การฆ่าคนเป็นบาปหนัก
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญและความสันติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใด ๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์
บาปความผิดที่ยิ่งใหญ่และถือเป็นความชั่วร้ายที่สุดทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮฺ รองลงมาจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ คือการฆ่าชีวิตที่บริสุทธิ์ อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า
﴿ وَٱلَّذِينَ لَا يَدۡعُونَ مَعَ ٱللَّهِ إِلَٰهًا ءَاخَرَ وَلَا يَقۡتُلُونَ ٱلنَّفۡسَ ٱلَّتِي حَرَّمَ ٱللَّهُ إِلَّا بِٱلۡحَقِّ وَلَا يَزۡنُونَۚ وَمَن يَفۡعَلۡ ذَٰلِكَ يَلۡقَ أَثَامٗا ٦٨ يُضَٰعَفۡ لَهُ ٱلۡعَذَابُ يَوۡمَ ٱلۡقِيَٰمَةِ وَيَخۡلُدۡ فِيهِۦ مُهَانًا ٦٩ ﴾ [الفرقان: ٦٨-٦٩]
“และบรรดาผู้ที่ไม่วิงวอนขอพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิตซึ่งอัลลอฮทรงห้ามไว้เว้นแต่เพื่อความยุติธรรม และพวกเขาไม่ผิดประเวณี และผู้ใดกระทำเช่นนั้นจะได้พบกับความผิดอันมหันต์ การลงโทษในวันกิยามะฮฺจะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ”
(อัลฟุรกอน: 68-69)
ทั้งนี้ พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ว่าบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนานั้น คือการพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล ความโกรธกริ้วและการสาปแช่งของอัลลอฮฺ ตลอดจนการลงโทษที่เจ็บแสบสาหัสซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้ อัลลอฮฺ ตรัสว่า
﴿ وَمَن يَقۡتُلۡ مُؤۡمِنٗا مُّتَعَمِّدٗا فَجَزَآؤُهُۥ جَهَنَّمُ خَٰلِدٗا فِيهَا وَغَضِبَ ٱللَّهُ عَلَيۡهِ وَلَعَنَهُۥ وَأَعَدَّ لَهُۥ عَذَابًا عَظِيمٗا ٩٣ ﴾ [النساء : ٩٣]
“และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือนรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงสาปแช่งเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง”
(อันนิสาอ์: 93)
อนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« أَكْبَرُ الكَبَائِرِ: الإِشْرَاكُ بِاللَّهِ، وَقَتْلُ النَّفْسِ، وَعُقُوقُ الوَالِدَيْنِ، وَقَوْلُ الزُّورِ، - أَوْ قَالَ: وَشَهَادَةُ الزُّورِ » [رواه البخاري برقم 6871 ومسلم برقم 88]
"บาปที่ใหญ่ที่สุดได้แก่ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ การฆ่าผู้อื่น การเนรคุณต่อบุพการี และคำพูดเท็จ (หรือ) การเป็นพยานเท็จ"
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6871 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 88)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยังได้บอกอีกว่า ผู้ศรัทธานั้นจะยังคงอยู่ในสภาพหรือสถานะที่ปลอดภัย ตราบใดที่เขาไม่คร่าชีวิตผู้อื่นโดยไม่ชอบธรรม
อิบนุ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« لَنْ يَزَالَ المُؤْمِنُ فِي فُسْحَةٍ مِنْ دِينِهِ، مَا لَمْ يُصِبْ دَمًا حَرَامًا » [رواه البخاري برقم 6862]
“ศาสนาของผู้ศรัทธาคนหนึ่งจะยังคงอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ตราบใดที่เขามิได้คร่าชีวิตผู้อื่นโดยปราศจากความชอบธรรม”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6862)
ความผิดที่เกี่ยวกับการเข่นฆ่าระหว่างหมู่มนุษย์นั้น คือสิ่งแรกที่จะได้รับการพิพากษาตัดสินในวันกิยามะฮฺ อิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« أَوَّلُ مَا يُقْضَى بَيْنَ النَّاسِ بِالدِّمَاءِ » [رواه البخاري برقم 6864 ومسلم برقم 1678]
“สิ่งแรกที่มนุษย์จะถูกพิพากษาในวันกิยามะฮฺ คือ ความผิดที่เกิดจากการฆ่าผู้อื่น”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6862 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1678)
ในหะดีษอีกบทหนึ่ง อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« اجْتَنِبُوا السَّبْعَ المُوبِقَاتِ » : - وذكر منها - : « وَقَتْلُ النَّفْسِ الَّتِي حَرَّمَ اللَّهُ إِلَّا بِالحَقِّ » [رواه البخاري برقم 6857 ومسلم برقم 89]
“พวกท่านทั้งหลายจงหลีกห่างจากสิ่งที่ทำให้พินาศเจ็ดประการ (และหนึ่งในนั้นคือ) การฆ่าชีวิตผู้อื่นที่อัลลอฮฺทรงห้ามฆ่านอกจากด้วยสิทธิอันชอบธรรม”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6857 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 89)
อิบนุ อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« مَنْ قَتَلَ نَفْسًا مُعَاهَدًا لَمْ يَرِحْ رَائِحَةَ الجَنَّةِ، وَإِنَّ رِيحَهَا لَيُوجَدُ مِنْ مَسِيرَةِ أَرْبَعِينَ عَامًا » [رواه البخاري برقم 6914]
“ผู้ใดฆ่า ผู้ที่อยู่ภายใต้พันธสัญญา เขาจะไม่ได้กลิ่นอายของสรวงสวรรค์ ทั้งที่กลิ่นของสวรรค์นั้นสามารถสัมผัสได้แม้จะอยู่ห่างออกไปเป็นระยะทางเท่ากับการเดินทางสี่สิบปีก็ตาม”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6914)
ผู้ที่อยู่ภายใต้พันธสัญญา (المعاهَد) หมายถึง ผู้ที่มีพันธสัญญากับชาวมุสลิม ไม่ว่าจะด้วยการยอมจ่ายญิซยะฮฺ (ส่วนที่ชาวคัมภีร์ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐอิสลามต้องจ่ายเพื่อแลกกับการปกป้องคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือ – ผู้แปล) หรืออยู่ระหว่างสัญญาสงบศึกซึ่งประกาศโดยผู้นำมุสลิม หรือได้รับความคุ้มครองโดยมุสลิมคนใดคนหนึ่ง
อิบนุลก็อยยิม กล่าวว่า ดังกล่าวนี้คือบทลงโทษของผู้ที่ฆ่าศัตรูของอัลลอฮฺในกรณีที่อยู่ภายใต้พันธสัญญากับมุสลิม แล้วบทลงโทษของผู้ที่ฆ่าพี่น้องผู้ศรัทธาเล่าจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ?
