โทษ ของ บาป (2)
โดย อับดุลบารีย์ นาปาเลน
แท้จริง ความชั่ว หากได้ซ่อนไว้ มันก็จะไม่เกิดโทษแก่ผู้ใด นอกจากให้โทษแก่เจ้าของมันเท่านั้น และหากมีการเปิดเผยแล้ว โดยที่ไม่มีการตักเตือนกัน แน่นอนมันจะให้โทษโดยรวมแก่สังคมทั้งหมด และบาปกรรมจะมีโทษหนัก หากเขาผู้นั้นกล้าที่จะเปิดเผย หรือเห็นว่ามันเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย หรือมีความปิติยินดีต่อมัน หรือไม่ปกปิดจากความชั่ว หลังจากที่อัลลอฮ ได้ปกปิดความชั่วให้แก่เขา
ท่านอิบนุ กอยยิม เคยได้กล่าวเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ทำบาปอย่างเปิดเผยไว้ว่า
"ผู้คนประเภทนี้ส่วนมากจะหนีไม่พ้นจากความหายนะ โดยส่วนมากหนทางที่จะกลับเนื้อกลับตัวได้ถูกปิดกั้น และประตูกถูกปิด"
ดังที่ท่านนบี มุหัมมัด ได้กล่าวว่า
" ประชาชาติของฉันทุกคนจะถูกให้อภัย ยกเว้นผู้ที่กระทำชั่วอย่างเปิดเผย "
(รายงานโดย บุคอรีย์และมุสลิม) (หนังสือ อัล-ญาวาบุลกาฟียฺ: ๕๗)
ท่านอิบนุ ฮาญัรฺ ได้กล่าวว่า
"ความหายนะจะมาปกคลุมทั้งหมด ก็ต่อเมื่อมีความชั่วเกิดขึ้นอย่างชัดแจ้ง และมีการฝ่าฝืนกฏของอัลลอฮอย่างเปิดเผย "
(ฟัตฮุลบารีย์: ๑๓/๑๑๗)
♦- บางคนได้วางสัญลักษณ์แห่งความชั่วไว้บนหลังคาเรือนด้วยการติดตั้งจานดำ โดยไม่ระวังจากอันตรายของมัน ปล่อยให้รับความชั่วนานาชนิดที่มีอยู่ในโลกแก่เขา และได้ทำลายความศรัทธาของเขาและครอบครัว
♦- บางคนกล้ารับดอกเบี้ยอย่างเปิดเผย โดยมิได้หวั่นเกรงจากพิษภัยของมัน แล้วป้อนมันให้แก่ลูกๆได้รับประทาน และความสกปรกก็ได้ฟุ้งกระจายไปสู่สังคมของพวกเขา
♦- บางคนในสังคมได้ชี้ให้เห็นถึงความทรมาน อันเนื่องมาจากร่องรอยจากการถูกรังแก จากนักไสยศาสตร์และนักเวทมนต์
♦- ปรากฏมีคนจำนวนน้อยมากที่มาละหมาดตามสุเหร่า แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของบรรดาผู้ปกครองต่อการอบรมดูแลลูกๆของพวกเขา แต่กลับแสวงหาความชั่วร้ายเข้ามายังบ้านของพวกเขาอีก ชัยฏอน มารร้ายก็เข้ามาช่วยเสริมทัพ ชักจูงพวกเขาด้วยเสียงเพลงเสียงดนตรี
♦- สตรีบางคนก็ออกนอกบ้านโดยที่ไม่มีเหตุใดๆ บวกกับความประเจิดประเจ้อ ถอดอาภรณ์แห่งความละอายและความน่ายำเกรงออกไป นางเหล่านั้นไม่คำนึงถึงวีรสตรีในอดีตดอกหรือ
ที่ท่าน อิบนุลอารอบียฺ ได้เล่าถึงสภาพสตรีในเมืองนาบลิส ว่า
" แน่แท้ ฉันได้เคยอาศัยในเมืองนี้เป็นเวลาหลายเดือน แล้วฉันก็มิเคยมองเห็นสตรีสักคนที่จะมีให้เดินไปตามท้องถนนเลยในเวลากลางวัน นอกจากในวันศุกร์วันเดียว ที่พวกนางจะออกไปทำการละหมาดวันศุกร์โดยเต็มในที่สุเหร่าของนาง เมื่อละหมาดเสร็จ พวกนางก็รีบเดินกลับมายังที่บ้านของนาง แล้วฉันก็ไม่เจอสตรีใดๆ อีกเลย จนกระทั่งไปถึงอีกศุกร์หนึ่ง"
(อะหฺกามุลกุรอ่าน: ๑/๓๗๖)
แท้จริง ผลร้ายของผู้ที่กระทำบาป ส่งผลกระทบมายังต้นไม้ หรือ สัตว์ และสิ่งต่างๆด้วย ท่านนบี ได้กล่าวว่า
" และแท้จริงคนดีๆ หากได้ตายไป เขาก็จะสบายจากความลำบากในโลกดุนยา
