โทษ ของ บาป (2)
  จำนวนคนเข้าชม  8520

 

โทษ ของ บาป (2)

 

โดย อับดุลบารีย์ นาปาเลน

 

          แท้จริง ความชั่ว หากได้ซ่อนไว้ มันก็จะไม่เกิดโทษแก่ผู้ใด นอกจากให้โทษแก่เจ้าของมันเท่านั้น และหากมีการเปิดเผยแล้ว โดยที่ไม่มีการตักเตือนกัน แน่นอนมันจะให้โทษโดยรวมแก่สังคมทั้งหมด และบาปกรรมจะมีโทษหนัก หากเขาผู้นั้นกล้าที่จะเปิดเผย หรือเห็นว่ามันเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย หรือมีความปิติยินดีต่อมัน หรือไม่ปกปิดจากความชั่ว หลังจากที่อัลลอฮ ได้ปกปิดความชั่วให้แก่เขา
 

 ท่านอิบนุ กอยยิม เคยได้กล่าวเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ทำบาปอย่างเปิดเผยไว้ว่า
 

"ผู้คนประเภทนี้ส่วนมากจะหนีไม่พ้นจากความหายนะ โดยส่วนมากหนทางที่จะกลับเนื้อกลับตัวได้ถูกปิดกั้น และประตูกถูกปิด" 
 

 

ดังที่ท่านนบี มุหัมมัด  ได้กล่าวว่า
 

" ประชาชาติของฉันทุกคนจะถูกให้อภัย ยกเว้นผู้ที่กระทำชั่วอย่างเปิดเผย " 
 

(รายงานโดย บุคอรีย์และมุสลิม) (หนังสือ อัล-ญาวาบุลกาฟียฺ: ๕๗)

 

ท่านอิบนุ ฮาญัรฺ ได้กล่าวว่า
 

"ความหายนะจะมาปกคลุมทั้งหมด ก็ต่อเมื่อมีความชั่วเกิดขึ้นอย่างชัดแจ้ง และมีการฝ่าฝืนกฏของอัลลอฮอย่างเปิดเผย " 
 

(ฟัตฮุลบารีย์: ๑๓/๑๑๗)

 

     ♦- บางคนได้วางสัญลักษณ์แห่งความชั่วไว้บนหลังคาเรือนด้วยการติดตั้งจานดำ โดยไม่ระวังจากอันตรายของมัน ปล่อยให้รับความชั่วนานาชนิดที่มีอยู่ในโลกแก่เขา และได้ทำลายความศรัทธาของเขาและครอบครัว 

     ♦- บางคนกล้ารับดอกเบี้ยอย่างเปิดเผย โดยมิได้หวั่นเกรงจากพิษภัยของมัน แล้วป้อนมันให้แก่ลูกๆได้รับประทาน และความสกปรกก็ได้ฟุ้งกระจายไปสู่สังคมของพวกเขา 

     ♦- บางคนในสังคมได้ชี้ให้เห็นถึงความทรมาน อันเนื่องมาจากร่องรอยจากการถูกรังแก จากนักไสยศาสตร์และนักเวทมนต์ 

     ♦- ปรากฏมีคนจำนวนน้อยมากที่มาละหมาดตามสุเหร่า แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของบรรดาผู้ปกครองต่อการอบรมดูแลลูกๆของพวกเขา แต่กลับแสวงหาความชั่วร้ายเข้ามายังบ้านของพวกเขาอีก ชัยฏอน มารร้ายก็เข้ามาช่วยเสริมทัพ ชักจูงพวกเขาด้วยเสียงเพลงเสียงดนตรี 

     ♦- สตรีบางคนก็ออกนอกบ้านโดยที่ไม่มีเหตุใดๆ บวกกับความประเจิดประเจ้อ ถอดอาภรณ์แห่งความละอายและความน่ายำเกรงออกไป นางเหล่านั้นไม่คำนึงถึงวีรสตรีในอดีตดอกหรือ

