ใช้ให้รักษาและทำตามอะมานะฮฺ
ดร.รอชิด บิน หุเสน อัล-อับดุลกะรีม
อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
﴿ إِنَّا عَرَضۡنَا ٱلۡأَمَانَةَ عَلَى ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلۡأَرۡضِ وَٱلۡجِبَالِ فَأَبَيۡنَ أَن يَحۡمِلۡنَهَا وَأَشۡفَقۡنَ مِنۡهَا وَحَمَلَهَا ٱلۡإِنسَٰنُۖ إِنَّهُۥ كَانَ ظَلُومٗا جَهُولٗا ٧٢ ﴾ [الاحزاب : ٧٢]
“แท้จริง เราได้เสนอการอะมานะฮฺ แก่ชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และปวงขุนเขา แต่มันปฏิเสธที่จะแบกรับมัน และกลัวต่อมัน
แต่มนุษย์แบกรับมัน แท้จริง เขาเป็นผู้อธรรมยิ่ง งมงายยิ่ง”
(ซูเราะฮฺอัล-อะห์ซาบ:72)
และตรัสอีกว่า
﴿ ۞إِنَّ ٱللَّهَ يَأۡمُرُكُمۡ أَن تُؤَدُّواْ ٱلۡأَمَٰنَٰتِ إِلَىٰٓ أَهۡلِهَا﴾ [النساء : ٥٨]
“แท้จริงอัลลอฮฺทรงใช้ให้พวกเจ้าคืนบรรดาอะมานะฮฺ(ของฝาก)ให้แก่เจ้าของของมัน”
(ซูเราะฮฺอัน-นิสาอ์:58)
และตรัสอีกว่า
﴿إِنَّ خَيۡرَ مَنِ ٱسۡتَٔۡجَرۡتَ ٱلۡقَوِيُّ ٱلۡأَمِينُ ٢٦ ﴾ [القصص: ٢٦]
“แท้จริงคนดีที่ท่านควรจะจ้างเขาไว้คือ ผู้ที่แข็งแรง ผู้ที่ซื่อสัตย์”
(ซูเราะฮฺอัล-เกาะศ็อศ: 26)
และตรัสอีกว่า
﴿ وَٱلَّذِينَ هُمۡ لِأَمَٰنَٰتِهِمۡ وَعَهۡدِهِمۡ رَٰعُونَ ٣٢ ﴾ [المعارج: ٣٢]
“และบรรดาผู้ที่ระวังรักษาสิ่งที่ได้รับมอบหมาย (อะมานะฮฺ) ของพวกเขาและคำมั่นสัญญาของพวกเขา”
(ซูเราะฮฺอัล-มะอาริจญ์:32)
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
»بَيْنَمَا النَبِيّ ﷺ فِيْ مَجْلِسٍ يُحَدِّثُ القَوْمَ جَاءَ أَعْرَابِيّ فَقَالَ: مَتى السّاعة؟ فَمَضَى رَسُول اللهِﷺ يُحَدّث. حَتَّى إِذَا قَضَى حَدِيْثُه قَالَ: أَيْنَ السَّائِل عَنِ السّاعة؟ قَالَ: هَا أَنَا يَا رسولَ اللهِ. قَالَ: إِذَا ضَيَّعَت الأَمَانَة فَانْتَظِرِ السَّاعَةِ، قَالَ: كَيْفَ إِضَاعَتُها؟ قَالَ: إِذَا وُسِّد الأَمْر إِلى غِيْرِ أَهْلِهِ فَانْتَظِر السَّاعة» [أخرجه البخاري[
“ในระหว่างที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กำลังอยู่ในวงสนทนา พูดคุยกับฝูงชนอยู่ ได้มีชาวชนบทคนหนึ่งมา แล้วกล่าวว่า กาลปวสานคือเมื่อไหร่?
แล้วท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ก็พูดคุยต่อไป จนกระทั่งคุยเสร็จ
ท่านก็กล่าวว่า “คนที่ถามถึงกาลอวสานอยู่ที่ไหน?”
เขาก็กล่าวว่า “ฉันอยู่นี่ ท่านเราะสูลุลลอฮฺ”
ท่านกล่าวว่า “เมื่ออะมานะฮ์ถูกทำให้สูญหายไป เจ้าก็จงรอกาลอวสานเถิด”
เขากล่าวว่า “การทำให้มันสูญหายเป็นอย่างไร?”
ท่านกล่าวตอบว่า “เมื่ออำนาจบริหารถูกมอบให้แก่คนที่ไม่เหมาะกับมัน เจ้าก็จงรอกาลอวสานเถิด”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ)
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
»قَلَّمَا خَطَبَنَا رَسولُ الله ﷺ إِلّا قَال: لَا إِيْمَانَ لِمَنْ لَا أَمَانَةَ لَه، وَلَا دِيْنَ لِمَن لَا عَهْدَ لَهُ» [أخرجه أحمد[
“น้อยครั้งมากที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ให้โอวาทเรา นอกจากท่านจะกล่าวว่า
ไม่มีศาสนาสำหรับผู้ที่ไม่มีอะมานะฮฺ และไม่มีศาสนาสำหรับผู้ที่ไม่รักษาสัญญา”
( บันทึกโดยอะห์มัด)
อธิบาย
อะมานะฮฺเป็นเรื่องใหญ่ อัลลอฮฺทรงให้ใช้รักษา ทำตาม และดูแลอะมานะฮฺ และทรงชมเชยคนที่มีอะมานะฮฺ และท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกว่า ไม่มีศาสนา สำหรับคนไม่มีอะมานะฮฺ และการปล่อยให้มันสูญหายไปเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาณของกาลอวสาน
ประโยชน์ที่ได้รับ
♥ ความยิ่งใหญ่ของเรื่องอะมานะฮฺ
♥ การดูแลรักษาอะมานะฮฺเป็นลักษณะของผู้ศรัทธาที่ได้รับชัยชนะ
♥ ใช้ให้คืนการอะมานะฮฺ(ของฝาก)แต่เจ้าของมัน
♥ ไม่มีศาสนาสำหรับผู้ที่ไม่มีอะมานะฮฺ
แปลโดย : สะอัด วารีย์ / Islamhouse