องค์ประกอบของความสุข 2.การยึดมั่นบนสายเชือกของศาสนา
  จำนวนคนเข้าชม  7332

 

องค์ประกอบของความสุข 2. การยึดมั่นบนสายเชือกของศาสนา

 

อ.อับดุลบารีย์  นาปาเลน

 

          องค์ประกอบข้อที่สอง การยึดมั่นบนสายเชือกของศาสนา โดยมีอัลกุรอานและซุนนะหฺเป็นหลัก พร้อมกับยึดแนวทางของชาวสลัฟ

 

"พวกท่านจงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺโดยทั้งหมดเถิด และพวกท่านอย่าได้แตกแยกกัน"
 

( อาละอิมรอน 103 )      

        สายเชือกของอัลลอฮฺหมายถึงศาสนาอิสลาม ที่มีองค์ประกอบด้วยกับกีตาบุลลอฮฺ แลซุนนะห์ของท่านรอซูลลุลลอฮฺ หรือที่เรียกว่าอัลกุรอานและซุนนะห์นั่นเอง จากโองการยังได้ห้ามการแตกแยก หรือการไปจัดกลุ่มขึ้นมาใหม่จนทำให้ประชาชาติแตก จนกลายเป็นหลายกลุ่ม หลายพรรคหลายพวก

 

        “ ดังนั้น บรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา(ท่านนบี ) จงระวังตัวเถิดว่า เคราะห์กรรม(หรือความวุ่นวาย)จะเกิดขึ้นแก่พวกเขา หรือว่าการลงโทษอันเจ็บปวดจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาเช่นกัน “ 
 

(สูเราะฮฺอันนูร อายะฮฺที่ 63)

 

        จากโองการได้บ่งบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องยึดเอาอัลกุรอานและซุนนะหฺเป็นหลัก โดยที่ไม่ไปยึดต่อคำพูดหรือความคิดของใคร ๆ มานำหน้า ถ้าคำพูดนั้นได้มาค้านกับหลักการ  และห้ามมิให้ยึดที่ตัวบุคคล หรือ(ตะอัซซุบ)คลั่งใคล้ในตัวบุคคลโดยที่ไม่ได้ตระหนักถึงหลักการ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นสาเหตุให้เกิดความแตกแยก จนกลายมาเป็นการเกลียดชังกัน

 

        ด้วยอัลกุรอานและซุนนะหฺและตามแนวทางของชาวสลัฟเท่านั้นคือหลักที่จะทำให้ประชาชาติอิสลามสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียว ส่วนการแสวงหาแนวทางอื่น หรือปฏิบัติในสิ่งที่อุตริกรรม ถือเป็นหนทางไปสู่ความแตกแยกของประชาชาติ

 

        “และหากผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านมีชีวิตยืนยาวต่อไป เขาก็จะได้พบกับความขัดแย้งอันมากมาย ดังนั้นพวกท่านจงยึดไว้ซึ่งซุนนะหฺ(แนวทาง)ของฉัน และซุนนะหฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมที่ได้รับทางนำ จงกัดมันด้วยฟันกราม และพวกท่านจงพึงระวังต่ออุตริกรรมทั้งหลายในศาสนา เพราะทุกๆ อุตริกรรม(บิดอะฮฺ) นั้นคือความหลงผิด ” 

(หะดีษบันทึกโดยอบูดาวูด และอัต-ติรมิซีย์ และท่านกล่าวว่า หะดีษอยู่ในระดับหะซันเศาะหี้หฺ)

        ส่วนในเรื่องของความสัมพันธ์ต่อเพื่อนมนุษย์ มีหลายโองการจากกุรอ่านและซุนนะห์ที่ได้มาวางระเบียบกฏเกณ ข้อแนะนำ รวมไปถึงเรื่องของมารยาทต่างๆ นั้นก็เพื่อให้เกิดความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันของประชาชาติ 

จากโองการที่ได้กำชับสั่งให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ อาทิเช่น

        “และพวกจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรม และความยำเกรง และจงอย่าช่วยกันในสิ่งที่เป็นบาป และเป็นศัตรูกัน และพึงกลัวเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ” 

(อัลมาอีดะหฺ / ๒)

        "โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และพวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ? แล้วพวกเจ้าก็เกลียดมัน และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ “

         "โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชาย และเพศหญิง และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่าๆ และตระกูลต่างๆเพื่อจะได้ทำความรู้จักกัน แท้จริงผู้ที่มีเกียรติยิ่งในหมู่พวกเจ้า ณ ที่อัลลอฮฺนั้น คือผู้ที่มีความยำเกรงยิ่งในหมู่พวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน” 

