นรกอัลหุฏอมะห์ นรกของผู้นินทา
  จำนวนคนเข้าชม  20768

 

นรกอัลหุฏอมะห์ นรกของผู้นินทา

 

โดย … ชุโก๊ร ดาณีสมัน

 

          อิสลามได้สอนให้เราออกห่างจากบาปทั้งหลาย โดยเฉพาะที่เป็นบาปใหญ่ และเป็นที่รู้กันดีว่า การนินทา ใส่ร้ายนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในบาปใหญ่ ที่มีหลักฐานกล่าวห้ามไว้อย่างมากมาย แต่กระนั้นก็ตามเราก็ยังได้เห็นผู้มีความรู้เรื่องศาสนา ไม่สามารถยับยั้งตนเองให้ออกห่างจากบาปที่น่ารังเกียจอันนี้ได้   "นรกอัลหุฏอมะห์" มันคือนรกที่อัลลอฮฺทรงเตรียมไว้ให้กับผู้ที่ นินทา ใส่ร้ายผู้อื่น
 

อัลลอฮ์ ตรัสความว่า


﴿ ۞أَلَمۡ يَأۡنِ لِلَّذِينَ ءَامَنُوٓاْ أَن تَخۡشَعَ قُلُوبُهُمۡ لِذِكۡرِ ٱللَّهِ وَمَا نَزَلَ مِنَ ٱلۡحَقِّ وَلَا يَكُونُواْ كَٱلَّذِينَ أُوتُواْ ٱلۡكِتَٰبَ مِن قَبۡلُ فَطَالَ عَلَيۡهِمُ ٱلۡأَمَدُ فَقَسَتۡ قُلُوبُهُمۡۖ وَكَثِيرٞ مِّنۡهُمۡ فَٰسِقُونَ ١٦ ﴾ [الحديد: ١٦]

          "ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา ที่หัวใจของพวกเขาจะนอบน้อมต่อการรำลึกถึงอัลลอฮฺ และรำลึกถึงความจริงที่ได้ประทานลงมา และพวกเขาอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์มาแต่ก่อนนี้(พวกยิว) แล้วช่วงเวลาได้เนิ่นนานเกินไปแก่พวกเขา ดังนั้นจิตใจของพวกเขาจึงแข็งกระด้างและส่วนมากของพวกเขาจึงเป็นผู้ฝ่าฝืน"
 

(ซูเราะห์อัลหะดีด อายะห์ที่ 16)

 

         อายะห์นี้ อัลลอฮ์ ได้กล่าวตำหนิผู้ที่มีความรู้ที่ไม่ปฏิบัติตามความรู้ที่เขาได้เรียนมา และปล่อยให้หัวใจแข็งกระด้างไม่นอบน้อมต่อหลักฐาน เหมือนพวกยิวที่รู้ทั้งรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่เนื่องจากเวลาที่เนิ่นนาน ทำให้พวกเขาไม่สนใจในหลักคำสอน  ฉะนั้นเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าอัลลอฮ์ ทรงใช้อะไร ทรงห้ามอะไรก็ควรต้องปฏิบัติตาม อย่าปล่อยให้หัวใจมืดบอด เหมือนพวกยิวที่รู้แล้วไม่ปฏิบัติ

 

         พวกเราทุกคนได้เรียนรู้แล้วว่า อิสลามได้สอนให้เรามีความตักวา(ยำเกรง)ต่ออัลลอฮฺ  บรรดานบี  ก็ได้สอนให้กลุ่มชนของเขามีความตักวา(ยำเกรง) และต่างก็พูดเป็นคำเดียวกันว่า

 

﴿ أَلَا تَتَّقُونَ ١٠٦ ﴾     "ทำไมพวกเจ้าไม่มีความยำเกรงกันบ้าง !"

 

         ดังที่อัลลอฮฺ  ได้กล่าวถึงนบีนัวฮฺ ที่ได้กล่าวคำนี้แก่กลุ่มชนของเขา ในซูเราะห์อัชชุอารออฺ อายะห์ที่ 106, นบีฮูด อายะห์ที่ 124, นบีซอและห์ อายะห์ที่ 142, นบีลูต อายะห์ที่ 161, นบีชุเอบ อายะห์ที่ 177, และนบีอิลยาสในซูเราะห์อัซซอฟฟาต อายะห์ที่ 124, การตักวา(ยำเกรง)นั้น หมายถึงการสร้างเกราะป้องกันระหว่างเราและระหว่างการลงโทษของอัลลอฮฺ  ไม่ว่าจะด้วยการทำความดีต่างๆ หรือด้วยการยับยั้งจากสิ่งที่ชั่ว เลวทรามต่างๆ 

