หลักฐานที่ห้ามในเรื่องของบิดอะฮ์
เรียบเรียงโดย... อ.อับดุลบารีย์ นาปาเลน
หลักฐานที่ห้ามในเรื่องของบิดอะหฺหรือสิ่งอุตริกรรม จากโองการ พระองค์ทรงตรัสว่า
(يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لا تُقَدِّمُوا بَيْنَ يَدَيِ اللَّهِ وَرَسُولِهِ ) (سورة الحجرات: من الآية 1)
“โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าได้ล้ำหน้า(ในการกระทำใดๆ) เมื่ออยู่ต่อหน้าอัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์”
“ ดังนั้น บรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา(นบี) จงระวังเถิดว่า เคราะห์กรรมจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา หรือว่าการลงโทษอันเจ็บปวดจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาเช่นกัน “
(สูเราะฮฺอันนูร อายะฮฺที่ 63)
และพระองค์ทรงตรัสว่า
“ หรือว่าพวกเขามีภาคีต่าง ๆ ที่ได้กำหนดศาสนาแก่พวกเขา ซึ่งอัลลอฮฺมิได้ทรงอนุมัติ และหากมิใช่ลิขิตแห่งการตัดสิน (ที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว) ก็คงมีการตัดสินใจในระหว่างพวกเขา แท้จริงบรรดาผู้อธรรมสำหรับพวกเขา จะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด “
(อัชชูรอ / ๒๑)
ตอนท้ายของโองการยังบอกให้รู้อีกว่า บรรดาผู้คิดค้นทำสิ่งอุตริกรรม(บิดอะหฺ) พวกเขาคือผู้ที่อธรรม และพระองค์ทรงตรัส ความว่า
“พระองค์คือผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า โดยที่ส่วนหนึ่งจากคัมภีร์นั้นมีบรรดาโองการที่มีข้อความรัดกุมชัดเจน ซึ่งโองการเหล่านั้น คือรากฐานของคัมภีร์ และมีโองการอื่น อีกที่มีข้อความเป็นนัย ส่วนบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีการเอนเอียงออกจากความจริงนั้น เขาจะติดตามโองการที่มีข้อความเป็นนัยจากคัมภีร์ เพื่อแสวงหาความวุ่นวาย และเพื่อแสวงหาการตีความในโองการนั้น แลไม่มีใครรู้ในการตีความโองการนั้นได้นอกจากอัลลอฮ์ และบรรดาผู้ที่มั่นคงในความรู้เท่านั้น โดยที่พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเราศรัทธาต่อโองการนั้น ทั้งหมดนั้นมาจากที่ที่พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งสิ้น และไม่มีใครที่จะรับคำตักเตือนนอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น “
(อาลิอิมรอน /๗ )
ในหนังสือตัฟซีร ของท่านอีหม่ามอัลฮูเซน บิน มัสอูด อัลบาฆอวีย์ ได้กล่าวว่า
ท่านกอตาดะหฺเมื่อได้อ่านโองการนี้ “ ส่วนบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีการเอนเอียงออกจากความจริงนั้น”
ท่านกล่าวว่า หากพวกเขาไม่ใช่พวกฮะรูรียะหฺ(พวกคอวาริจในอดีต) และพวกซะบะอียะหฺ(พวกชีอะห์ หรือพวก ที่ตามอับดุลลอฮ บินซะบะอ์) ฉันก็ไม่รู้แล้วว่าพวกเขาคือใคร