หากว่าสตรีนางหนึ่งต้องตกนรกด้วยสาเหตุที่นางได้ขังแมวไว้จนมันตายด้วยความหิวกระหาย แล้วท่านนบีได้เห็นนางอยู่ในนรกในสภาพที่แมวตัวนั้นกำลังกรีดข่วนใบหน้าและหน้าอกของนางแล้ว ผู้ที่กักขังผู้ศรัทธาจนเสียชีวิตโดยที่ไม่มีความผิดใด ๆ จะต้องเผชิญกับบทลงโทษที่รุนแรงสักเพียงใด ?
อิบนุ อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« لَزَوَالُ الدُّنْيَا أَهْوَنُ عِنْدَ اللَّهِ مِنْ قَتْلِ رَجُلٍ مُسْلِمٍ » [رواه النسائي برقم 3987]
”สำหรับอัลลอฮฺนั้น ความพินาศของโลกดุนยายังจะง่ายและมีความสำคัญน้อยกว่าการฆ่ามุสลิมคนหนึ่งเสียอีก”
(บันทึกโดย อันนะสาอีย์ หะดีษเลขที่ 3987)
อิบนุ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
“หนึ่งในความหายนะที่บุคคลหนึ่งจะไม่มีทางรอดพ้นได้ คือการที่เขาฆ่าผู้อื่นโดยที่เขาไม่มีสิทธิและปราศจากความชอบธรรม”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6863)
ในสังคมปัจจุบันมีเหตุการณ์ฆ่ากันเกิดขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้เตือนประชาชาติของท่านอยู่เสมอในเรื่องนี้ อบูบักเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« إِذَا التَقَى المُسْلِمَانِ بِسَيْفَيْهِمَا فَالقَاتِلُ وَالمَقْتُولُ فِي النَّارِ »، فَقُلْتُ يَا رَسُولَ اللَّهِ هَذَا القَاتِلُ فَمَا بَالُ المَقْتُولِ قَالَ: « إِنَّهُ كَانَ حَرِيصًا عَلَى قَتْلِ صَاحِبِهِ » [رواه البخاري برقم 32 ومسلم برقم 2888]
“เมื่อมุสลิมสองคนเผชิญหน้าประหัตประหารกันโดยที่ทั้งสองมีดาบอยู่ในมือ แน่นอนว่าทั้งผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่าจะต้องตกนรก”
อบูบักเราะฮฺกล่าวถามว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ “ผู้ฆ่านั้นสมควรแล้วที่จะตกนรก แต่ทำไมผู้ที่ถูกฆ่าก็ตกนรกด้วยละครับ ?”
ท่านตอบว่า “เพราะเขาเองก็พยายามที่จะฆ่าอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 32 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2888)
ในหะดีษอีกบทหนึ่ง อิบนุ อับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« لاَ تَرْجِعُوا بَعْدِي كُفَّارًا، يَضْرِبُ بَعْضُكُمْ رِقَابَ بَعْضٍ » [رواه البخاري برقم 1739 ومسلم برقم 1679]
“พวกท่านทั้งหลายอย่าได้เป็นดังเช่นผู้ปฏิเสธศรัทธาภายหลังจากที่ฉันตายไป ด้วยการที่พวกท่านประหัตประหารฆ่าฟันกัน”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 1739 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 1679)
ท่านนบียังได้บอกอีกว่า การฆ่ากันนั้นเป็นหนึ่งในสัญญาณวันสิ้นโลก อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« يُقْبَضُ العِلْمُ، وَيَظْهَرُ الجَهْلُ وَالفِتَنُ، وَيَكْثُرُ الهَرْجُ » [رواه البخاري برقم 85 ومسلم برقم 2672]
“ความรู้จะถูกยึด ความโง่เขลาและความวุ่นวายจะปรากฏขึ้น และจะเกิดการฆ่าฟันกันอย่างมากมาย”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 85 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2672)
แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ / islamhouse