 

ท่านอาลีบินอบีตอเล็บ(ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้ให้ความหมายของคำว่าตักวา(ยำเกรง)ว่า:

        "คือ การเกรงกลัวต่ออัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง, การปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมา, การพอใจกับสิ่งน้อยนิดบนโลกดุนยา, และการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันที่เราจะต้องกลับไปหาอัลลอฮฺ"

         ทีนี้ลองมาถามตัวเองดูว่า: ทำไมถึงไม่ยำเกรงอัลลอฮฺ  ด้วยการออกห่างจากการนินทา และการใส่ร้ายคนอื่น ทั้งๆ ที่อัลลอฮฺได้ทรงเปรียบการนินทาเหมือนการกินเลือดเนื้อพี่น้องมุสลิมกันเองที่ตายไปแล้ว ดังที่พระองค์ ตรัสไว้ในซูเราะห์อัลหุญุรอต อายะห์ที่ 12 ว่า:



﴿ وَلَا يَغۡتَب بَّعۡضُكُم بَعۡضًاۚ أَيُحِبُّ أَحَدُكُمۡ أَن يَأۡكُلَ لَحۡمَ أَخِيهِ مَيۡتٗا فَكَرِهۡتُمُوهُۚ ١٢ ﴾ [الحجرات: ١٢]

"และพวกเจ้าอย่าได้นินทาซึ่งกันและกัน คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ? แน่นอนพวกเจ้าย่อมเกลียดมัน"

          ดังนั้น เมื่อเราเกลียดการกินเลือดเนื้อพี่น้องมุสลิมที่ตายไปแล้ว เราก็จงเกลียดการนินทา เหมือนที่เราเกลียดการกินเลือดเนื้อพี่น้องมุสลิม, และอัลลอฮ์  ทรงกล่าวต่อไปว่า ทางที่จะออกห่างจากความชั่วอันนี้คือ การมีความตักวา(ยำเกรง) พระองค์ตรัสว่า:


وَٱتَّقُواْ ٱللَّهَۚ     "และพวกเจ้าทั้งหลายจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ"

และเนื่องจากการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นบาปที่จะต้อง เตาบัตตัว พระองค์จึงทรงกล่าวลงท้ายอายะห์นี้ว่า:


إِنَّ ٱللَّهَ تَوَّابٞ رَّحِيمٞ     "แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ"

        ผู้ที่รู้แล้วทั้งหลาย หลังจากที่ทราบหลักฐานต่างๆ เราจะเข้าใกล้การกระทำที่อัลลอฮฺ  ได้สั่งให้ท่านนบี  ออกห่างกระนั้นหรือ ? พระองค์ทรงกล่าวแก่ท่านนบี  ว่า:

﴿ وَلَا تُطِعۡ كُلَّ حَلَّافٖ مَّهِينٍ ١٠ هَمَّازٖ مَّشَّآءِۢ بِنَمِيمٖ ١١ ﴾ [القلم: ١٠، ١١]

"และเจ้าอย่าได้เชื่อฟังผู้ปฏิบัติตามทุกคนที่เป็นนักสาบานที่ต่ำช้า ผู้ที่นินทาตะเวนใส่ร้ายผู้อื่น"

         คำว่า  هَمَّازٖ  ท่านอับดุลลอฮฺอิบนุอับบาส(ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ) ได้กล่าวว่า หมายถึงการนินทา ทั้งความหายนะ และหุบเขาในนรก ก็ได้ถูกเตรียมไว้ให้กับผู้ที่นินทาใส่ร้าย อัลลอฮฺ  ตรัสว่า:


﴿ وَيۡلٞ لِّكُلِّ هُمَزَةٖ لُّمَزَةٍ ١ ﴾ [الهمزة: ١]    "ความหายนะจงประสบแด่ทุกผู้นินทา ใส่ร้ายผู้อื่น"

          คำว่า  وَيۡل  นอกจากจะหมายความถึงความหายนะแล้ว ยังหมายถึงการลงโทษ ความพินาศ ภัยพิบัติ และก็ยังหมายถึงหุบเขาในนรกญะฮันนัมอีก  ฉะนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ยังชอบอีกหรือที่จะให้สิ่งเหล่านี้มาประสบกับพวกเรา แน่นอนย่อมไม่มีใครต้องการ แล้วทำไมยังปล่อยให้ไชยตอนมาชักจูงเราทั้งๆที่เราไม่ต้องการ

