สติปัญญาคืออะไร ? และใครคือผู้มีสติปัญญา ?
  จำนวนคนเข้าชม  35501

 

สติปัญญาคืออะไร ? และใครคือผู้มีสติปัญญา ?

 

ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์


 

          สติปัญญา คือ การรู้จักแยกแยะสิ่งที่เป็นความถูกต้องชอบธรรมอันควรประพฤติปฏิบัติ และหลีกเลี่ยงออกห่างจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ในอายะฮฺที่ว่า
 

“จนกระทั่งเมื่อเขาบรรลุวัยหนุ่มฉกรรจ์ของเขา และมีอายุถึงสี่สิบปี” 
 

(อัลอะหฺกอฟ: 15)

 

        อิบนุกะษีรฺ ได้กล่าวอธิบายว่า หมายถึง

          "เมื่อเขามีสติปัญญาที่สมบูรณ์ มีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และความอดทนอดกลั้นอย่างสูง ซึ่งกล่าวกันว่าคุณลักษณะเหล่านี้มักจะเริ่มคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เมื่อมีอายุสี่สิบปี” 
 

(ตัฟสีรฺอิบนุกะษีรฺ เล่ม 13 หน้า 15)

 

          อิบนุหัซมฺ กล่าวว่า

         “การมีสติปัญญา คือการปฏิบัติตามคำสั่งใช้และกระทำสิ่งที่ดีงาม พร้อมหลีกห่างจากการฝ่าฝืนและสิ่งชั่วร้าย อัลลอฮฺได้ทรงระบุในคัมภีร์ของพระองค์ว่า ผู้ใดฝ่าฝืนพระองค์ เขาผู้นั้นคือผู้ที่ไร้ซึ่งสติปัญญา พระองค์ตรัสว่า 


“และพวกเขากล่าวอีกว่า หากพวกเราฟังและใช้สติปัญญาใคร่ครวญ พวกเราก็จะมิได้อยู่เป็นชาวนรกอย่างนี้ดอก

พวกเขายอมสารภาพในความผิดของพวกเขา แต่มันห่างไกลไปเสียแล้วสำหรับชาวนรก” 
 

(อัลมุลกฺ: 10-11)
 

          ส่วนความโง่เขลา คือการฝ่าฝืนและลุ่มหลงอยู่กับความชั่วร้ายต่ำช้า ซึ่งตรงกันข้ามการมีสติปัญญา ส่วนสิ่งที่อยู่กลาง ๆ ระหว่างสองสิ่งนี้คือความไร้สาระ” 
 

(อัลอัคลาก หน้า 65-66)

มีชายผู้หนึ่งถามอิบนุลมุบาร็อกว่า “อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในบรรดาสิ่งที่คนคนหนึ่งมี?” 

ท่านตอบว่า “สติปัญญาอันเฉียบคม” 

เขาถามอีกว่า “หากเขาไม่มีสิ่งนั้นเล่า?” 

ท่านตอบว่า “มารยาทอันงดงาม” 

เขากล่าวถามว่า “หากเขาทำไม่ได้เล่า?” 

ท่านตอบว่า “การมีเพื่อนที่ดีคอยให้คำปรึกษา” 

ชายผู้นั้นถามต่อว่า “หากไม่มีเล่า?” 

ท่านตอบว่า “การนิ่งเงียบ” 

ชายคนดังกล่าวถามว่า “หากเขาทำไม่ได้เล่า?” 

ท่านตอบว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ความตายก็คงจะเป็นการดีที่สุด” 

(เราเฎาะตุล อุเกาะลาอ์ หน้า 17)

        บุคคลที่มีความประพฤติที่ดี และมีสติปัญญาอันชาญฉลาดนั้น มักจะเป็นที่รักของคนทั่วไป ซึ่งท่านนบีมุหัมมัด เป็นผู้ที่มีสติปัญญาและไหวพริบปฏิภาณอันล้ำเลิศที่สุด ในยุคญาฮิลิยะฮฺก่อนที่ท่านจะได้รับวะฮีย์จากอัลลอฮฺ ท่านไม่เคยก้มกราบเจว็ดรูปปั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่มันมีอยู่เป็นจำนวนมากรอบ ๆ ตัวท่าน และผู้คนต่างยึดถือบูชาเคารพสักการะกันก็ตาม เพราะท่านทราบดีว่าเจว็ดเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งไร้ชีวิตที่ไม่เคยให้คุณให้โทษแก่ใคร 

        นอกจากนี้ชาวกุร็อยชฺยังเคยฝากทรัพย์สินของพวกเขาให้ท่านดูแลรักษา ทั้งยังขอคำปรึกษาและคำชี้แนะจากท่านอยู่เสมอด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบคม และมีความคิดความอ่านที่หลักแหลม และท่านยังได้ปลีกตัวออกห่างจากผู้คน แล้วเข้าไปอยู่ในถ้ำหิรออฺ เพื่อวิงวอนขอให้พระผู้อภิบาลทรงโปรดประทานทางนำแก่ท่าน 


มีบันทึกในเศาะฮีหฺอัลบุคอรีย์ว่า ท่านอบูบักรฺได้กล่าวแก่ ซัยดฺ บิน ษาบิต ว่า 

     “แท้จริงท่านเป็นคนหนุ่มที่มีสติปัญญาหลักแหลม และเราก็ไม่พบว่าท่านมีข้อเสียหายใด ๆ ท่านคือผู้ที่บันทึกวะฮีย์แก่ท่านเราะสูล ดังนั้นขอให้ท่านรวบรวมอัลกุรอานให้มาอยู่ที่เดียวเถิด” 

     ซัยดฺ กล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ หากพวกเขามอบหมายให้ฉันขนย้ายภูเขาทั้งลูก ยังเป็นการง่ายสำหรับฉันยิ่งกว่าการที่ให้ฉันรวบรวมอัลกุรอานเสียอีก” 

(ส่วนหนึ่งจากหะดีษซึ่งบันทึกโดย อัลบุคอรีย์ เลขที่ 4987) 


มีเรื่องเล่าว่า ชาวนะศอรอกลุ่มหนึ่งได้พูดคุยกันในหมู่พวกเขา โดยมีผู้หนึ่งกล่าวว่า

         “พวกมุสลิมช่างไร้สติปัญญาเสียนี่กระไร พวกเขาอ้างว่าศาสนทูตของพวกเขาเคยเป็นคนเลี้ยงแกะ มันเหมาะสมหรือที่คนเลี้ยงแกะเลี้ยงจะได้เป็นศาสนทูต ?” 

ทันใดนั้นมีคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวขึ้นว่า

         “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ในความเป็นจริงแล้วพวกเขามีสติปัญญาที่ชาญฉลาดกว่าพวกเรา เพราะอัลลอฮฺทรงมีเหตุผลอันล้ำลึกในการที่ทรงให้ศาสนทูตของพระองค์เคยชินกับการเลี้ยงสัตว์ เมื่อท่านสามารถเลี้ยงดูสัตว์ได้เป็นอย่างดี พระองค์ก็ทรงให้ท่านได้ปกครองดูแลมนุษย์ตามลำดับอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่พวกเราชาวนะศอรอ กลับยกย่องเชิดชูทารกซึ่งเกิดจากสตรีนางหนึ่ง ใช้ชีวิตไปกับการกินการดื่ม ปัสสาวะ และร้องไห้ ให้เป็นพระเจ้าผู้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน” 

ผู้คนในกลุ่มจึงพากันเงียบกริบ 

(ญามิอุลอาดาบ เล่ม 1 หน้า 218)

 

 

แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ / Islamhouse