มีบางรายงานได้กล่าวว่า "พวกเขาคือ พวกบิดอะห์ทั้งหลาย”
(ตัฟซีร อัลบาฆอวีย์)
“ และสิ่งใดที่ท่านรอซูล ได้นำมาให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าจงรับมันเถิด และอันใดที่ท่านได้ห้ามพวกเจ้าก็จงละเว้นเสีย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ “
“ และแท้จริง นี่คือแนวทางของข้าอันเที่ยงตรง ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายจงปฏิบัติตามมันเถิด และจงอย่าได้ปฏิบัติตามแนวทางอื่นๆ เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกจากแนวทางของพระองค์”
(อัล-อันอาม : 153)
ท่านนบี ท่านได้อธิบายความหมายนี้ไว้อย่างชัดเจน ดังเช่นรายงานหนึ่งที่ว่า:
จากท่านอิบนิมัสอูด เราะฎิยัลลอฮฮุอันฮุ เล่าว่า: ท่านนบี ได้ขีดเส้นหนึ่งเส้นให้พวกเรา หลังจากนั้นท่านกล่าวว่า “นี่คือทางของพระองค์อัลลอฮฺ”
หลังจากนั้นท่านได้ขีดอีกหลายๆ เส้นจากทางขวาของท่าน และทางซ้ายของท่าน หลังจากนั้นท่านก็กล่าวว่า “นี่คือแนวทางที่หลากหลาย บนทุกๆ เส้นทางที่หลากหลายนั้นมีชัยฏอนที่คอยเชิญชวนให้เข้าหามัน”
หลังจากนั้นท่าน นบี ก็ได้อ่านอายะฮฺอัลกุรอานความว่า “และแท้จริงนี้คือแนวทางของข้าอันเที่ยงตรงดังนั้นพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และจงอย่าปฏิบัติตามแนวทางต่างๆ เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกจากแนวทางของพระองค์”
(รายงานโดย อะหฺมัด : 435 )
ดังนั้น หนทางที่มาจากท่านนบี จะทำให้เรารวมกันได้ และเป็นทางเดียวที่จะนำไปสู่อัลลอฮฺ ส่วนการแสวงหาหนทางอื่นจะทำให้เกิดความแตกแยก และออกจากหนทางที่เที่ยงตรง จบปลายทางคือ ความพินาศและเปลวไฟ ท่านนบี ได้บอกถึงเหตการในอนาคตที่อุมะห์ของท่านจะแตกออกเป็นกลุ่มๆ ถึงเจ็ดสิบสามจำพวก
“พวกยิวได้แบ่งออกเป็นเจ็ดสิบเอ็ดจำพวก พวกคริสต์ได้แบ่งออกเป็นเจ็ดสิบสองจำพวก และประชาชาติของฉันจะแบ่งออกเป็นเจ็ดสิบสามจำพวก ทั้งหมดอยู่ในไฟนรก นอกจากพวกเดียวเท่านั้น”
และยังมีรายงานที่ถูกต้องอีกว่า : พวกเขาถามว่า “โอ้รอซูลุลลอฮฺ พวกที่รอดพ้นเป็นพวกไหน?”
ท่านนบี ตอบว่า “พวกที่อยู่บนแนวทางเหมือนกันกับฉันและบรรดาสาวกของฉัน”
(รายงานโดยอะหฺมัดและติรมีซีย์ และอีกหลายสายรายงาน เป็นฮาดิษที่ศอฮีหฺ)
จากท่านอบู นะญีหฺ อัล-อิรบาฎฺ อิบนุ สาริยะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ เล่าว่า: “ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ได้ตักเตือนเราด้วยการตักเตือนหนึ่งที่ทำให้จิตใจหวาดหวั่น และน้ำตาเอ่อล้น
แล้วพวกเราก็กล่าวว่า : “โอ้เราะสูลุลลอฮฺ ประหนึ่งว่ามันคือคำตักเตือนของผู้ที่จะจากลา ดังนั้นท่านจงสั่งเสียให้แก่พวกเราเถิด”