(อัลฮูญูรอต / ๑๒-๑๓)

        “ไม่มีความดีใด ๆ ในการพูดซุบซิบอันมากมายของพวกเขา นอกจากผู้ที่ใช้ให้ทำทานหรือให้ทำสิ่งที่ดีงาม หรือใช้ให้มีการประนีประนอมระหว่างผู้คนเท่านั้น และผู้ใดกระทำดังกล่าวเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺแล้ว แน่นอนเราจะให้แก่เขาซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง” 

(อันนิซาอฺ / ๑๑๔)

        “แท้จริงอัลลอฮฺทรงใช้ให้รักษาความยุติธรรมและการทำดี และการบริจาคแก่ญาติใกล้ชิดและให้ละเว้นจากการทำลามกและการชั่วช้า และการอธรรม(ละเมิดต่อผู้อื่น) พระองค์ทรงตักเตือนพวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจักได้รำลึก”

 (อันนะหฺลู / ๙๐)

       มีหลายฮาดิษจากซุนนะหฺที่ท่านนบี  ได้มากำชับให้ประชาชาติของท่านมีการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อาทิเช่น 

จากท่านนัวอฺมาน บินบชีรฺ(รอดียัลลอฮูอันฮู) จากท่านนบี  ได้กล่าวว่า 

       “บรรดาผู้ศรัทธา ที่มีความรัก ความเอื้ออาทร และความเมตตาต่อกันและกันนั้น เปรียบเสมือนกับเรือนร่างอันเดียวกัน ครั้นเมื่ออวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายเกิดความเจ็บปวด ทั่วเรือนร่างก็เจ็บไข้ได้ป่วยและร้อนระอุไปด้วย”

(รายงานโดยบุคอรีย์ / ๖๐๑๑ และมุสลิม / ๒๕๘๖)

        "มุสลิมระหว่างมุสลิมนั้นเป็นพี่น้องกัน เขาจะไม่อธรรมซึ่งกันและกัน และจะไม่ทอดทิ้ง(ให้มุสลิมพินาศ) บุคคลใดที่ช่วยเหลือให้พี่น้องของเขา อัลลอฮฺก็จะทรงช่วยเหลือให้กับเขา และบุคคลใดที่ช่วยเหลือมุสลิมให้ปลอดจากภัยพิบัติ  อัลลอฮฺก็จะทรงให้เขาพ้นจากภัยพิบัติหนึ่งจากบรรดาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะฮฺ และผู้ใดปกปิดสิ่งบกพร่องของมุสลิมหนึ่งคน อัลลอฮฺก็จะทรงปกปิดให้แก่เขาในวันกิยามะฮฺ” 

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์: 2442, มุสลิม: 2580) 

        “พวกท่านทั้งหลายจงอย่าอิจฉาริษยากัน จงอย่าคดโกงกัน จงอย่าเกลียดชังกัน จงอย่าทะเลาะกัน จงอย่าเบียดเบียนในการซื้อขายของผู้อื่น และพวกท่านทั้งหลายจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺที่มีความรักฉันท์พี่น้องกัน มุสลิมนั้นคือพี่น้องกัน จะต้องไม่ทำร้ายกัน ไม่ทำให้เขาต้องเสียใจ ไม่โกหกหลอกลวงกัน ไม่ดูถูกเหยียดหยามกัน  ความยำเกรง(ตักวา)นั้นอยู่ตรงนี้(แล้วท่านนบีก็ชี้ที่หน้าอกของท่าน กล่าวแบบนี้สามครั้ง) และท่านกล่าวต่อไปอีกว่า เป็นการเพียงพอแล้วที่จะเรียกว่า คนเลว สำหรับคนที่ดูถูกเหยียดหยามพี่น้องมุสลิมด้วยกัน  มุสลิมทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองไว้ ซึ่งชีวิต ทรัพย์สินและเกียรติของเขา”

(รายงานโดยมุสลิม / ๔๖๕๐)

“ผู้ใดที่ทำให้ช่วยเหลือผู้ศรัทธาคนหนึ่งพ้นจากความยากลำบากหนึ่งในโลกนี้ อัลลอฮฺจะช่วยให้เขาพ้นความลำบากหนึ่งในวันกิยามะฮฺ

และผู้ใดให้ความสะดวกแก่ผู้ที่ลำบาก อัลลอฮฺจะให้เกิดความสะดวกแก่เขาในโลกนี้และโลกหน้า