        ซูเราะห์อัลฮุมะซะห์ เป็นซูเราะห์ที่พวกเราทุกคนท่องจำกันอย่างดี แต่จะมีซักกี่คนที่ท่องจำ พร้อมเข้าใจความหมาย และนำมาสู่การปฏิบัติ แต่เนื่องจากพวกเราลืมเป้าหมายหลักที่อัลกุรอานประทานลงมาเพื่อการใคร่ครวญ และลืมสิ่งที่อัลลอฮฺ  ทรงเตรียมไว้ให้ในโลกอาคีเราะห์ อัลลอฮฺ ตรัสความว่า:

"เปล่าเลย แต่ว่าพวกเจ้ารักการมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยานี้ และพวกเจ้าได้ละทิ้งวันอาคีเราะห์ (วันกิยามะห์)"

          หากว่าใครยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "นินทา" แท้จริงท่านนบี  ได้สอนบรรดาสาวกของท่านด้วยการตั้งคำถามให้คิด 

ท่านได้กล่าวว่า: "พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า การนินทานั้นคืออะไร?

บรรดาสาวกของท่านได้ตอบว่า: "อัลลอฮฺและร่อซู้ลของพระองค์ทรงรู้ดียิ่ง"

ท่านนบี  จึงได้ตอบว่า: "การนินทานั้นคือ การที่คุณพูดถึงพี่น้องมุสลิมในสิ่งที่คนๆนั้นไม่ชอบให้พูดถึง"

มีคนถามท่านนบี  ว่า: "หากว่าสิ่งที่เราเอามาพูด(นินทา)นั้นเป็นเรื่องจริงล่ะ?

ท่านนบี  ได้ตอบว่า: "หากว่าเป็นเรื่องจริงก็แสดงว่าคุณได้นินทาเขาแล้ว, แต่หากว่าไม่ใช่เรื่องจริงก็แสดงว่าคุณได้ใส่ร้ายเขา" 

(หะดีษนี้รายงานโดยอีหม่ามมุสลิม).

และการใส่ร้ายนั้นท่านนบี  ได้กล่าวไว้ว่า:

"คนที่ใส่ร้ายคนอื่นนั้นจะไม่ได้เข้าสวรรค์"

        ถ้าหากว่าเราพลั้งพลาดไปนินทาใคร และถ้ามีความสามารถที่จะไปขอมาอัฟเขาได้โดยที่จะไม่มีปัญหากัน ก็ให้รีบไปขอมาอัฟกันซะก่อนที่เราจะไม่มีโอกาส ท่านนบี  ได้กล่าวไว้ว่า:

        "ใครที่เคยทำผิด(อธรรม)กับพี่น้องมุสลิมไม่ว่าจะเป็นการละเมิดเกียรติยศของพี่น้องมุสลิม(ไม่ว่าจะด้วยการนินทา หรือใส่ร้าย) หรือสิ่งอื่นก็ตาม ให้รีบไปขอมาอัฟพี่น้องมุสลิมคนนั้นซะ ก่อนที่ทรัพย์สินเงินทองจะไม่มีประโยชน์แก่เขา 

หากว่าคนที่ไปละเมิด(อธรรม)คนอื่นมีการปฏิบัติการงาน(อามัล)ที่ดี ความดีนี้ก็จะต้องถูกนำไปให้กับคนที่ถูกละเมิด(อธรรม) ตามที่เขาได้ละเมิดไว้ และหากว่าเขาไม่มีความดีอยู่เลย ก็ต้องไปแบกรับบาปความผิดของคนๆนั้นมา" 

(รายงานโดยบุคอรีย์)

          การนินทาใส่ร้าย ยังเป็นเหตุให้เจ้าตัวต้องโดนลงโทษในหลุมฝังศพ ดังที่ครั้งหนึ่งท่านนบี  ได้เดินผ่านหลุมฝังศพสองหลุม และได้กล่าวว่า: 

"ทั้งสองนั้นกำลังถูกลงโทษ และท่านก็ได้บอกว่า หนึ่งในสองหลุมนั้นคือคนที่ชอบใส่ร้ายคนนู้นคนนี้"

ท่านอีหม่ามชาฟีอี(ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) ได้กล่าวว่า:

"หากว่าฉันจะทำการนินทาใครซักคน ฉันก็จะนินทาแม่ของฉัน, เพราะว่าแม่ เป็นคนที่เหมาะที่สุดที่จะเอาความดีของฉันไป"