ที่ท่าน อิบนุลอารอบียฺ  ได้เล่าถึงสภาพสตรีในเมืองนาบลิส ว่า

        " แน่แท้ ฉันได้เคยอาศัยในเมืองนี้เป็นเวลาหลายเดือน แล้วฉันก็มิเคยมองเห็นสตรีสักคนที่จะมีให้เดินไปตามท้องถนนเลยในเวลากลางวัน นอกจากในวันศุกร์วันเดียว ที่พวกนางจะออกไปทำการละหมาดวันศุกร์โดยเต็มในที่สุเหร่าของนาง เมื่อละหมาดเสร็จ พวกนางก็รีบเดินกลับมายังที่บ้านของนาง แล้วฉันก็ไม่เจอสตรีใดๆ อีกเลย จนกระทั่งไปถึงอีกศุกร์หนึ่ง" 

(อะหฺกามุลกุรอ่าน: ๑/๓๗๖)

         แท้จริง ผลร้ายของผู้ที่กระทำบาป ส่งผลกระทบมายังต้นไม้ หรือ สัตว์ และสิ่งต่างๆด้วย ท่านนบี  ได้กล่าวว่า

" และแท้จริงคนดีๆ หากได้ตายไป เขาก็จะสบายจากความลำบากในโลกดุนยา

ส่วนคนเลวหากได้ตายจากไป บรรดาปวงบ่าว และสัตว์ และต้นไม้ก็จะปลอดภัยจากความชั่วร้ายของเขา "

 (รายงานโดยมุสลิม )

          แท้จริง ความชั่วนั้นมิได้หมายถึงการกระทำในสิ่งที่ต้องห้ามเพียงอย่างเดียว แน่นอน การละทิ้งคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺนั้นก็ถือว่าเป็นบาป หากผู้ศรัทธาได้ละเลยการเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ หรือละเลยการสั่งใช้ให้ทำความดีและห้ามปรามมิให้ทำความชั่ว หรือผู้เป็นบิดาไม่ใส่ใจในการดูแลครอบครัว ทั้งหมดนั้นก็ถือว่าเป็นบาป และผู้ใดที่ไม่ได้รุดหน้าด้วยการปฏิบัติตามคำสั่ง เขาก็จะตกเป็นผู้ล้าหลังด้วยความบกพร่องในการงาน

"สำหรับผู้ที่ประสงค์ในหมู่พวกเจ้าจะรุดหน้า(ด้วยการทำความดี) หรือจะรั้งท้าย(เพื่อทำความชั่ว)

(อัล-มุดดัศศิร: ๓๗ )

บทลงโทษของบาปกรรมนั้น มิได้สิ้นสุดในโลกนี้เท่านั้น แน่นอน มันจะต้องโดนอีกในโลกหน้า

" ส่วนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น ข้าจะลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรงทั้งในโลกนี้และปรโลก และพวกเขาจะไม่พบกับการช่วยเหลือใดๆ" 

( อาละอิมรอน: ๕๖)

ฟาโรห์ ที่ได้วางตนเองเป็นพระเจ้า ก็ต้องนำหน้ากลุ่มชนของเขาลงนรกในที่สุด

          " และโดยแน่นอนเราได้ส่งมูซา มาพร้อมด้วยสัญญาณต่างๆของเรา และด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง (๙๖ ) ไปยังฟิรเอานฺ(ฟาโรห์)และบรรดาบุคคลชั้นนำของเขา แต่พวกเขากลับได้ปฏิบัติตามคำสั่งของฟิรเอานฺ และคำสั่งของฟิรเอานฺนั้นไม่เหมาะสม (๙๗ ) เขาจะนำหน้ากลุ่มชนของเขาในวันกียามะฮฺ(โลกหน้า) และนำพวกเขาลงในไฟนรก และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้าที่พวกเขาได้กลับไป (๙๘ ) และพวกเขาถูกติดตามด้วยการสาปแช่งในโลกนี้และวันกียามะฮฺ(โลกหน้า) มันเป็นการช่วยเหลือที่ชั่วช้า (๙๙ )

นั่นคือส่วนหนึ่งจากเรื่องราวของเมืองต่างๆที่เราได้บอกเล่ามันแก่เจ้า(มุหัมมัด) ส่วนหนึ่งของมันยังคงอยู่ และส่วนหนึ่งก็เสื่อมโทรมไปแล้ว(๑๐๐) และเรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่ว่าพวกเขาอธรรมต่อตัวเอง และบรรดาพระเจ้าของพวกเขาที่พวกเขาวิงวอนอื่นจากอัลลอฮฺนั้นไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่พวกเขาเลย เมื่อพระบัญชาของพระผู้อภิบาลของท่านได้มาถึง และพระเจ้าเหล่านั้นมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกเขานอกจากความพินาศ (๑๐๑ )"

