การคบค้าสมาคมกับคนดี
  จำนวนคนเข้าชม  7219

 

การคบค้าสมาคมกับคนดี

 

ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์

 

การคบค้าสมาคมกับคนดี มีผลดีมากมาย อาทิ

ประการแรก เป็นการส่งเสริมกันให้ทำความดี และห้ามปรามจากการทำความชั่ว อัลลอฮฺตะอาลาตรัสว่า
 

         “ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริงมนุษย์นั้นอยู่ในความขาดทุน นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันให้มีความอดทน”
 

 (อัลอัสรฺ: 1-3) 

ประการที่สอง เป็นการเร่งรีบและแข่งขันในการทำความดี อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า

 

          “และพวกเจ้าจงรีบเร่งกันไปสู่การอภัยโทษจากพระเจ้าของพวกเจ้า และไปสู่สวรรค์ซึ่งความกว้างของมันเท่ากับบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยที่มันถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ที่ยำเกรง” 
 

(อาล อิมรอน: 133)

 

และพระองค์ตรัสว่า

 

         “และบรรดาผู้ศรัทธาชายและหญิงนั้น บางส่วนของพวกเขาต่างเป็นผู้ช่วยเหลืออีกบางส่วน ซึ่งพวกเขาจะใช้ให้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีและห้ามปรามในสิ่งที่ไม่ดี และพวกเขาจะดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและจ่ายซะกาต และภักดีต่ออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ ชนเหล่านี้แหละที่อัลลอฮฺจะทรงเอ็นดูเมตตาพวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ” 

(อัตเตาบะฮฺ: 71)

และพระองค์ตรัสว่า

“และในการนี้บรรดาผู้แข่งขัน (สู่ความสำราญในสวนสวรรค์) ทั้งหลาย จงแข่งขันกันเถิด”
 

(อัล-มุฏ็อฟฟิฟีน: 71)

 


          ประการที่สาม ความดีและบะเราะกะฮฺของการรวมกลุ่มกับคนดีนั้น ผู้ที่เข้าร่วมกลุ่มก็จะได้รับความดีงามไปด้วย แม้ว่าการงานของเขาจะไม่ได้มีความดีในระดับเดียวกับคนเหล่านั้นก็ตาม ดังที่มีบันทึกจากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

          “แท้จริงอัลลอฮฺทรงมีมลาอิกะฮฺที่วนเวียนไปตามถนนหนทางเพื่อเสาะหาผู้ที่รำลึกถึงพระองค์ ครั้นเมื่อเขาพบกลุ่มชนใดที่กำลังรำลึกถึงพระองค์ 

พวกเขาก็จะกล่าวแก่กันว่า มาเถิด มาสู่สิ่งที่พวกท่านปรารถนา (สถานที่ซึ่งมีการรำลึกถึงอัลลอฮฺ)” 

และในตอนท้ายของหะดีษ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า 

แล้วอัลลอฮฺก็ตรัสแก่บรรดามลาอิกะฮฺว่า ข้าขอประกาศแก่พวกเจ้าว่า ข้าได้อภัยโทษแก่พวกเขาทั้งหมดแล้ว 

        ทันใดนั้นมลาอิกะฮฺท่านหนึ่งก็กล่าวขึ้นมาว่า ‘ในกลุ่มนั้นมีบุคคลที่ไม่ใช่คนในกลุ่มพวกเขาด้วย พวกเขามาเพียงเพื่อธุระบางอย่างเท่านั้น’ 

พระองค์ก็ตอบว่า พวกเขาคือกลุ่มคนซึ่งผู้ที่ร่วมวงคลุกคลีกับพวกเขาจะไม่ผิดหวัง” 

 

(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 6408 และมุสลิม หะดีษเลขที่ 2689)

ท่านอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า 

“หากปราศจากสามสิ่งดังนี้แล้ว ฉันคงไม่อยากมีชีวิตในดุนยานี้อีกต่อไป สามสิ่งนั้นคือ

 ความกระหายในวันที่ร้อนระอุ (ถือศีลอด)

 ช่วงเวลาอันแสนลำบากในยามค่ำคืน (ละหมาดตะฮัจญุด) และ

 การร่วมสมาคมกับกลุ่มชนที่เฟ้นหาคำพูดที่ดี ๆ มาพูดคุยกัน เหมือนดังการเฟ้นหาอินทผลัมชนิดที่ดี ๆ”

         มีกี่คนกันแล้วที่ได้รับทางนำจนกลายเป็นผู้ที่รักษาการละหมาดอย่างดี ละทิ้งการคบหาสมาคมกับมิตรสหายชั่ว ๆ และตั้งใจทำการเรียกร้องบุคคลอื่นไปสู่แนวทางของอัลลอฮฺ ?! สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ หลังจากนั้นก็เป็นเพราะกัลยาณมิตร (มิตรที่ดี มิตรที่ประเสริฐ) ที่เขาคบหาด้วยนั่นเอง

ท่านอบูสะอีด เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

“ท่านอย่าได้คบผู้ใดเป็นมิตรสหายนอกจากผู้ศรัทธา และอย่าได้ให้ผู้ใดรับประทานอาหารของท่านนอกจากผู้ยำเกรง” 

(บันทึกโดยอัต-ติรมิซียฺ หะดีษเลขที่ 2395)

          อัล-ค็อฏฏอบียฺ ได้อธิบายหะดีษนี้เพิ่มเติมว่า การให้รับประทานอาหารที่ระบุในหะดีษนั้นคือการเชิญมารับประทานอาหารร่วมกัน มิใช่การให้อาหารที่เป็นปัจจัยในการดำรงชีพทั่วไป ดังที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้ตรัสว่า

“และพวกเขาเลี้ยงอาหารจากสิ่งที่เขารัก แก่ผู้ยากจน เด็กกำพร้า และเชลยศึก” 

(อัลอินสาน: 8)

          ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเชลยศึกนั้นคือ บรรดากาฟิร มิใช่ผู้ศรัทธาหรือผู้มีความยำเกรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวปรามการเป็นมิตรกับผู้ที่มิใช่ผู้มีความยำเกรงต่ออัลลอฮฺ และยังตำหนิการปะปน และร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา เพราะการรับประทานอาหารร่วมกันนั้นจะทำให้จิตใจมีความรักและความอ่อนโยนต่อกัน 

(เอานุลมะอฺบูด เล่ม 13 หน้า 123)

 

แปลโดย : ฟารีด พุกมะหะหมัด / Islamhouse