เกราะป้องกัน ชัยฏอน กับ ดวงตาริษยา
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
เกราะป้องกันให้พ้นจากความชั่วร้ายเหล่านี้ (ชัยฏอน ดวงตาริษยา) ได้แก่
(1) มอบหมายการงานทุกอย่างต่ออัลลอฮฺ นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะสามารถคุ้มครองเราให้พ้นจากโรคร้ายและสิ่งไม่ดีทั้งหลาย และใครก็ตามที่มอบหมายต่อพระองค์ พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือเขา อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา”
(อัฏเฏาะลาก: 3)
(2) ปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ และหลีกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม ฉะนั้น ผู้ใดรักษาไว้ซึ่งคำสั่งใช้ของพระองค์ พระองค์ก็จะทรงปกป้องเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศาสนา ดุนยา ครอบครัว และทรัพย์สิน อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“ดังนั้น อัลลอฮฺทรงเป็นผู้คุ้มกันที่ดียิ่ง”
(ยูสุฟ: 64)
ท่านอิบนุอับบาส เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวัลลัม กล่าวว่า
“จงรักษา (คำสั่งใช้) ของอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงปกป้องรักษาท่าน”
(บันทึกโดย อัตติรมิซีย์ หะดีษเลขที่ 2516)
(3) รำลึกถึงอัลลอฮฺให้มาก ขณะเข้าและออกจากบ้าน ทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดกล่าว ‘ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะหฺดะฮุ ลาชะรีกะละฮฺ ละฮุลมุลกฺ วะละฮุลหัมดฺ วะฮุวะ อะลา กุลลิชัยอิน เกาะดีรฺ’
(ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีใดเทียบเคียงพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงอำนาจและคู่ควรแก่การสรรเสริญ และพระองค์ทรงมีเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง)
หนึ่งร้อยครั้งในหนึ่งวัน เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับการปล่อยทาสสิบคน ได้รับการบันทึกหนึ่งร้อยความดี ลบล้างหนึ่งร้อยความผิด และจะได้รับการปกป้องจากชัยฏอนตลอดวันจนกระทั่งเย็น โดยที่ไม่มีใครจะได้รับความดีความประเสริญมากกว่าเขา นอกจากผู้ที่สามารถทำได้มากกว่าเขา”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 3293 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2691)
(4) ขอความคุ้มครองแก่บุตรหลาน ให้รอดพ้นจากชัยฏอน ท่านอิบนุอับบาส เล่าว่า ท่านนบีได้เคยขอความคุ้มครองให้หะสันและหุสัยนฺ โดยท่านกล่าวว่า
“แท้จริง บิดาของเจ้าทั้งสอง (นบีอิบรอฮีม) ก็เคยขอความคุ้มครองให้แก่นบีอิสมาอีลและนบีอิสหาก ด้วยดุอาอ์บทนี้
أَعُوذُ بِكَلِمَاتِ اللَّهِ التَّامَّةِ، مِنْ كُلِّ شَيْطَانٍ وَهَامَّةٍ، وَمِنْ كُلِّ عَيْنٍ لاَمَّةٍ
(ฉันขอความคุ้มครองด้วยถ้อยคำต่าง ๆ อันสมบูรณ์ของอัลลอฮฺ จากชัยฏอนทุกตัว และแมลงมีพิษทั้งหลาย ตลอดจนทุก ๆ สายตามาดร้ายที่คอยอาฆาต)”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 3371)
(5) ผู้ศรัทธาควรรับประทานอัจวะฮฺจำนวนเจ็ดเม็ดในตอนเช้า อัจวะฮฺคืออินทผลัมชนิดหนึ่งซึ่งปลูกในเมืองมะดีนะฮฺ มีหะดีษซึ่งรายงานโดยท่านสะอัด บิน อบีวักกอศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดทานอินทผลัมอัจวะฮฺเจ็ดเม็ดในตอนเช้า ในวันนั้นยาพิษหรือคุณไสยจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 5769 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2074)
ชัยคฺ อับดุลอะซีซ บิน บาซ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “หวังว่าประโยชน์ดังกล่าวนี้จะครอบคลุมอินทผลัมทุกชนิด”
(6) ดำรงรักษาละหมาดศุบหฺพร้อมญะมาอะฮฺที่มัสยิด ท่านญุนดุบ บิน อับดิลลาฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดละหมาดศุบหฺ เขาจะได้รับความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ”
(บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 657)
และผู้ใดที่อยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ แน่นอนว่าชัยฏอนจะห่างไกลจากเขา
(7) อ่านสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺในบ้านเป็นประจำ ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“แท้จริงชัยฏอนนั้นจะหลีกหนีจากบ้านที่มีการอ่านสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ”
(บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 780)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“พวกท่านจงอ่านสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺเถิด เพราะแท้จริงการอ่านสูเราะฮฺนี้เป็นบะเราะกัต ผู้ใดละทิ้งก็จะประสบกับความโศกเศร้าเสียใจ และนักไสยศาสตร์จะไม่สามารถอ่านสูเราะฮฺนี้ได้”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 804)
(8) หมั่นอ่าน สูเราะฮฺอัลฟะลัก และอันนาส ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ได้เคยสั่งเสียท่านอุกบะฮฺ บิน อามิรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ โดยกล่าวว่า