          บางท่านบอกว่าคำพูดนี้เป็นคำพูดของอับดุลลอฮฺบินมุบาร็อกเช่นกัน  ฉะนั้นท่านอีหม่ามชาฟีอีและอับดุลลอฮฺบินมุบาร็อก คือผู้ที่เข้าใจตัวบทอย่างถ่องแท้ และไม่ยอมนินทาใคร เพราะไม่อยากให้ความดีเสียไปให้กับคนที่เขาไม่รัก เพราะฉะนั้นเมื่อเราไม่ชอบใครก็อย่าเอาความดีของเราไปให้เขาด้วยการนินทา  ขอให้อัลลอฮฺ ทรงให้เราและพี่น้องทั้งหลายรอดพ้นจากการนินทา และรอดพ้นจากการลงโทษผู้นินทาด้วยเถิด อามีน

          พี่น้องที่เคยร่วมวงที่มีการนินทารู้กันแล้วไม่ใช่หรือว่า ศาสนาห้ามการนินทา และเมื่อมีการห้ามการนินทา แน่นอนการนั่งฟังก็ต้องเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างไม่ต้องสงสัย หน้าที่ของพี่น้องมุสลิม ที่พึงมีต่อพี่น้องมุสลิมด้วยกันเองคือ การปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรีพี่น้องมุสลิมด้วยกัน โดยเฉพาะเมื่อเราได้ยินคนนินทาพี่น้องเราด้วยกันเอง ท่านนบี  ได้กล่าวไว้ว่า:

"ใครก็ตามที่ปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรีของพี่น้องมุสลิมที่ถูกนินทา ก็ถือเป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺที่จะปลดปล่อยเขาคนนั้นให้พ้นจากไฟนรก" 

(อัลมั๊วะญะมุลกะบีร ของฏอบรอนี่ หะดีษที่ 20303)

ท่านนบี  ยังได้กล่าวไว้อีกว่า:

"ใครที่ทำการตอบโต้แทนศักดิ์ศรีของพี่น้องมุสลิมในโลกดุนยา อัลลอฮฺก็จะทรงปกป้องใบหน้าของเขาให้พ้นจากไฟนรกในวันกิยามะห์" 

(รายงานโดยติรมีซี หะดีษที่ 1903)

          ส่วนใครที่ไม่สามารถที่จะออกตัวปกป้องแทนพี่น้องของเขาได้ ก็ไม่ควรที่จะร่วมกับวงที่มีการสนทนาในสิ่งที่ไม่ดี อัลลอฮฺ ได้ทรงบอกลักษณะบ่าวของพระองค์ในซูเราะห์อัลฟุรกอน หนึ่งในลักษณะนั้นก็คือ:


﴿ وَٱلَّذِينَ لَا يَشۡهَدُونَ ٱلزُّورَ وَإِذَا مَرُّواْ بِٱللَّغۡوِ مَرُّواْ كِرَامٗا ٧٢ ﴾ [الفرقان: ٧٢]
 

"และบรรดาผู้ที่ไม่เป็นพยานในการเท็จ และเมื่อพวกเขาผ่านเรื่องไร้สาระ พวกเขาก็ผ่านไปอย่างมีเกียรติ"

ท่านนบี  ได้สอนเราไว้แล้วว่าเราควรจะทำอย่างไรเมื่อเราเห็นสิ่งที่ไม่ดี ท่านได้กล่าวว่า:

         "ใครก็ตามที่เห็นสิ่งไม่ดี(ความชั่ว) ก็จงเปลี่ยนแปลงความชั่วนั้นด้วยกำลังของเขา, หากว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงด้วยกำลังก็ให้เปลี่ยนแปลงความชั่วนั้นด้วยคำพูด และหากไม่มีความสามารถอีก ก็จงให้หัวใจของเขานั้นรังเกียจสิ่งนั้น และการรังเกียจด้วยหัวใจนี้คืออีหม่านที่อ่อนที่สุด"

     คำถามก็คือว่า: คนที่นั่งฟังการนินทาจะอยู่ในข้อไหนของทั้งสามข้อ ? เขาได้เปลี่ยนแปลงความชั่วนั้นด้วยมือเขาหรือเปล่า ? หรือว่าเขาได้คัดค้านในวงการนินทาด้วยคำพูด ?