ส่วนคนเลวหากได้ตายจากไป บรรดาปวงบ่าว และสัตว์ และต้นไม้ก็จะปลอดภัยจากความชั่วร้ายของเขา "
(รายงานโดยมุสลิม )
แท้จริง ความชั่วนั้นมิได้หมายถึงการกระทำในสิ่งที่ต้องห้ามเพียงอย่างเดียว แน่นอน การละทิ้งคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺนั้นก็ถือว่าเป็นบาป หากผู้ศรัทธาได้ละเลยการเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ หรือละเลยการสั่งใช้ให้ทำความดีและห้ามปรามมิให้ทำความชั่ว หรือผู้เป็นบิดาไม่ใส่ใจในการดูแลครอบครัว ทั้งหมดนั้นก็ถือว่าเป็นบาป และผู้ใดที่ไม่ได้รุดหน้าด้วยการปฏิบัติตามคำสั่ง เขาก็จะตกเป็นผู้ล้าหลังด้วยความบกพร่องในการงาน
"สำหรับผู้ที่ประสงค์ในหมู่พวกเจ้าจะรุดหน้า(ด้วยการทำความดี) หรือจะรั้งท้าย(เพื่อทำความชั่ว) "
(อัล-มุดดัศศิร: ๓๗ )
บทลงโทษของบาปกรรมนั้น มิได้สิ้นสุดในโลกนี้เท่านั้น แน่นอน มันจะต้องโดนอีกในโลกหน้า
" ส่วนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น ข้าจะลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรงทั้งในโลกนี้และปรโลก และพวกเขาจะไม่พบกับการช่วยเหลือใดๆ"
( อาละอิมรอน: ๕๖)
ฟาโรห์ ที่ได้วางตนเองเป็นพระเจ้า ก็ต้องนำหน้ากลุ่มชนของเขาลงนรกในที่สุด
" และโดยแน่นอนเราได้ส่งมูซา มาพร้อมด้วยสัญญาณต่างๆของเรา และด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง (๙๖ ) ไปยังฟิรเอานฺ(ฟาโรห์)และบรรดาบุคคลชั้นนำของเขา แต่พวกเขากลับได้ปฏิบัติตามคำสั่งของฟิรเอานฺ และคำสั่งของฟิรเอานฺนั้นไม่เหมาะสม (๙๗ ) เขาจะนำหน้ากลุ่มชนของเขาในวันกียามะฮฺ(โลกหน้า) และนำพวกเขาลงในไฟนรก และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้าที่พวกเขาได้กลับไป (๙๘ ) และพวกเขาถูกติดตามด้วยการสาปแช่งในโลกนี้และวันกียามะฮฺ(โลกหน้า) มันเป็นการช่วยเหลือที่ชั่วช้า (๙๙ )
นั่นคือส่วนหนึ่งจากเรื่องราวของเมืองต่างๆที่เราได้บอกเล่ามันแก่เจ้า(มุหัมมัด) ส่วนหนึ่งของมันยังคงอยู่ และส่วนหนึ่งก็เสื่อมโทรมไปแล้ว(๑๐๐) และเรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่ว่าพวกเขาอธรรมต่อตัวเอง และบรรดาพระเจ้าของพวกเขาที่พวกเขาวิงวอนอื่นจากอัลลอฮฺนั้นไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่พวกเขาเลย เมื่อพระบัญชาของพระผู้อภิบาลของท่านได้มาถึง และพระเจ้าเหล่านั้นมิได้เพิ่มอันใดแก่พวกเขานอกจากความพินาศ (๑๐๑ )"
( อัล-กุรอ่าน บท ฮูด 96-101)
แน่นอน สัญญาณเตือนได้ปรากฏแล้ว ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกปิดบังให้มืดมิด ความแห้งแล้งได้ปกคลุม ความอดอยากยากลำบาก เศรษฐกิจถดถอย โรคร้ายต่างๆเพิ่มมากขึ้น โรคจิต โรคหัวใจ แผ่นดินไหวและอุทกภัย น้ำท่วม และอุบัติเหตุต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนและบททบทวน และความพินาศของกลุ่มชนในอดีตเช่นเดียวกัน ดั่งที่ได้ปรากฏไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ชนรุ่นเรา พระองค์อัลลอฮ ได้ทรงตรัสว่า
" และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ทำลายหมู่บ้านที่อธรรม และเราได้ให้หมู่ชนอื่นเกิดขึ้นมาแทน หลังจากนั้น "
(อัล-อันบียาอฺ: ๑๑ )
" และแต่ละคนเราได้ลงโทษด้วยความผิดของเขา เช่นบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ส่งลมพายุร้ายทำลายเขา และบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ลงโทษด้วยเสียงกัมปนาท และบางคนในหมู่พวกเขาเราได้ให้แผ่นดินสูบเขา และบางคนในหมู่พวกเขา เราได้ให้จมน้ำตาย และอัลลอฮมิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อพวกเขาเอง "
(อัล-อังกาบูต: ๔๐ )
" และเช่นนี้แหละ คือการลงโทษของพระเจ้าของเจ้า เมื่อพระองค์ทรงลงโทษหมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อธรรม แท้จริงการลงโทษของพระองค์นั้นเจ็บแสบสาหัส (๑๐๒) แท้จริง ในการนั้นเป็นสัญญาณสำหรับผู้ที่กลัวการลงโทษในวันอาคีเราะห์(ในโลกหน้า) นั่นคือวันแห่งการรวบรวมปวงมนุษย์สำหรับพระองค์ และนั่นคือวันแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมพรั่ง"
(อัล-กุรอ่าน บท ฮูด)
" และมีชาวเมืองกี่มากน้อยแล้วที่ได้ฝ่าฝืนพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเขา และบรรดาศาสนทูตของพระองค์ แล้วเราก็ได้ชำระพวกเขาด้วยการชำระอย่างเข้มงวด และเราได้ลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอย่างหนัก (๘) ดังนั้นพวกเขาจึงได้ลิ้มรสผลร้ายแห่งกิจกรรมของพวกเขา และบั้นปลายแห่งกิจกรรมของพวกเขาคือการขาดทุนความหายนะ (๙) อัลลอฮทรงเตรียมการลงโทษอย่างหนักไว้สำหรับพวกเขาแล้ว ดังนั้นจงยำเกรงต่ออัลลอฮเถิด โอ้บรรดาผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย เพราะแน่นอนอัลลอฮได้ทรงประทานข้อเตือนสติ(อัล-กุรอ่าน)ลงมาให้แก่พวกเจ้าแล้ว(๑๐) "
(อัล-กุรอ่าน บท อัฏ-เฏาะลาก 8-10)
บรรดาศาสนทูตทุกท่านที่พระองค์อัลลอฮ์ ส่งมาล้วนแล้วแต่ได้ตักเตือนผู้คนให้ห่างไกลจากความชั่วร้ายต่างๆ ท่านนบี ชุอัยบฺ ได้กล่าวแก่กลุ่มของท่านว่า
" และโอ้กลุ่มชนของฉัน อย่าให้การแตกแยกของฉัน(จากการกระทำผิดของพวกท่าน) เพราะจะทำให้พวกท่านได้ประสบการลงโทษเช่นที่ได้ประสบแก่กลุ่มชนของนูหฺ(โนอา) หรือกลุ่มชนของฮูด หรือกลุ่มชนของซอและฮฺ และกลุ่มชนของลูฏ มิได้อยู่ห่างไกลจากพวกท่านเลย (๘๙) และพวกท่านจงขออภัยต่อพระเจ้าของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ แท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงรักใคร่ (๙๐) "
(อัล-กุรอ่าน บท ฮูด)
ท่านนบี มุหัมมัด ก็ได้มาแนะนำและตักเตือนประชาชาติของท่านอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
