ประชาชาติที่เป็นกึ่งกลาง
แปลโดย อาบีดีณ โยธาสมุทร
ท่านอิหม่ามอบูฮาติม อั้รรอซีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือตัฟซี้รของท่าน (อั้ตตัฟซี้รุบิ้ลมะอฺซู้ร 1/222) ว่า พระดำรัสของพระองค์ที่ว่า
( وكذلك جعلناكم أمة وسطا )
“และเช่นนั้นที่เราได้ทำให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติที่เป็นกึ่งกลาง”
(ซูเราะฮฺ อัลบะกอเราะฮฺ อายะฮ์ที่ 143)
แล้วท่านก็เล่าสายรายงานของท่านจนกระทั้งถึงท่านอบีซะอี้ดอั้ลคุดรีย์- จากท่านอบีซะอี้ดอั้ลคุดรีย์ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ได้พูดไว้ว่า ประชาชาติที่เป็นกึ่งกลาง คือ
( وكذلك جعلناكم أمة وسطا )
ท่านกล่าวว่า “ที่มีความยุติธรรม”
ท่านอิหม่ามอัลบะฆ่อวีย์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือตัฟซีรของท่าน (มะอาลิมุ้ตตันซีล/69) ว่า ประชาชาติที่เป็นกึ่งกลาง หมายถึง “ที่มีความเที่ยงธรรม และที่ดีเลิศ “
อัลลอฮ์ ตรัสว่า ( قال أوسطهم ) “บุคคลที่เป็นกึ่งกลางที่สุดในพวกเขาได้พูดขึ้นว่า”
หมายถึง บุคคลที่ดีที่สุดและมีความเที่ยงธรรมที่สุดในหมู่พวกเขา
ท่านอัลกัลบี ได้พูดไว้ว่า หมายถึง "พลพรรคแห่งศาสนาที่มีความเป็นกึ่งกลางระหว่างการเลยเถิดและการละเลย เพราะทั้งสองสิ่งนี้ สำหรับในประเด็นเรื่องศาสนานั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ”
ท่านอิหม่ามอิบนุกะษี้ร ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือตัฟซี้รของท่าน (ตัฟซีรุ้ลกุรอานิลอะซีม 1/250-251) ว่า “ในพระดำรัสของพระองค์ พระผู้ทรงสูงส่ง ที่ว่า
( وكذلك جعلناكم أمة وسطا لتكونوا شهداء على الناس ويكون الرسول عليكم شهيدا )
"อันที่จริง ที่เราได้ทำการผินพวกเจ้าให้มาสู่กิบละฮ์ของอิบรอฮีม อลัยฮิสสลาม และที่เราได้เลือกสรรกิบละฮ์ดังกล่าวไว้สำหรับพวกเจ้านั้น เพื่อเราจะได้ทำให้พวกเจ้าเป็นกลุ่มชนที่ดีเลิศในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย ทั้งนี้ เพื่อที่พวกเจ้าจะได้เป็นประจักษ์พยานต่อประชาชาติทั้งหลายในวันกิยามะฮฺ เพราะประชาชาติทั้งหมดล้วนให้การยอมรับพวกเจ้า ในเรื่องของการมีเกียรติและศักดิ์ศรี"
ส่วนคำว่า เป็นกึ่งกลาง ในที่นี้หมายถึง ดีเลิศและบรรเจิดที่สุด เช่นที่เขากล่าวกันว่า พวกกุร้อช เป็นพวกที่เป็นกึ่งกลางที่สุดของชาวอาหรับ ในแง่ของเชื้อสายและถิ่นที่พำนัก ซึ่งหมายถึง ดีที่สุดนั่นเอง
ท่านร่อซูลุ้ลลอฮฺ เป็นบุคคลที่เป็นกึ่งกลางที่สุดในหมู่ชนของท่าน หมายถึง มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกเขาทางด้านเชื้อสาย และจากความหมายนี้ก็ยังมี คำว่า การละหมาดที่เป็นกึ่งกลาง ซึ่งหมายถึง การละหมาดที่มีความประเสริฐที่สุด อันได้แก่การละหมาดอัสริ ดังที่ได้มีการยืนยันไว้ในตำราฮะดี้ษศ่อฮี้ฮฺต่างๆ ตลอดจนตำราอื่นๆด้วย และเนื่องจากการที่อัลลอฮฺ ได้ทรงทำให้ประชาชาตินี้มีลักษณะที่เป็นกึ่งกลาง พระองค์จึงทรงเจาะจงให้บทบัญญัติที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุด ให้แนวทางที่มีความเที่ยงตรงที่สุด และให้วิถีทางที่มีความชัดเจนที่สุดไว้สำหรับพวกเขา ดังที่พระองค์ ผู้ทรงสูงส่งได้ตรัสไว้ว่า
( هو اجتباكم وما جعل عليكم في الدين من حرج ملة أبيكم إبراهيم هو سماكم المسلمين من قبل وفي هذا ليكون الرسول شهيدا عليكم وتكونوا شهداء على الناس)
