ญิฮาด (ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ)
อับดุลอะซีซ บิน มัรซูก อัฏ-เฏาะรีฟีย์
การญิฮาด (ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ) ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งวันกิยามะฮฺ หุก่มของการญิฮาดจะไม่ถูกยกเลิกจากหน้าแผ่นดินแม้เพียงวันเดียวตราบใดที่อัลกุรอานยังอยู่
ญาบิรฺได้รายงานจากท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านกล่าวว่า
«لَا تَزَالُ طَائِفَةٌ مِنْ أُمَّتِي يُقَاتِلُونَ عَلَى الْحَقِّ ظَاهِرِينَ إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ» [مسلم برقم 156]
“กลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันจะยังคงยืนหยัดต่อสู้บนสัจธรรม และมีชัยเหนือศัตรูจนกระทั่งวันกิยามะฮฺ”
(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 156)
การญิฮาดเพื่อปกป้องจากการโจมตีและรุกรานของคนอื่น (ญิฮาด อัด-ดัฟอฺ) ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้นำก่อน และเจตนาใดๆ ของการญิฮาดจะไม่บรรลุผลนอกจากเพื่อขจัดและปกป้องจากอันตรายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่วาญิบ ถึงแม้ว่าจะเป็นการปกป้องเกียรติ หรือชีวิต หรือทรัพย์สินก็ตาม
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ قُتِلَ دُونَ مَالِهِ فَهُوَ شَهِيدٌ، وَمَنْ قُتِلَ دُونَ أَهْلِهِ، أَوْ دُونَ دَمِهِ، أَوْ دُونَ دِينِهِ فَهُوَ شَهِيدٌ» [أبو داود برقم 4772، والترمذي برقم 1421، والنسائي برقم 4095، وابن ماجه مختصرا برقم 2580 ، من حديث سعيد بن زيد، وقال الترمذي : هذا حديث حسن»
“ผู้ใดถูกฆ่าตายเพื่อปกป้องทรัย์สินของตนเอง เขาจะตายชะฮีด
และผู้ใดถูกฆ่าตายเพื่อปกป้องครอบครัวของตนเอง หรือเลือดเนื้อของตนเอง หรือศาสนาของตนเอง เขาจะตายชะฮีด”
บันทึกโดยอบูดาวูด (หมายเลข 4772) อัตติรมิซีย์ (หมายเลข 1421) อันนะสาอีย์ (หมายเลข 4095) และอิบนุมาญะฮฺโดยย่อ หมายเลข 2580 จากหะดีษที่รายงานโดยสะอีด อิบนุ ซัยดฺ, อัต-ติรมิซีย์กล่าวว่าเป็นหะดีษหะสัน และเป็นหะดีษที่มีบันทึกโดยย่อในเศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย์ (หมายเลข 2348) และเศาะฮีหฺ มุสลิม (หมายเลข 141) จากหะดีษที่รายงานโดยอับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา
♣ จำเป็น (วาญิบ) ต้องปกป้องจากผู้ที่โจมตีเกียรติ เลือดเนื้อ (ร่างกาย) และทรัพย์สิน ไม่ว่าผู้โจมตีนั้นจะเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาหรือเป็นมุสลิมก็ตาม ดังมีบันทึกในสุนัน อัน-นะสาอีย์
ซึ่งกอบูสได้รับรายงานจากบิดาของท่านว่า “ชายคนหนึ่งได้ไปหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
พลันกล่าวว่า “(จะให้ฉันปฏิบัติอย่างไรกับ) ชายคนหนึ่งได้มาหาฉันเพื่อหวังในทรัพย์สินของฉัน?
ท่านกล่าวว่า “จงตักเตือนเขาให้รำลึกถึงอัลลอฮฺ”
ชายคนนั้นกล่าวต่อไปว่า “หากเขาไม่สำนึก (จะให้ทำทำอย่างไร)?”
