รอมฎอนกับการสร้างจิตสำนึกที่ดี
โดย อาจารย์ มูนีร มูหะหมัด
คำถามที่หลายคนต้องการคำตอบคือ จิตสำนึกที่ดีคืออะไร ? จิตสำนึกเป็นพฤติกรรมที่บุคคลแสดงออกซึ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่ ภาระรับผิดชอบ และการทำงาน ดังที่เราได้ยินคำพูดเหล่านี้บ่อยครั้ง เช่น จิตสำนึกของความเป็นครู จิตสำนึกของการเป็นพลเมืองดี การมีจิตสาธารณะ จิตสำนึกของการเป็นคนดี จิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ดังนั้น จิตสำนึกจึงเกี่ยวข้องกับคุณธรรมและจริยธรรมของบุคคล คำพูดเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการของสังคมและองค์กรให้สมาชิกและผู้ร่วมงานมีจิตสำนึกที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ มีจริยธรรมในการปฏิบัติงาน มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย ช่วยเหลือเกื้อกูล มีเมตตาธรรมกรุณาธรรม มีความอดทน เศรษฐกิจพอเพียง มีความเสียสละ รู้จักให้อภัย
การที่บุคคลจะมีคุณธรรม มีจิตสำนึกที่ดี จำเป็นจะต้องมีการอบรมสั่งสอนหรือซึมซับประสบการณ์จากศาสนา ครอบครัวที่ดี และสังคมโดยรอบที่ดี และผ่านกระบวนการทำความดีจนติดเป็นนิสัย การที่จะทำให้จิตสำนึกเกิดขึ้นเองย่อมเป็นไปได้ยาก
ศาสนาอิสลามมุ่งมั่นให้ผู้นับถือศาสนานี้และประชาชนทั่วไป โดยเป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรม ดังจะเห็นได้ว่า โครงสร้างของศาสนาอิสลามมี 3 ประการ คือ การศรัทธาซึ่งเป็นการเชื่อมันภายในหัวใจ ศาสนบัญญัติ เป็นการปฏิบัติตามกฎบัญญัติ เพื่อเป็นการเคารพภักดีและรักษาระเบียบวินัย คุณธรรม เป็นการตระหนักมั่นในการทำความดี หลักทั้ง 3 ประการนี้มีความผูกพันกัน ดังจะเห็นได้จากศาสนบัญญัติประการต่าง ๆ เช่น การละหมาด การจ่ายซะกาต การถือศีลอด การประกอบพิธีฮัจญ์ นอกจากจะต้องปฏิบัติโดยถูกต้องตามบัญญัติแล้วจะต้องมีผลทางด้านจริยธรรมด้วย
พระองค์อัลลอฮ์ ตรัสถึงเป้าหมายของการถือศีลอดไว้ว่า “เพื่อสูเจ้าทั้งหลายจะยำเกรง” (อัลบะกอเราะฮ์ / 183) เป้าหมายของอายะฮ์นี้คือ การถือศีลอดมิใช่เป็นเพียงการอดอาหาร เครื่องดื่ม การข้องแวะทางเพศในช่วงระยะเวลาที่ถือศีลอดเท่านั้น หากแต่ผลของการถือศีลอดจะต้องสะท้อนออกถึงผลทางจริยธรรมด้วย กล่าวคือ
1 – ความซื่อสัตย์ต่อตัวเองระหว่างการถือศีลอด
ภายใต้การกำกับของพระองค์อัลลอฮ์ ทั้งที่ลับและที่เปิดเผย เพราะว่า ระหว่างการถือศีลอด เขาสามารถที่จะแอบดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารได้ขณะอยู่ตามลำพัง แต่ด้วยความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและการกำกับของพระองค์อัลลอฮ์ ทำให้เขาระงับที่จะละเมิดบัญญัติการถือศีลอด ด้วยสภาพเช่นนี้จึงเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้บุคคลมีความซื่อสัตย์ในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานตามหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ฉ้อฉล บิดพลิ้ว ตบัดสัตย์ คดโกงต่อบริษัทและองค์กร ทำให้สามารถยกระดับจริยธรรมของบุคคลให้สูงขึ้น และเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่เขา
2 – ความรับผิดชอบ
การถือศีลอดฝึกหัดให้บุคคลมีคามรับผิดชอบ รักษาเวลา เพราะการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของศาสนาอิสลามค่อนข้างนานถึงหนึ่งเดือน กำหนดเวลามีความแน่นอน มีบัญญัติค่อนข้างเข้มงวด ผู้ใดสามารถผ่านการทดสอบจากการถือศีลอดได้ จะทำให้เขาสามารถใช้ประโยชน์ไปในการสร้างจิดสำนึกต่อการมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งการรักษาเวลาและการตรงต่อเวลาด้วย