     หากคำตอบคือไม่ คำถามต่อมาก็คือว่า: เขาได้รับอีหม่านที่อ่อนที่สุดด้วยการรังเกียจด้วยหัวใจหรือไม่ ? คนที่มีหัวใจรังเกียจคงไม่ใช่คนที่นั่งร่วมวงการนินทาเป็นแน่ ! คนที่มีหัวใจรังเกียจคงไม่นั่งหัวเราะไปกับคนที่ชอบนินทาคนอื่นเป็นแน่ ! แล้วหากว่าการรังเกียจด้วยหัวใจ ที่ถือว่าเป็นระดับอีหม่านที่อ่อนที่สุดเขาก็ทำไม่ได้แล้วจะจัดให้เขาอยู่ในจำพวกไหนกัน !


﴿ إِنَّمَا ٱلنَّجۡوَىٰ مِنَ ٱلشَّيۡطَٰنِ لِيَحۡزُنَ ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ وَلَيۡسَ بِضَآرِّهِمۡ شَيۡا إِلَّا بِإِذۡنِ ٱللَّهِۚ وَعَلَى ٱللَّهِ فَلۡيَتَوَكَّلِ ٱلۡمُؤۡمِنُونَ ١٠ ﴾ [المجادلة: ١٠]

"แท้จริงการซุบซิบนินทานั้นเป็นการงานของไชฏอน เพื่อมันจะก่อความเสียใจให้แก่บรรดามุอฺมิน

แต่มันจะไม่ให้ร้ายแก่พวกเขาแต่อย่างใด เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ และบรรดามุมินต้องมอบหมายต่ออัลลอฮฺเท่านั้น"

        เมื่อรู้แล้วว่าการซุบซิบนินทาเป็นการงานของไชยฏอน หากว่าเรายังร่วมวงสนทนาที่มีการนินทาคนอื่นอยู่อีก ก็พึงรู้ไว้เถิดว่า หัวใจของคุณได้มืดบอดไปแล้ว ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรเลย

 

         สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกท่านได้คิดใคร่ครวญสามอายะห์ในซูเราะห์อัลหุญุรอต จากอายะห์ที่ 11-13 อัลลอฮฺ  ทรงกล่าวสอนมนุษย์ถึงการอยู่ร่วมกันว่า สิ่งที่จะวัดความสูงส่งระหว่างมนุษย์ด้วยกันนั้นก็คือ ความตักวา(ยำเกรง)เท่านั้น, ในอายะห์ที่11 พระองค์ทรงกล่าวว่า: อย่าดูถูกดูแคลนซึ่งกันและกัน ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง อย่าตำหนิพี่น้องมุสลิมด้วยกัน และ อย่าเรียกกันด้วยฉายาที่เจ้าตัวไม่ชอบ, ในอายะห์ต่อมา พระองค์ก็ทรงตำหนิการคิดว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นคนนี้เป็นอย่างนี้ เพราะการคิดอย่างนั้นมันเป็นบาป และพระองค์ก็ทรงห้ามการสอดแนม สอดส่องดูความผิดของคนอื่น ต่อมาพระองค์ก็ทรงห้ามการนินทา และเปรียบการนินทาเหมือนการกินเลือดเนื้อพี่น้องมุสลิมด้วยกันเองที่ตายไปแล้ว

        อัลกุรอานอายะห์ที่กล่าวมานี้กำลังบอกให้รู้ว่าการนินทานั้นมาจากการดูถูก การนินทานั้นมาจากการคิดกับพี่น้องมุสลิมในทางที่ไม่ดี การนินทานั้นมาจากพวกที่ชอบสอดส่องดูความผิดของคนอื่น และการกระทำทั้งหมดนี้ต้องได้รับการเตาบัตตัว ต้องการการกลับตัว พระองค์จึงได้บอกว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

        ส่วนอายะห์ที่ 13 พระองค์ทรงบอกให้เรารู้ว่า มนุษย์ทุกคนนั้นมาจากอาดัมและฮาวา พระองค์สร้างพวกเรามาต่างชาติเผ่าพันธุ์นั้น ก็เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกัน และให้พวกเรารู้ไว้ว่าสิ่งที่จะมาแบ่งแยกชนชั้นได้นั้นมีอยู่อย่างเดียวก็คือความตักวา(ยำเกรง)

         ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ   ให้พระองค์ทรงทำให้เรารอดพ้นจากการกระทำที่ชั่วร้ายนี้ด้วย ขอให้เราเป็นบ่าวที่มีความตักวา(ยำเกรง)พระองค์ และขอให้อัลลอฮ์  ทรงให้บทความนี้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ และขอให้พระองค์ทรงให้พวกเรารอดพ้นจากนรกที่อัลลอฮฺ   ทรงเตรียมไว้ให้กับผู้ที่ชอบนินทา

 


وصلى الله على نبينا محمد وعلى آله وصحيه وسلم

 
والحمد لله رب العالمين