ท่านกล่าวว่า “เจ้าก็จงขอให้ชาวมุสลิมที่อยู่รอบข้างเจ้าช่วยปกป้องเจ้าจากชายคนนั้น”
ชายคนนั้นกล่าวต่อไปว่า “หากไม่มีมุสลิมคนใดอยู่รอบกายฉันล่ะ”?
ท่านกล่าวว่า “เจ้าก็จงร้องเรียนให้ผู้ปกครองช่วยคุ้มครองเจ้าจากชายคนนั้น”
ชายคนนั้นกล่าวต่อไปว่า “หากผู้ปกครองอยู่ห่างไกลจากฉันล่ะ?”
ท่านกล่าวว่า “เจ้าก็จงต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพย์สินของเจ้า จนกระทั่งเจ้า (ถูกฆ่าตายจน) กลายเป็นหนึ่งในบรรดาชะฮีดวันอาคิเราะฮฺ หรือเจ้าสามารถปกป้องทรัพย์สินของเจ้า”
(บันทึกโดยอัน-นะสาอีย์ หมายเลข 4081, อิบนุ อบีชัยบะฮฺ หมายเลข 28043, อะหมัด หมายเลข 22514, และอัฏ-เฏาะบะรอนีย์ในมุอฺญัม อัล-กะบีรฺ เล่ม 20 หน้า 313)
♣ ส่วนการญิฮาดประเภทจู่โจม (ญิฮาด อัฏ-เฏาะลับ) จำเป็นต้องมีเจตนาเพื่อเชิดชูศาสนาของอัลลอฮฺให้สูงส่ง ดังมีรายงานจากอบู มูซา อัล-อัชอะรีย์ว่า ชายเบดูอิน(ชนบท)คนหนึ่งได้ไปหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วกล่าวว่า
“โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ชายคนหนึ่งได้ต่อสู้เพื่อหวังทรัพย์สิน
ชายอีกคนหนึ่งต่อสู้เพื่อหวังให้ได้รับการกล่าวขาน
และชายอีกคนหนึ่งต่อสู้เพื่อให้คนอื่นเห็นถึงสถานะของตัวเอง
(อยากทราบว่า)ผู้ใด (ในบรรดาบุคคลสามประเภทดังกล่าว) ที่ต่อสู่ในหนทางของอัลลอฮฺ?”
ท่านเราะสูล ตอบว่า “ผู้ใดที่ต่อสู้เพื่อให้ศาสนาของอัลลอฮฺเกิดความสูงส่ง การต่อสู้ของเขาก็อยู่ในหนทางของอัลลอฮฺ”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 123, 2655 และมุสลิม หมายเลข 1904)
การญิฮาดประเภทจู่โจมนี้จำเป็นต้องเชื่อฟังผู้นำ ต้องรับฟังความคิดเห็น และต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำ ในสิ่งที่ไม่เป็นการทรยศหรือละเมิดต่อบัญญัติของอัลลอฮฺ
มีระบุในหะดีษเศาะฮีหฺว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
«مَنْ أَطَاعَنِي فَقَدْ أَطَاعَ اللهَ، وَمَنْ عَصَانِي فَقَدْ عَصَى اللهَ، وَمَنْ أَطَاعَ أَمِيرِي فَقَدْ أَطَاعَنِي، وَمَنْ عَصَى أَمِيرِي فَقَدْ عَصَانِي» [البخاري برقم 6718، ومسلم برقم 1835 من حديث أبي هريرة رضي الله عنه]
“ผู้ใดเชื่อฟังฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้เชื่อฟังอัลลอฮฺ และผู้ใดทรยศต่อฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้ทรยศต่ออัลลอฮฺ
และผู้ใดเชื่อฟังผู้นำของฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้เชื่อฟังฉัน และผู้ใดทรยศต่อผู้นำของฉัน ก็เท่ากับว่าเขาได้ทรยศต่อฉัน”
(บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ หมายเลข 6718 มุสลิม หมายเลข 1835 จากการรายงานของอบูฮุร็อยเราะฮฺ)
แปลโดย : ทีมงานภาษาไทยเว็บอิสลามเฮ้าส์ / Islamhouse