( อัล-กุรอ่าน บท ฮูด 96-101)

         แน่นอน สัญญาณเตือนได้ปรากฏแล้ว ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกปิดบังให้มืดมิด ความแห้งแล้งได้ปกคลุม ความอดอยากยากลำบาก เศรษฐกิจถดถอย โรคร้ายต่างๆเพิ่มมากขึ้น โรคจิต โรคหัวใจ แผ่นดินไหวและอุทกภัย น้ำท่วม และอุบัติเหตุต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนและบททบทวน และความพินาศของกลุ่มชนในอดีตเช่นเดียวกัน ดั่งที่ได้ปรากฏไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ชนรุ่นเรา พระองค์อัลลอฮ ได้ทรงตรัสว่า

" และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ทำลายหมู่บ้านที่อธรรม และเราได้ให้หมู่ชนอื่นเกิดขึ้นมาแทน หลังจากนั้น " 

(อัล-อันบียาอฺ: ๑๑ )

      " และแต่ละคนเราได้ลงโทษด้วยความผิดของเขา เช่นบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ส่งลมพายุร้ายทำลายเขา และบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ลงโทษด้วยเสียงกัมปนาท และบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ให้แผ่นดินสูบเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ให้จมน้ำตาย และอัลลอฮมิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อพวกเขาเอง "

(อัล-อังกาบูต: ๔๐ )

        " และเช่นนี้แหละ คือการลงโทษของพระเจ้าของเจ้า เมื่อพระองค์ทรงลงโทษหมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อธรรม แท้จริงการลงโทษของพระองค์นั้นเจ็บแสบสาหัส (๑๐๒) แท้จริง ในการนั้นเป็นสัญญาณสำหรับผู้ที่กลัวการลงโทษในวันอาคีเราะห์(ในโลกหน้า) นั่นคือวันแห่งการรวบรวมปวงมนุษย์สำหรับพระองค์ และนั่นคือวันแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมพรั่ง"

 (อัล-กุรอ่าน บท ฮูด)

        " และมีชาวเมืองกี่มากน้อยแล้วที่ได้ฝ่าฝืนพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเขา และบรรดาศาสนทูตของพระองค์ แล้วเราก็ได้ชำระพวกเขาด้วยการชำระอย่างเข้มงวด และเราได้ลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอย่างหนัก (๘) ดังนั้นพวกเขาจึงได้ลิ้มรสผลร้ายแห่งกิจกรรมของพวกเขา และบั้นปลายแห่งกิจกรรมของพวกเขาคือการขาดทุนความหายนะ (๙) อัลลอฮทรงเตรียมการลงโทษอย่างหนักไว้สำหรับพวกเขาแล้ว ดังนั้นจงยำเกรงต่ออัลลอฮเถิด โอ้บรรดาผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย เพราะแน่นอนอัลลอฮได้ทรงประทานข้อเตือนสติ(อัล-กุรอ่าน)ลงมาให้แก่พวกเจ้าแล้ว(๑๐) "

(อัล-กุรอ่าน บท อัฏ-เฏาะลาก 8-10)

        บรรดาศาสนทูตทุกท่านที่พระองค์อัลลอฮ์ ส่งมาล้วนแล้วแต่ได้ตักเตือนผู้คนให้ห่างไกลจากความชั่วร้ายต่างๆ ท่านนบี ชุอัยบฺ ได้กล่าวแก่กลุ่มของท่านว่า

         " และโอ้กลุ่มชนของฉัน อย่าให้การแตกแยกของฉัน(จากการกระทำผิดของพวกท่าน) เพราะจะทำให้พวกท่านได้ประสบการลงโทษเช่นที่ได้ประสบแก่กลุ่มชนของนูหฺ(โนอา) หรือกลุ่มชนของฮูด หรือกลุ่มชนของซอและฮฺ และกลุ่มชนของลูฏ มิได้อยู่ห่างไกลจากพวกท่านเลย (๘๙) และพวกท่านจงขออภัยต่อพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ แท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงรักใคร่ (๙๐) "

(อัล-กุรอ่าน บท ฮูด)


        ท่านนบี มุหัมมัด   ก็ได้มาแนะนำและตักเตือนประชาชาติของท่านอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
 

