนรักจากพวกท่าน เพราะแท้จริงพระองค์อัลลอฮ์นั้นได้ยึดเอาฉันเป็นคนรัก เหมือนดั่งเช่นที่พระองค์ได้ยึดเอาอิบรอฮีมเป็นคนรัก และหากว่าฉันยึดเอาคนใดจากประชาชาติของฉันเป็นคนรัก ฉันก็จะยึดเอาอบูบักรเป็นคนรัก"


ประการที่สอง : 

       การที่เรารู้ถึงตำแหน่งของท่าน ที่ซึ่งอัลลอฮ์ทรงเลือกท่านด้วยกับมัน และท่านคือมนุษย์ที่ประเสริฐที่สุด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม


عن أبي هريرة قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : " أنا سيد ولد آدم يوم القيامة وأول من ينشق عنه القبر وأول شافع وأول مشفع " . رواه مسلم ( 2278 ) .

จากอบีฮุร็อยเราะห์ กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า 

        "ฉันคือนายของลูกหลานอาดัมในวันกิยามะห์ และเป็นคนแรกที่จะถูกนำออกจากกุโบร และเป็นคนแรกที่จะขอลุแก่โทษ และเป็นคนแรกที่ได้รับอนุมัติให้ขอชะฟาอะห์"


ประการที่สาม : 

       เราต้องรู้ถึงการที่ท่านนั้นได้รับบททดสอบและความยากลำบาก อันเนื่องจากการที่ท่านทำให้อิสลามมาถึงเรา และแน่นอนมันก็เป็นเช่นนั้น อัลฮัมดุลิลละห์ และจำเป็นต่อเราที่เราจะต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วท่านร่อซูล  ถูกทำร้าย ถูกด่าทอ ถูกตี และถูกคนใกล้ตัวที่สุดปฏิเสธ และใส่ร้ายว่าเป็นคนบ้า คนโกหก พ่อมด และถูกใส่ร้ายว่าท่านนั้นฆ่าชีวิตผู้คนเพื่อปกป้องศาสนา เพื่อที่จะให้ศาสนามาถึงพวกเรา และพวกเขาก็ต่อสู้กับท่าน และขับไล่ท่านจากครอบครัวของท่าน จากทรัพย์สิน จากบ้านเรือน และยกทัพเพื่อต่อสู้กับท่าน


ประการที่สี่ : 

         ปฏิบัติตาม การยึดเอาแบบอย่าง จากซอฮาบะห์ของท่าน ในความรักอย่างสูงของพวกเขาต่อท่านนบี  แน่นอนว่าพวกเขานั้นรักท่านมากกว่าทรัพย์สิน และมากกว่าบิดา ทว่ามากว่าตัวของเขาเองด้วยซ้ำ ดูจากบางตัวอย่างต่อไปนี้


عن أنس قال : " لقد رأيت رسول الله صلى الله عليه وسلم والحلاق يحلقه وأطاف به أصحابه فما يريدون أن تقع شعرة إلا في يد رجل " . رواه مسلم ( 2325 )

จากท่านอนัส กล่าวว่า 

       "แน่นอนฉันได้เห็นท่านร่อซูล ในขณะที่ช่างตัดผมกำลังโกนผมให้แก่ท่าน ก็ได้มีเหล่าซอฮาบะห์ของท่านนั้นเดินวนรอบท่าน อันเนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้เส้นผมเส้นใดตกหล่น นอกเสียจากในมือของคนหนึ่งคนใดเท่านั้น"


وعن أنس رضي الله عنه قال : " لما كان يوم أحد انهزم الناس عن النبي صلى الله عليه وسلم وأبو طلحة بين يدي النبي صلى الله عليه وسلم مُجَوّب به عليه بحَجَفَة له وكان أبو طلحة رجلا راميا شديد القِد يكسر يومئذ قوسين أو ثلاثا وكان
الرجل يمر معه الجعبة من النبل فيقول انشرها لأبي طلحة فأشرف النبي صلى الله عليه وسلم ينظر إلى القوم فيقول أبو طلحة يا نبي الله بأبي أنت وأمي لا تشرف يصيبك سهم من سهام القوم نحري دون نحرك. . .

        จากอนัส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮู่ กล่าวว่า เกิดขึ้นในสงครามอุฮุด ผู้คน(บางส่วน)ปราชัยจาก(ได้รับรู้ข่าวการตาย)ของท่านนบี ในขณะที่ท่านอบูฏ็อลฮะห์นั้นได้อยู่เบื้องหน้าของท่านนบี ใช้โล่ปกป้องให้แก่ท่านร่อซูล และอบูฏอลฮะห์นั้นเป็นคนที่ชอบยิงธนู ในวันนั้น(สงครามอุฮุด)ธนูของเขานั้นหักไปสองถึงสามอัน และได้มีชายคนหนึ่งได้เดินผ่านมาพร้อมกับซองใส่ธนู 

ท่านนบี  กล่าวว่า : เอาธนูนั้นให้แก่อบูฏ็อลฮะห์สิ และท่านนบี  ก็ได้ชะเง้อมองดูศัตรู 

อบูฏ็อลลฮะห์กล่าวว่า : ขอสาบานว่า ท่านอย่าได้ชะเง้อมองไป ลูกธนูของศัตรูจะโดนตัวท่าน ให้โดนอกของฉันไม่ใช่อกของท่าน


رواه البخاري ( 3600 ) ومسلم ( 1811 ) .


ประการที่ห้า : 

         การตามของท่านต่อซุนนะห์ของท่านนบี  จากคำพูด หรือ การกระทำ และทำให้ซุนนะห์ของท่านนบี  เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ตลอดทั้งชีวิตของท่าน และทำให้คำพูดของท่านนบี  เหนือกว่าคำพูดของใครทั้งปวง และรวมทั้งคำสั่งของท่านนบี  ให้อยู่เหนือคำทุกคำสั่ง หลังจากนั้นก็ให้ตามหลักการยึดมั่นของเหล่าซอฮาบะห์ที่ทรงเกรียติ จากนั้นก็ให้ตามกลุ่มชนหลังจากพวกเขา(ตาบีอีน) จากนั้นก็ให้ตามหลักการยึดมั่นของคนที่ตามแนวทางของพวกเขาจนถึงยุคปัจจุบัน จากชาวอะห์ลุซซุนนะห์ วัลญะมาอะห์ โดยไม่คล้อยตามกับอุตริกรรมใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรอฟิเฏาะห์ เพราะหัวใจของพวกเขานั้นแข็งกร้าวต่อท่านร่อซูล  พวกเขาได้ยึดเอาอิหม่ามของพวกเขาเหนือกว่าสิ่งใด และรักอิหม่ามของพวกเขามากกว่าทีรักท่านนบี 


         เราขอจากอัลลอฮ์  ให้พระองค์ประทานความรักที่มีต่อท่านร่อซูล  และทำให้ท่านร่อซูล  เป็นที่รักยิ่งสำหรับเรา มากกว่า ลูกหลานของเรา และบิดามารดาของเรา มากกว่าครอบครัวเรา และมากยิ่งกว่าตัวของเรา