3 – ความอดทน
ประโยชน์ประการหนึ่งที่ได้จากการถือศีลอดคือ การปลูกฝังความอดทนให้แก่บุคคลในการเผชิญต่อปัญหาและอุปสรรคในการดำรงชีวิตหรือปัญหาอื่นใดที่ถาถมเข้ามาในชีวิต พร้อมกับหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยสันติวิธี โดยวิธีที่ถูกต้องชอบธรรม มิใช่ด้วยการใช้วิธีทุจริตหรือวิธีที่ชั่วร้าย ขณะเดียวกันการถือศีลอดสั่งสอนให้บุคคลมีความอดกลั้น ควบคุมรารมณ์มีให้แสดงความโมโหฉุนเฉียวระงับจิตใจมิให้ฟุ้งซ่าน ขจัดความวิตกจริตอันอาจจะเกิดขึ้น บัญญัติอิสลามกำหนดให้บุคคลต้องถือศีลอดเมื่อเขาบรรลุศาสนภาวะและมีสติสัมประชัญญะ จึงเท่ากันเป็นการหล่อหลอมจิตสำนึกที่ดีให้บุคคลรู้จักความอดทนตั้งแต่เยาวัย
4 – เศรษฐกิจพอเพียง
อิสลามใช้ให้บรรดามุสลิมมีความประหยัดในการใช้จ่าย โดยให้บัญญัติการถือศีลอดให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ จากการรับประทานอาหาร 3 มื้อ และรับประทานของจุกจิกเกือบตลอดวันมาเป็นการรับประทานอาหารเพียง 2 มื้อ พร้อมกับงดการบริโภคสิ่งอื่นระหว่างมื้ออาหาร การถือศีลอดจึงเป็นการสร้างวินัยในการใช้จ่าย สร้างวินัยในการรับประทานอาหาร จะนำมาซึ่งการดูแลสุขอนามัยให้แก่ตัวเอง ไม่เป็นโรคอันเกิดจากการรับประทานอาหาร เช่น โรคอ้วน โรคไขมัน โรคเบาหวาน เป็นต้น และไม่ใช้จ่ายทรัพย์สินไปในหนทางที่ไร้ประโยชน์ พระองค์อัลลอฮ์ ตรัสว่า
“และสูเจ้าทั้งหลายจงกิน จงดื่ม และจงอย่าฟุ่มเฟือย แท้จริงพระองค์ไม่ทรงรักบรรดาผู้ฟุ่มเฟือย”
(อัล อะอ์ร้อฟ/31)
5 – การช่วยเหลือเกื้อกูล
การถือศีลอดมิได้มีเป้าหมายให้ผู้ถือศีลอดได้สัมผัสความหิวโหยแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น หากแต่จำเป็นจะต้องสะท้อนออกให้เป็นสภาพความทุกข์ยากของบรรดาผู้ด้อยฐานะว่าเขาเหล่านั้นต้องลิ้มรสความหิวโหยอย่างไร ในเมื่อเขารู้ซึ้งถึงความหิวโหยดังกล่าวความรู้สึกภายในจิตใจของเขาที่แสดงออกคือ การมีความรู้สึกร่วมกับความหิวโหยของบรรดาผู้ด้วยฐานะเหล่านั้น ทำให้จิตใจมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจพวกเขาจึงนำมาซี่งการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การช่วยเหลือเกื้อกูล การโอบอ้อมอารีย์ แบ่งสรรส่วนหนึ่งจากสิ่งที่มีอยู่ให้แก่พวกเขา เพื่อแสดงออกถึงการมีน้ำใจและความเป็นพี่น้องร่วมสังคมมนุษย์ด้วยกัน
6 – การให้อภัยกัน
วิสัยของมนุษย์ทั่วไปมีการปฏิบัติถูกต้อง แต่ก็ไม่บริสุทธิ์จากความผิดพลาด ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น บางครั้งก็เป็นส่วนเฉพาะตัวเอง และบางครั้งความผิดพลาดเป็นการคุกคามต่อผู้อื่น เดือนรอมฎอนเป็นเดือนแห่งการประกอบความดี การสร้างความสันติสุข สร้างความสามัคคีปรองดองกัน ส่วนหนึ่งจากปัจจัยที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็คือ การขจัดข้อขัดแย้ง กรณีพิพาท และความไม่เข้าใจกัน โดยการหาทางประนีประนอม การให้อภัย บรรดามุสลิมจะใช้ช่วงเดือนรอมฎอนในการปฏิบัติความดีร่วมกัน ปรับความเข้าใจกัน อันเป็นมูลเหตุนำสังคมสู่ความผาสุข
สังคมจะมีความสันติสุข มีความอบอุ่น มีความสามัคคีปรองดองได้ สมาชิกในสังคมจะต้องมีจิตสำนึกที่ดี ดังนั้น จึงสมควรที่เราจะฉวยโอกาสในช่วงเดือนรอมฎอนนี้สร้างจิตสำนึกที่ดีกันเถิด
ที่มา : สำนักข่าวอะลามี่