และผู้ใดที่ปกปิด(สิ่งที่น่าอับอาย)ของมุสลิมคนหนึ่ง อัลลอฮฺก็จะทรงปกปิดความน่าอับอายแก่เขาในโลกนี้และโลกหน้า

และอัลลอฮฺจะคอยช่วยเหลือบ่าวคนหนึ่งตราบใดที่เขาช่วยเหลือพี่น้องของเขา” 
 

(บันทึกโดยมุสลิม  / ๒๖๖๙)

         ท่านนบี  ได้มาห้ามการก่อความวุ่นวาย หรือความไม่สงบ หรือสาเหตุที่จะนำไปสู่สิ่งดังกล่าว จากท่านอบีฮูรอยเราะหฺ (รอดียัลลอฮูอันฮฺ) ว่า จากท่านนบี  ได้กล่าวว่า 

       “ พวกท่านทั้งหลายอย่าได้ชี้ไปที่พี่น้องของเขาด้วยกับอาวุธ เพราะแท้จริงเขาไม่รู้ว่า บางครั้งซัยฏอนจะมาพลักมือของเขา(ไปฆ่าพี่น้องเขาผู้นั้น) จนเขาต้องตกไปในหลุมนรกในที่สุด”

 ( รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม )

อีกรายงานของท่านอีหม่ามมุสลิม จากท่านนบี  ได้กล่าวว่า

        "ผู้ใดที่ชี้ไปยังพี่น้องเขาด้วยเหล็ก(หรือใบมีด) แท้จริงมลาอีกะฮ์ จะสาปแช่งเขาจนกว่าเขาจะวาง และถึงแม้ว่าผู้นั้นจะเป็นพี่น้องจากพ่อและแม่เองก็ตาม”

( รายงานโดยมุสลิม / ๒๖๑๖)

นี่เป็นเพียงแค่การชี้ด้วยอาวุธท่านนบีก็ยังห้ามโดยสิ้นเชิง  และท่านนบี  ได้กล่าวอีกว่า 

“ ไม่เป็นที่อนุญาติแก่มุสลิมที่เขาจะทำการขู่เข็นต่อมุสลิม(คนอื่น)ให้เกิดความหวาดกลัว” 

(รายงานโดย อาบูดาวูด / ๒๑๘๗)

จาก อบูฮูรอยเราะหฺ (รอดียัลลอฮูอันฮู) ท่านนบี  กล่าวว่า “ พวกท่านรู้ไหม ว่า ใครคือ บุคคลที่ล้มละลาย ? "

พวกเขาตอบว่า “บุคคลล้มละลายในหมู่พวกเรา คือ ผู้ที่ไม่มีเงินและไม่มีทรัพย์ "

แล้วท่านเราะสูลุลลอฮฺ  ก็กล่าวว่า

       “แท้จริง บุคคลที่ล้มละลายจากอุมมะฮของฉันคือ ผู้ที่มาในวันกิยามะฮ ด้วย(ผลบุญ)การละหมาด การถือศีลอดและการจ่ายซะกาต และเขามาโดยที่เขาเคยด่าว่าคนนั้น เคยกล่าวหาคนนี้ เคยกินทรัพย์สินคนนั้น เคยนองเลือดกับคนนี้ และเคยทุบตีคนนั้น แล้วบรรดาความดีของเขาถูกนำมาให้คนนี้คนนี้ แล้วถ้าบรรดาความดีของเขาหมด ก่อนที่จะถูกชดใช้จากความผิดต่าง ๆ แล้ว เขาต้องมารับความผิด(บาป)ของพวกเขา(ผู้ที่โดนเขารังแก)เพิ่มไปในบัญชีของเขา หลังจากนั้นเขาก็ถูกโยนลงนรกในทึ่สุด”

(รายงานโดยมุสลิม / ๒๕๑๘)

คำสั่งเสียของท่านนบี  ที่ได้ให้แก่ประชาชาติก่อนที่ท่านจะจากไป 

“ ฉันได้ทิ้งไว้แก่พวกเจ้า หากพวกเจ้าได้ยึดถือ หรือได้ปฏิบัติตามมันทั้งสอง พวกเจ้าจะไม่มีหลงผิดอย่างแน่นอน

นั่นคือคำภีร์ของอัลลอฮฺ และซุนนะฮ์ (แบบฉบับ)ของฉัน”

 (รายงานโดยฮากิมและบัยฮากีย์)