“พระองค์ ทรงเลือกพวกเจ้ามา และพระองค์ไม่ได้ทรงทำให้ในเรื่องศาสนามีความยากลำบากใดๆ ต่อพวกเจ้าเลย คือ วิถีแห่งบิดาของพวกเจ้า อิบรอฮีม พระองค์ได้ทรงเรียกขานพวกเจ้าว่า มุสลิมีน มาแต่กาลก่อน และทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะให้ท่านร่อซู้ลได้เป็นประจักษ์พยานต่อพวกเจ้า และเพื่อพวกเจ้าจะได้เป็นพยานต่อปวงประชา”
(อั้ลฮัจญ์/ ๗๘)
ท่านอิหม่าม อับดุ้รเราะฮฺมาน อัซซะอฺดี้ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ตัฟซี้ร ของท่าน (ตัยซีรุ้ลกะรีมิ้รร่อฮฺมานฯ /๗๐) ว่า
ประชาชาติที่เป็นกลาง หมายถึง ที่มีความเที่ยงธรรม และที่มีความดีเลิศ และสิ่งที่อยู่นอกเหนือไปจากจุดกึ่งกลางนั้น ถือเป็นส่วนปลาย ส่วนที่เป็นขอบซึ่งตกอยู่ในภาวะอันตราย ดังนั้นอัลลอฮฺ จึงทรงให้ประชาชาตินี้เป็นกึ่งกลางในทุกๆ เรื่องราวของศาสนา เป็นกึ่งกลางในประเด็นที่เกี่ยวของกับบรรดานบี อยู่ระหว่างบุคคลที่มีความเลยเถิดในเรื่องของพวกท่าน เช่น พวกนะศอรอ (คริสต์) และระหว่างบุคคลที่ละเลย และหยาบช้ากับพวกท่าน เช่น พวกยะฮู้ด (ยิว) โดยได้ทรงให้พวกเขาศรัทธาต่อพวกท่านทั้งหมด ตามรูปแบบที่มีความเหมาะสมและสมควร ทรงทำให้พวกเขาเป็นกึ่งกลางในเรื่องของบทบัญญัติ ไม่เป็นการเข้มงวดกวดขันอย่างพวกยะฮู้ดและบรรดาผู้ที่อยู่ในพันธะของพวกเขา และไม่เป็นการผ่อนปลนและละเลยดังเช่นพวกนะศอรอ
ในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่อง ความสะอาดและอาหารการกิน โดยไม่ได้ทรงให้เป็น เช่น พวกยะฮู้ดที่การละหมาดของพวกเขาจะใช้ไม่ได้นอกจากจะต้องทำในวัดและในโบสถ์ของพวกเขาเท่านั้น และน้ำก็ไม่สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกของพวกเขาได้ ซ้ำสิ่งดีๆ ต่างๆ ยังถูกให้เป็นที่ต้องห้ามอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลงโทษพวกเขานั่นเอง และไม่เป็นเช่นพวกนะศอรอที่ไม่ถือว่าสิ่งใดจะทำให้พวกเขาอยู่ในภาวะสกปรกได้ และยังไม่ถือว่าสิ่งใดเป็นสิ่งต้องห้าม หากแต่พวกเขาได้ทำการอนุมัติทุกสิ่งทุกอย่างเสียหมด
แต่ทว่า เรื่องเกี่ยวกับความสะอาดของประชาชาตินี้นั้น ถือเป็นความสะอาดที่สมบูรณ์แบบที่สุด อัลลอฮฺได้ทรงอนุมัติสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ ในเรื่องของอาหารการกิน เครื่องดื่ม เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มตลอดจนการสมรสให้แก่พวกเขา พระองค์ทรงกำหนดให้ความโสมมในเรื่องราวดังกล่าวเป็นที่ต้องห้าม ดังนั้น สำหรับประชาชาตินี้แล้ว ในแง่มุมที่เกี่ยวกับเรื่องศาสนานับว่าเป็นสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วนในแง่มุมที่เกี่ยวกับเรื่องมารยาทก็นับว่าเป็นสิ่งที่สูงส่งที่สุด และในแง่มุมของพฤติกรรมก็นับว่าเป็นสิ่งที่มีความประเสริฐที่สุด
อัลลอฮ์ ทรงมอบบางส่วนของความรู้ ความขันติ ความยุติธรรมและความดีงามให้กับพวกเขา ซึ่งพระองค์ไม่ได้ทรงมอบสิ่งดังกล่าวนี้ให้กับประชาชาติอื่น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นประชาชาติที่เป็นกึ่งกลาง เป็นกลุ่มชนที่มีความสมบูรณ์แบบ เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็น “เหล่าผู้ทำหน้าที่เป็นประจักษ์พยานต่อมวลมนุษยชาติ” แล้วแสงของหิ่งห้อยจะมีให้เห็นได้ที่ใดหรือ ในยามที่แสงอาทิตย์กำลังเจิดจรัส ?