“คือบรรดาผู้ปฏิบัติตามร่อซูล ผู้เป็นนบี ที่เขียนอ่านไม่เป็นที่พวกเขา พบเขาถูกจารึกไว้ ณ ที่พวกเขา ทั้งในอัต-เตารอต และในอัล-อินญีล โดยที่เขา จะใช้พวกเขาให้กระทำในสิ่งที่ชอบและห้ามพวกเขามิให้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และจะอนุมัติให้แก่พวกเขาซึ่งสิ่งดีๆทั้งหลาย และจะให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่เลวทั้งหลาย และจะปลดเปลื้องออกจากพวกเขา ซึ่งภาระหนักของพวกเขาและห่วงคอที่ปรากฏอยู่บนพวกเขา ดังนั้นบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อเขา และให้ความสำคัญแก่เขาและช่วยเหลือเขา และปฏิบัติตามแสงสว่าง ที่ถูกประทานลงมาแก่เขาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละคือบรรดาผู้ที่สำเร็จ”
(อัล-อะร็อฟ: ๑๕๗)
และที่อันตรายอีกอย่างคือ การหลงใหลในความผิดโดยคาดหวังการให้อภัยจากอัลลอฮ์ ในสิ่งที่ตนกระทำโดยไม่มีความเสียใจหรือกลัวต่อโทษของบาปดังกล่าว หรือหวังในความใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์โดยที่ไม่ภักดีต่อพระองค์ และรอผลผลิตในสวรรค์ด้วยการปลูกสิ่งที่เป็นบาปในไฟนรก บางคนหวังในความเมตตาและหวังในความโปรดปรานของอัลลอฮอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้แสวงหาเหตุ ลืมไปว่าในเวลาเดียวกันพระองค์นั้นทรงลงโทษอย่างรุนแรง
และการลงโทษของพระองค์นั้นจะไม่ถูกผลักออกจากหมู่ชนผู้กระทำผิด ดังนั้นให้คิดเถิดว่า การอดทนต่อการไม่ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำนั้นเบามาก ยิ่งกว่าการอดทนต่อการลงโทษของมัน และเลือกเอาความสุขที่มาก และถาวรกว่า ย่อมดีกว่าการยอมไปทำตามอารมณ์ใฝ่ต่ำที่ต้องรับโทษอย่างหนัก และเราทุกคนย่อมมีความบกพร่อง มีความผิด ดังนั้น ก็จงขออภัยโทษจากอัลลอฮฺ พระผู้ทรงรักต่อปวงบ่าว ผู้ทรงรักและอภัยแก่ผู้กลับเนื้อกลับตัวเสมอ
" จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด) ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย...บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเอง พวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮ แท้จริงอัลลอฮทรงให้อภัยต่อความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ(๕๓) และจงผินหน้าไปหาพระผู้อภิบาลของของพวกท่านและจงนอบน้อมต่อพระองค์ ก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่าน แล้วพวกท่านจะไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ(๕๔)"
(อัล-กุรอ่าน บท อัซ-ซูมัรฺ)
และจงหลบหลีกความชั่วร้ายโดยการเข้าหาศาสนา และจงยึดถือด้วยอัลกุรอ่านเเละอัซซุนนะฮฺ จงร่วมสมาคมกับคนดีๆ และจงระวังในการคบกับคนเลวๆ และจงอย่าเป็นคนที่เพ้อในความฝัน หรือความหวังที่ไม่เป็นจริง จงลุกขึ้นตื่น หนีออกจากแผนร้ายและกับดักของชัยฏอน และอย่าหมดหวังในการตักเตือนสังคมของท่านถึงแม้จะมีสิ่งที่ชั่วร้ายมากมายก็ตาม เพราะคนเรามักจะรักในความดีเป็นเรื่องธรรมดา และจงอดทนในการตักเตือนและเชิญชวนไปสู่ความดี เพื่อให้ผู้คนอยู่ร่วมกันในหนทางที่เที่ยงตรง เกิดความสุขความสงบในสังคม
" และพระผู้อภิบาลของเจ้าจะไม่ทรงทำลายหมู่บ้านโดยอยุติธรรม โดยที่ประชากรของหมู่บ้านนั้นเป็นผู้ฟื้นฟูทำความดี "
(อัล-กุรอาน บท ฮูด: ๑๑๗)