นักปกครองที่ทรงธรรมกับแนวทางที่ถูกต้อง
โดย… อาจารย์ มุญาฮิด ลาตีฟี
พี่น้องศรัทธาชนที่เคารพรักทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงมีความตั้งมั่น ยำเกรงต่อ พระองค์อัลเลาะห์ อย่างแท้จริง ด้วยการประพฤติปฏิบัติตาม ในสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ละเว้นห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม บรรดาการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของ พระองค์อัลเลาะห์ กับเวลาและลมหายใจ และโอกาสแห่งการปฏิบัติอิบาดะห์ สำหรับพวกเราในฐานะที่เป็น มุอฺมิน มุมีนะห์ ผู้ที่ศรัทธามั่นต่อ พระองค์อัลเลาะห์ และสิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้ทรงนำมาเผยแพร่ ให้พวกเราได้รับรู้
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย นัยยะความหมายคำดำรัสของ พระองค์อัลเลาะห์ ได้ตรัสความว่า
"หากว่าชาวเมืองต่างศรัทธา และยำเกรง เราจะเปิดความจำเริญ ความบารอกัต ความสิริมงคลจากฟากฟ้า และแผ่นดินให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน"
การศรัทธา ต่อสิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ได้นำมาให้กับเรา จะต้องมีการศรัทธามั่น มีการยำเกรงที่มั่นคง ด้วยกับหัวใจ ด้วยกับการประพฤติในสิ่งซึ่งที่เป็นคำสั่งใช้ และ ออกห่างในสิ่งซึ่งที่เป็นคำสั่งห้าม พระองค์อัลเลาะห์ ได้ทรงประทานสติปัญญา พลังต่อการที่จะใช้สติปัญญาพิจารณา ไตร่ตรองความเป็นตัวของเราเองซึ่งมีสถานะที่แตกต่าง ทั้งเป็นผู้ที่รู้มาก ผู้ที่รู้น้อย และผู้ที่ไม่มีความรู้ และอีกหลากหลายสถานะ ในระดับของความรู้ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งที่เรา ใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งที่ก่อให้เกิดคุณค่า เป็นสิ่งซึ่งที่ก่อให้เกิดความสุข ความรุ่งเรืองความสันติ ที่จะเกิดขึ้นนั้น มันมีเหตุ มันมีปัจจัย ที่จะนำพาไปสู่ความรุ่งเรือง ความสันติในสังคม
หะดิษ ที่ท่าน นบีมุฮัมมัด ได้นำมาบอกให้เราได้รับรู้นั้น ท่านบอกว่า
"ฉันไม่กลัวความจนจะเกิดขึ้นกับพวกท่านหรอก เพราะอัลลอฮฺจะเป็นผู้ช่วยเหลือ เป็นผู้ทรงประทานแก่พวกเจ้า จนกระทั่งสตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่ในกระโจมบนหลังอูฐ สามารถเดินทางจากเมือง ยัสริบ จนถึงเมือง ฮิทเราะห์ ในประเทศอิรัก ซึ่งระยะห่างของสองเมืองนี้ประมาณ ๑๐๐๐ กิโลเมตร โดยไม่ต้องกลัวการปล้นสะดมระหว่างทาง"
ท่านอะดีย์ ซึ่งเป็นบุคคลที่รายงาน หะดิษ ยังนึกในใจว่า พวกโจรที่มาจากเผ่า ต็อยยิอ์ หายไปไหนกันหมด
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ความเข้าใจที่เราได้รับจากหะดิษ บทนี้ คือ เมื่อใด สังคมใด ประเทศใด ที่นำหลักธรรมพระธรรมหลักคำสอนของ อัลอิสลาม โดยมีพระมหาคัมภีร์ อัลกุรอ่าน และแบบฉบับ ของท่านนบีมุฮัมมัด มาปกครอง ความปลอดภัยในระยะ ๑๐๐๐ กิโลเมตร หรือมากกว่า จะเกิดขึ้น นั่นหมายถึง การเป็นอยู่ในสังคมนั้นอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยและมีความสงบสุข
จากตัวอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์อิสลามในยุค คอลีฟะห์อุมัร ในช่วงเวลาการปกครองของท่าน ๑๐ ปี ๖ เดือน กันอีก ๑๘ วัน อาณาจักรของอิสลามได้ขยายพื้นที่ นำหลักธรรมไปสู่ประเทศต่างๆ มากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนตารางไมล์ (๑๕๐,๐๐๐ ตารางไมล์) ๑๑ แคว้น ๑๐ กว่าประเทศ ถ้าหากจะพิจารณาการแบ่งเขต แต่ละประเทศในปัจจุบัน และสิ่งใดคือสาเหตุ นั่นก็คือ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน และ หะดิษแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ที่ก่อให้เกิดลักษณะของรัฐอิสลามเกิดขึ้น
เราจะสังเกตได้ว่า สังคมใด ประเทศใด ซึ่งที่ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน เป็นสิ่งบ่งชี้ประการหนึ่ง ที่บอกถึงการปกครองที่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นในสมัย คอลีฟะห์อุมัร ผู้นำจะไม่มีผู้ที่จะคอยมาอารักขา ไม่ต้องมีบอดี้การ์ด รวมถึงบรรดาผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดย ท่านอุมัร ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละแคว้นทั้ง 11 แคว้นที่กล่าวมานั้น บ้านของแต่ละคนจะไม่มีประตู และจะไม่มีม่าน ทั้งนี้เพื่อที่จะให้บริการกับผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองตลอดเวลา แม้กระทั้งว่าท่าน ซะอ์ บิน อบีวักก็อส ข้าหลวงประจำอิรัก ที่ท่านทำประตูด้วยสาเหตุที่ว่าบ้านของท่านนั้นอยู่ติดกับตลาด ทำประตูเพื่อที่จะไม่ให้เสียงอึกกะทึกจากตลาดมารบกวนเวลาการทำงานของท่าน แต่เมื่อ ซัยยิดินาอุมัร ได้รับรู้ถึงการดังกล่าว ก็สั่งให้รื้อประตูนั้น
