โทษของบาป
  จำนวนคนเข้าชม  6038

 

โทษของบาป 

 

 

โดย อับดุลบารีย์ นาปาเลน


 

        ความจริงของชีวิต คือ ชีวิตแห่งจิตวิญญาณ และบรรดาผู้ศรัทธานั้น จะมีชีวิตชีวาก็ด้วยกับการศรัทธาและการดำรงตนอยู่ในอีหม่านของพวกเขา ส่วนผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้นคือผู้ที่ไร้ซึ่งชีวิต เนื่องด้วยกับการปฏิเสธและห่างไกลจากการอีหม่าน ดั่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสว่า

 

         “ และผู้ที่ตายแล้ว แล้วเราได้ให้เขามีชีวิตขึ้น และเราได้ให้แสงสว่างแก่เขา ซึ่งเขาใช้แสงสว่างนั้น เดินออกไปในหมู่มนุษย์ จะเหมือนกับผู้ที่อุปมาของเขา ซึ่งได้อยู่ในบรรดาความมืด โดยที่มิใช่เป็นผู้ที่จะออกมาจากบรรดาความมืดเหล่านั้นได้ กระนั้นหรือ? ในทำนองนั้นแหละ ได้ถูกประดับประดาให้สวยงาม แก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย ซึ่งสิ่งที่พวกเขากระทำกันอยู่ “ 
 

( อัล-อันอาม: ๑๒๒)
 

" พวกเขาตายโดยปราศจากชีวิต และพวกเขาไม่รู้ด้วยว่า เมื่อใดจะถูกให้ฟื้นขึ้นมาอีก" 
 

(อันนะหฺลฺ: ๒๑)

 

         อายุขัยของมนุษย์นั้นขึ้นอยู่กับอัลลอฮ์  หากผู้ใดที่หนีห่างจากพระองค์ และหมกมุ่นอยู่กับการกระทำบาป ได้หมดเวลาหรือเสียเวลาไปกับมัน พวกเขาจะต้องเสียใจในวันข้างหน้า วันที่พวกเขาจะกล่าวว่า


" เขาจะกล่าวว่า โอ้..(แน่แท้)..ฉันน่าจะกระทำความดีไว้ล่วงหน้า สำหรับชีวิตของฉัน
 

( อัล-ฟัจญ์รฺ: ๒๔) 
 

         ผู้ที่พลาดพลั้งไปกระทำบาป เขาก็ได้ทำลายความดีงามของเขาในโลกนี้และโลกหน้าไปอย่างมากมาย แทนที่เขาจะได้รับแต่ความสุขสบาย ความสนุกสนานสำราญในโลกทั้งสอง แต่ครั้นจะต้องประสบกับ ความอับโชค ความทุกข์ ความเจ็บปวด ทั้งหมดทั้งหลายนั้น ย่อมได้แก่ผู้ที่ไม่พอใจต่อพระผู้อภิบาลของเขา ซ้ำยังทำให้ตัวเองเปรอะเปื้อน ด้วยกับการฝ่าฝืนต่ออัลลอฮ์  และแสวงหาแต่บาปกรรม
 

" และผู้ใดละเมิดข้อกำหนดของอัลลอฮ แน่นอนเขาก็ได้อธรรมต่อตัวของเขาเอง" 
 

(อัฏ-ฏอลาก: ๑)

 

          เเน่นอน บาปกรรมนั้นก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ และผลร้ายของมันนั้น ปรากฏให้เห็นเด่นชัดในสังคม มันเป็นสิ่งที่ดึงดูดความชั่วร้าย,ภัยพาล และปัญหาต่างๆเข้ามา และเป็นสาเหตุที่จะมาลบล้างความดีงามต่างๆ ทำให้เกิดเหตุเภทภัยขึ้นติดต่อกัน

 

          ด้วยกับบาปกรรมนั้นจะทำให้ผู้กระทำได้รับความลำบากในกิจการต่างๆ แม้ว่าเขาจะพยายามแสวงหาความดี แต่กลับเห็นว่าประตูแห่งความดีนั้นถูกปิดลงให้แก่เขา ปัจจัยจากฟากฟ้าทั้งหลายจะถูกห้าม และความมีสิริมงคลในชีวิตของเขาก็จะถูกลบออก จะพบแต่กับการตำหนิของผู้คนหลังจากที่เขาเคยได้รับสรรเสริญมาก่อน

 

" เเละอัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์เมืองหนึ่ง ซึ่งเคยปลอดภัยและสงบ ปัจจัยยังชีพของมันมีมาอย่างอุดมสมบูรณ์ทุกแห่งหน

แต่แล้วมันก็ปฏิเสธต่อความโปรดปราณของอัลลอฮฺ ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงให้มันลิ้มรสความรู้สึกหิวและความกลัว ดั่งที่พวกเขาเคยกระทำไว้ " 
 

(อัน-นะหฺลู: ๑๑๒ ) 

          แท้จริง การภักดีต่ออัลลอฮนั้นเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง ผู้ใดที่ได้เข้าไปในนั้น เขาก็จะได้รับความปลอดภัย แต่ผู้ใดที่ฝ่าฝืน ก็จะเปลี่ยนไปพบกับความน่ากลัว จิตใจมีแต่ความโหดร้าย ผู้คนต่างก็หลีกห่าง และทุกๆจำเริญก็จะหนีห่างไปด้วย ความเข้มแข็งที่แท้จริงนั้น อยู่ที่การภักดีต่ออัลลอฮ์  เท่านั้น

" ผู้ใดต้องการอำนาจ ดังนั้น อำนาจทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ " 