         “คือบรรดาผู้ปฏิบัติตามร่อซูล ผู้เป็นนบี ที่เขียนอ่านไม่เป็นที่พวกเขา พบเขาถูกจารึกไว้ ณ ที่พวกเขา ทั้งในอัต-เตารอต และในอัล-อินญีล โดยที่เขา จะใช้พวกเขาให้กระทำในสิ่งที่ชอบและห้ามพวกเขามิให้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และจะอนุมัติให้แก่พวกเขาซึ่งสิ่งดีๆทั้งหลาย และจะให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่เลวทั้งหลาย และจะปลดเปลื้องออกจากพวกเขา ซึ่งภาระหนักของพวกเขาและห่วงคอที่ปรากฏอยู่บนพวกเขา ดังนั้นบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อเขา และให้ความสำคัญแก่เขาและช่วยเหลือเขา และปฏิบัติตามแสงสว่าง ที่ถูกประทานลงมาแก่เขาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่สำเร็จ”
 

(อัล-อะร็อฟ: ๑๕๗)

 

        และที่อันตรายอีกอย่างคือ การหลงใหลในความผิดโดยคาดหวังการให้อภัยจากอัลลอฮ์ ในสิ่งที่ตนกระทำโดยไม่มีความเสียใจหรือกลัวต่อโทษของบาปดังกล่าว หรือหวังในความใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์โดยที่ไม่ภักดีต่อพระองค์ และรอผลผลิตในสวรรค์ด้วยการปลูกสิ่งที่เป็นบาปในไฟนรก บางคนหวังในความเมตตาและหวังในความโปรดปรานของอัลลอฮอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้แสวงหาเหตุ ลืมไปว่าในเวลาเดียวกันพระองค์นั้นทรงลงโทษอย่างรุนแรง

         และการลงโทษของพระองค์นั้นจะไม่ถูกผลักออกจากหมู่ชนผู้กระทำผิด ดังนั้นให้คิดเถิดว่า การอดทนต่อการไม่ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำนั้นเบามาก ยิ่งกว่าการอดทนต่อการลงโทษของมัน และเลือกเอาความสุขที่มาก และถาวรกว่า ย่อมดีกว่าการยอมไปทำตามอารมณ์ใฝ่ต่ำที่ต้องรับโทษอย่างหนัก และเราทุกคนย่อมมีความบกพร่อง มีความผิด ดังนั้น ก็จงขออภัยโทษจากอัลลอฮฺ พระผู้ทรงรักต่อปวงบ่าว ผู้ทรงรักและอภัยแก่ผู้กลับเนื้อกลับตัวเสมอ

 

         " จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด) ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย...บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเอง พวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮ แท้จริงอัลลอฮทรงให้อภัยต่อความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ(๕๓) และจงผินหน้าไปหาพระผู้อภิบาลของของพวกท่านและจงนอบน้อมต่อพระองค์ ก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่าน แล้วพวกท่านจะไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ(๕๔)"

(อัล-กุรอ่าน บท อัซ-ซูมัรฺ)

         และจงหลบหลีกความชั่วร้ายโดยการเข้าหาศาสนา และจงยึดถือด้วยอัลกุรอ่านเเละอัซซุนนะฮฺ จงร่วมสมาคมกับคนดีๆ และจงระวังในการคบกับคนเลวๆ และจงอย่าเป็นคนที่เพ้อในความฝัน หรือความหวังที่ไม่เป็นจริง จงลุกขึ้นตื่น หนีออกจากแผนร้ายและกับดักของชัยฏอน และอย่าหมดหวังในการตักเตือนสังคมของท่านถึงแม้จะมีสิ่งที่ชั่วร้ายมากมายก็ตาม เพราะคนเรามักจะรักในความดีเป็นเรื่องธรรมดา และจงอดทนในการตักเตือนและเชิญชวนไปสู่ความดี เพื่อให้ผู้คนอยู่ร่วมกันในหนทางที่เที่ยงตรง เกิดความสุขความสงบในสังคม

" และพระผู้อภิบาลของเจ้าจะไม่ทรงทำลายหมู่บ้านโดยอยุติธรรม โดยที่ประชากรของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ฟื้นฟูทำความดี " 

 

(อัล-กุรอาน บท ฮูด: ๑๑๗)