“ท่านจงขอความคุ้มครองด้วยการอ่านสูเราะฮฺทั้งสองเถิด เพราะแท้จริงไม่มีการขอความคุ้มครองใด จะดีเท่าการขอความคุ้มครองด้วยสองสูเราะฮฺนี้”
(บันทึกโดย อบูดาวุด หะดีษเลขที่ 1463)
อิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“สำหรับบ่าวแล้ว ความจำเป็นที่เขาต้องขอความคุ้มครองด้วยสูเราะฮฺทั้งสองนี้ เหนือกว่าความจำเป็นของอากาศหายใจ อาหาร เครื่องดื่ม หรือเสื้อผ้าอาภรณ์เสียอีก”
(บะดาอิอฺ อัลฟะวาอิด เล่ม 2 หน้า 426)
(9) กล่าวขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายที่ถูกสร้างให้มาก ทั้งในเวลากลางคืน และกลางวัน หรือเมื่อเข้าไปพักในอาคาร ทะเลทราย อยู่บนเครื่องบิน หรือในทะเล เคาละฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งแห่งหนึ่งแห่งใด แล้วกล่าวว่า أَعُوذُ بِكَلِمَاتِ اللهِ التَّامَّاتِ مِنْ شَرِّ مَا خَلَقَ (ฉันขอความคุ้มครองด้วยพระดำรัสของอัลลอฮฺซึ่งมีความสมบูรณ์ยิ่ง ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายที่พระองค์ทรงสร้างด้วยเถิด) เขาจะไม่ได้รับอันตรายจากสิ่งใด จนกระทั่งเขาออกจากที่แห่งนั้น”
(บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 2708)
(10) อ่านสองอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ ในช่วงแรกของค่ำคืน ท่านอบูมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ผู้ใดอ่านสองอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺในยามค่ำคืน เขาจะได้รับความคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 5009 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 807)
(11) อ่านอายะฮฺกุรสีย์ก่อนนอน ดังที่ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า
“ผู้ใดอ่านอายะฮฺกุรสีย์ขณะที่เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงของเขา เขาจะได้รับความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ และชัยฏอนจะไม่เข้าใกล้เขาจนกระทั่งเช้า”
(ส่วนหนึ่งของหะดีษซึ่งบันทึกโดย อัลบุคอรีย์ เลขที่ 2311)
(12) อย่าปล่อยให้เด็กอยู่นอกบ้านเวลาพลบค่ำ ท่านญาบิรฺ เราะฎิยัลลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“ในช่วงเวลาพลบค่ำ จงห้ามมิให้บุตรหลานของพวกท่านอยู่นอกบ้าน เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวบรรดาชัยฏอนจะออกมามากมาย เมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไปสักครู่หนึ่งก็ให้ปล่อยพวกเขาได้ และจงปิดประตูและกล่าวซิกรุลลอฮฺ เพราะแท้จริงชัยฏอนจะไม่สามารถเปิดประตูที่ปิดอยู่ได้”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 2304 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2012)
(13) ทำให้บ้านพักอาศัยปราศจากสัญลักษณ์ไม้กางเขน รูปปั้นของสิ่งมีวิญญาณ และสุนัข ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“แท้จริงบรรดามลาอิกะฮฺจะไม่เข้าบ้านที่มีสุนัข และรูปภาพ”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 3227 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2106)
ในอีกสำนวนหนึ่งระบุว่า “รูปปั้น”
(บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 2106)
และรวมถึงการทำให้บ้านปราศจากเครื่องดนตรีต่าง ๆ ด้วย เพราะดนตรีเป็นเสียงของชัยฏอน
อิบนุลก็อยยิม กล่าวว่า
“เคยมีช่วงหนึ่งที่ฉันล้มป่วยขณะพำนักอยู่ที่มักกะฮฺ โดยไม่มีหมอหรือยา ฉันจึงทำการรักษาด้วยสูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ โดยอ่านลงในน้ำซัมซัมแล้วดื่ม กระทั่งฉันรู้สึกว่าหายป่วยโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้น เมื่อฉันเจ็บป่วยในคราใด ฉันก็จะใช้วิธีนี้ ซึ่งฉันก็พบว่ามันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก”
(อัฏฏิบ อันนะบะวีย์ หน้า 301)
สูเราะฮฺที่ใช้รักษาโรคต่าง ๆ นั้น ได้แก่ สูเราะฮฺอัลฟาติหะฮฺ มุเอาวิซะตาน (อัลฟะลักและอันนาส) และอายะฮฺกุรสีย์ ส่วนดุอาอ์ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขอก็เช่น
“โอ้อัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งมวลมนุษย์ ขอทรงโปรดขจัดโรคภัย และบำบัดรักษามันด้วยด้วยเถิด พระองค์คือผู้ทรงบำบัดรักษาให้หาย ไม่มีการบำบัดใดเว้นแต่ด้วยการบำบัดรักษาของพระองค์ เป็นการบำบัดที่ไม่ทิ้งความเจ็บป่วยใดๆ หลงเหลืออีกต่อไป”
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 5743 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2191)
และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เคยกล่าวแก่ผู้ที่กำลังป่วยว่า
“จงวางมือของท่านตรงบริเวณที่ท่านรู้สึกปวด แล้วกล่าวบิสมิลลาฮฺสามครั้ง หลังจากนั้นให้กล่าวอีกเจ็ดครั้งว่า
أَعُوذُ بِاللهِ وَقُدْرَتِهِ مِنْ شَرِّ مَا أَجِدُ وَأُحَاذِرُ
“ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์จากความชั่วร้ายของความเจ็บปวดที่ฉันกำลังประสบ และสิ่งที่ฉันหวั่นเกรง”
(บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 2202)
แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ / Islamhouse