( ฟาฏิร: ๑๐)

          และชีวิตหนึ่งจะมีเกียรติและสูงส่งด้วยกับการภักดีต่ออัลลอฮ์  แต่ถ้าหากฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ ความตกต่ำก็จะอยู่ล้อมรอบเขา ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะแสดงถึงท่าทีมีอำนาจก็ตาม

 " เเท้จริงบรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนอัลลอฮ และศาสนทูตของพระองค์ ชนเหล่านั้นอยู่ในหมู่ผู้อัปยศอดสู" 

(อัล-มูญาดาละหฺ: ๒๐)

ท่านนบี  ได้กล่าวว่า:

" ความอัปยศและความต่ำต้อย จะมีแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนฉัน" 

(รายงานโดยบุคอรีย์ อีหม่ามอะหฺมัด) 

         ความลามก และการซินา(ผิดประเวณี) จะไม่แพร่หลายในกลุ่มชนใด นอกจากอัลลอฮจะให้โรคร้ายระบาดขึ้นในกลุ่มชนนั้น และเราก็เห็นแล้วว่าโรคเอดส์(HIV) ที่ปรากฏ ซึ่งมาจากสาเหตุดังกล่าวโดยตรง โรคร้ายใดๆในโลก ล้วนแล้วเกิดมาจากบาปที่กระทำและการดื้อดึงของปวงบ่าว พระองค์อัลลอฮ์  ตรัสความว่า

" และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายไว้ และพระองค์ทรงอภัยให้มากต่อมากแล้ว " 

( อัช-ชูรอ: ๓๐) 


          เคราะห์กรรมของผู้ที่กระทำบาป พวกเขาหนีไม่พ้นจากการตอบแทน ส่วนมารร้ายนั้นก็ยังมาเปรอะเปื้อนความสกปรกแห่งความชั่วให้แก่พวกเขาอยู่วันยังค่ำ นั่นก็ยังมีผู้คนที่หลงใหลในความชั่วของตัวเอง ถึงแม้พวกเขาไม่ได้เห็นร่องรอยของมันในทันทีทันใด แต่อาจจะเกิดร่องรอยของมันในเวลาต่อมา โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคือบาปที่ตนได้กระทำเอาไว้มาก่อน พระองค์ทรงตรัสว่า

" ผู้ใดที่กระทำชั่ว เขาก็ถูกตอบแทนด้วยความชั่วนั้น และเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใดๆสำหรับเขานอกจากอัลลอฮ " 

(อันนิสาอฺ: ๑๒๓) 

 

          แน่นอน อิบลีส ที่ได้ถูกขับไล่ให้ออกจากสถานที่สูงส่ง ก็เพราะการฝ่าฝืนพระองค์เพียงครั้งเดียว ด้วยกับการที่ไม่ยอมจำนนในการให้เคารพต่ออาดัม เเละอาดัมได้ออกจากสวรรค์ ก็เพราะการกินผลไม้ต้องห้ามเพียงครั้งเดียว สตรีที่ต้องตกนรกก็เพราะด้วยแมวตัวหนึ่งที่นางได้ขังมัน ส่วนกอรูนที่เดินลากชายเสื้อของเขาด้วยความยิ่งยโส ก็ถูกธรณีสูบลึกลงไปจนกระทั่งถึงวันสิ้นโลก 


         ดังนั้น จงระวังจากบาปกรรมและจงอย่าประมาทจากการลงโทษ หากผู้ใดที่ไม่หวั่นเกรงจากบาป นั่นคือเครื่องหมายแห่งความพินาศที่จะมาหา และหากยิ่งได้มองว่าบาปนั้นเป็นสิ่งที่เล็กน้อยก็จะยิ่งเพิ่มความอันตรายของภัยพิบัติ ณ ที่อัลลอฮ์  จงอย่าดูถูกในบาปกรรมอันน้อยนิด เพราะมันจะรวมตัวจนใหญ่ขึ้นจนสร้างความพินาศให้เขาในที่สุด

 ท่านอานัส บิน มาลิก ได้กล่าวว่า

" พวกท่านทั้งหลายได้กระทำสิ่งต่างๆไว้ โดยที่พวกท่านได้เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งเล็กกว่าเส้นผม

และแน่แท้ ในยุคของท่านนบี  นั้น เราได้ถือว่ามันเป็นสิ่งที่อันตราย " 

(รายงายโดย อัล-บุคอรียฺ) 

 

เมื่อความตายได้มาหาท่าน มุหัมมัด อิบนู มุนกะดิรฺ ท่านก็ร้องไห้ จึงมีคนถามท่านว่า “ท่านร้องไห้เนื่องด้วยเหตุอันใด” 

        ท่านก็ได้ตอบว่า " ฉันมิได้ร้องไห้เพราะเสียใจต่อบาปที่ฉันได้กล้าฝ่าฝืนต่ออัลลอฮหรอก แต่ฉันเสียใจเพราะกลัวว่า บาปที่ฉันได้เคยขวนขวายไว้นั้น ฉันอาจจะมองว่ามันเป็นสิ่งที่เล็กน้อย แต่ ณ ที่อัลลอฮนั้น มันกลับเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ " 

 

เพราะอัลลอฮ์   ได้กล่าวว่า

 
“แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่มาจากอัลลอฮฺนั้น จะปรากฏขึ้นแก่พวกเขา

และความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ ก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา

และสิ่งที่พวกเขาได้เคยเยาะเย้ยไว้นั้น ก็ห้อมล้อมพวกเขา “ 

(อัซ-ซูมัรฺ: 47-48 )