ท่านกล่าวว่า :
“ฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺผู้ทรงเกียรติและสูงส่งยิ่ง และจงเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ถึงแม้นว่าทาสคนหนึ่งจะปกครองท่านก็ตาม และหากผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านมีชีวิตยืนยาวต่อไป เขาก็จะได้พบกับความขัดแย้งอันมากมาย ดังนั้นพวกท่านจงยึดไว้ซึ่งสุนนะฮฺ(แนวทาง)ของฉัน และสุนนะฮฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมที่ได้รับทางนำ จงกัดมันด้วยฟันกราม และพวกท่านจงพึงระวังต่ออุตริกรรมทั้งหลายในศาสนา เพราะ ทุกๆ อุตริกรรม(บิดอะฮฺ) นั้นคือความหลงผิด ”
(หะดีษบันทึกโดย อบูดาวูด และอัต-ติรมิซีย์ หะดีษอยู่ในระดับหะสันเศาะหี้หฺ)
ฉะนั้น การออกจากหนทางซุนนะหฺของท่านรอซูล คือหนทางไปสู่ความแตกแยก
ที่กล่าวมาทำให้เราได้รู้ว่า หนทางแห่งซุนนะหฺทำให้เกิดความรวมตัวกัน เกิดความรักความสามัคคีกัน ส่วนการทำสิ่งอุตริกรรมเป็นให้เกิดการแตกแยก เพราะสิ่งต่างๆเหล่านั้นมีความคิดและการกระทำที่แตกต่างกันออกไป และมันเป็นบาปใหญ่ที่รองลงมาจากการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ เพราะเป็นการทำให้ศาสนาของอัลลอฮฺได้เปลี่ยนไป และยังทำให้ผู้อื่นที่ไม่รู้หลงผิดตามกันไป และนั่นก็จะเกิดขึ้นในยุคท้ายๆนี้ที่จะมีแต่คนโง่ ขี้เกียจเรียนรู้ศาสนา แต่จะแย่งขึ้นมาเป็นผู้นำ
" إِنَّ اللَّهَ لاَ يَقْبِضُ الْعِلْمَ انْتِزَاعًا، يَنْتَزِعُهُ مِنَ الْعِبَادِ، وَلَكِنْ يَقْبِضُ الْعِلْمَ بِقَبْضِ الْعُلَمَاءِ، حَتَّى إِذَا لَمْ يُبْقِ عَالِمًا، اتَّخَذَ النَّاسُ رُءُوسًا جُهَّالاً فَسُئِلُوا، فَأَفْتَوْا بِغَيْرِ عِلْمٍ، فَضَلُّوا وَأَضَلُّوا "
“แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ จะไม่นำความรู้กลับไปโดยถอดมันออกจากบ่าว แต่อัลลอฮ์จะนำความรู้กลับไปด้วยการเสียชีวิตของบรรดาผู้รู้ จนกระทั่งแทบจะไม่เหลือผู้รู้ ฉะนั้น บรรดาผู้คนจึงได้ผู้นำที่โง่เขลา เมื่อเขาถูกถาม เขาก็จะแถลงโดยที่ไม่มีความรู้ ดังนั้นนอกจากเขาจะหลงทางแล้ว ยังนำพาผู้อื่นหลงทางอีกด้วย"
(รายงานโดย บุคอรีย์/๑๐๐ )
ท่านอีหม่ามมาลิกมักจะกล่าวคำนี้อยู่เรื่อย
" وخير أمور الدين ما كان سنة وشر الأمور المحدثات البدائع "
“ การงานที่ดีที่สุดในเรื่องของศาสนาหากทำตรงกับซุนนะหฺ และการงานที่เลวที่สุดคือสิ่งที่อุตริกรรมทั้งหลายที่แปลกใหม่”
อูลามาอฺในอดีตสั่งห้ามมิให้อยู่ร่วมกับพวกบิดอะหฺ โดยเฉพาะผู้นำของพวกเขา เพราะกลัวจะมีผลกระทบ หรืออาจจะหลงคล้อยตาม เพราะความสัมพันธ์มากๆ จะกลายมาเป็นมิตร แต่นั่นหลังจากที่ได้ตักเตือนพวกเขาแล้วแต่กลับยังดื้อดึง