ทุกเวลาผู้นำอิสลาม จะให้การบริการ แม้กระทั้งช่วงเวลาซึ่งที่เป็นเวลาของการพักผ่อนก็ตาม นั้นคือ อมานะห์ ที่ยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง จนกระทั้งบางคนปฏิเสธการเป็นข้าหลวง ซึ่งที่ท่าน ซัยนาอุมัร จะหยิบยื่นตำแหน่งนั้นให้ เพราะเขารู้ถึงประโยชน์อันมหาศาลกับประชาชาติอิสลาม ถ้าหากปฏิบัติตามคำสอนของอิสลามได้อย่างครบถ้วน แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ผลร้ายก็จะกลับมาสู่ผู้ปกครองนั้นเอง
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย อีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะของรัฐอิสลามคือการไม่มีสงครามกลางเมือง ในสมัย คอลีฟะห์อุมัร ไม่มี บุคคลที่กระด้างกระเดื่อง ที่จะปฏิวัติ ที่ต้องการจะโค่นล้มรัฐบาลอิสลาม โดยการนำของ ซัยยิดินาอุมัร ด้วยเหตุผล ที่เป็นที่ประจักษ์ในตัวของ ซัยยิดินาอุมัร เอง ที่ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ ทุกเวลา ทุกนาที เป็นไปเพื่อผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองโดยแท้ และที่สำคัญก็คือ สิ่งที่ท่านได้หยิบยื่น คุณูปการต่างๆ มันไม่ใช่เพียงในเรื่องของเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นการดูแล แม้ชีวิตของครอบครัวหนึ่งที่ไม่มีกิน ท่าน อุมัร จะต้องทำการแบกอาหาร เพื่อการบริการครอบครัวนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ท่านจึงเป็นบุคคลที่ ได้รับความรัก ได้รับความเคารพ ได้รับการเทิดทูนอย่างที่สุด
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ความขัดแย้ง สาเหตุที่มันจะเกิดขึ้นก็คือระหว่างผู้นำเผ่าพันธุ์ ระหว่างผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ระหว่างผู้นำทางศาสนา หากว่าบุคคลทั้ง 3 กลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้นำทางศาสนา เมื่อใดก็ตามที่บุคคลกลุ่มนี้ มีความรัก มีความเข้าใจ มีความเป็นห่วงเป็นใย สิ่งที่มันจะเกิดขึ้น คือผลจากความรัก ความสามัคคีระหว่างผู้รู้นั้น จะก่อให้เกิดผลอย่างมหาศาล กับบุคคลที่รู้น้อยกว่า เพราะความริษยา ความอิจฉา ระหว่างผู้รู้ คือ มหันต์ภัยร้าย ที่มันจะก่อให้เกิดความหายนะทางสังคม
ณ ปัจจุบัน เราจะพบถึงความต่าง ระหว่าง 2 กลุ่ม ระหว่าง 2 สี ระหว่าง 2 พรรค ซึ่งเราในฐานะ มุอฺมิน ผู้ศรัทธามั่น ในหลักธรรมคำสอนแห่งอิสลาม สิ่งที่เราต้องทำ คือติดตามอย่างห่างๆ เพราะไม่มีประโยชน์อันใด ต่อการที่เราจะใช้เวลาในการเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด เพราะมันจะทำให้เราลืม สิทธิหน้าที่ความเป็นเราในฐานะที่เป็นพ่อ ความเป็นเราในฐานะที่เป็นแม่ ความเป็นเราในฐานะที่เป็นลูก ที่มันมีสิ่งละอันพันละน้อยที่ อัลเลาะห์ และ ร่อซู้ล ได้สอนว่าเราจะต้องทำอะไรในฐานะที่เป็นพ่อ เป็นแม่ และก็เป็นลูก เป็นเพื่อนบ้าน เป็น มุอฺมิน เป็นมุสลิม ที่อยู่ในสังคมเดียวกัน ซ้ำร้าย ความไม่เข้าใจในการการเมืองไทย หรือการเมืองโลกก็ตาม มันนำพาไปสู่ความแตกแยกระหว่างพี่น้อง แตกแยกระหว่างสามีภรรยา แตกแยกระหว่างมุสลิม นั่นเป็นดัชนีบ่งชี้ เป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ที่เอาการเมืองมาทำลายความรัก ความเป็นอยู่ฉันท์ผู้ศรัทธา การติดตามข่าวสารเป็นสิ่งที่ดี แต่เราจะต้องมีหลักคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่จะก่อให้เกิดการปกครอง ที่จะนำพาประโยชน์สู่สังคม และประชาชน
ในดุนยานี้ไม่มีอีกแล้วที่จะมีการปกครองใด การบริหารบ้านเมืองในด้านไหนก็ตาม ที่จะประสบความสำเร็จ ไม่มีอีกแล้ว นอกจากจะนำพระมหาคัมภีร์ อัลกุรอ่าน และแบบฉบับของท่านนบี นำมาสู่การปกครองเท่านั้น นี่ไม่ใช่การเชิดชูความเป็นอิสลามของเรา แต่เป็นสิ่งที่แม้กระทั้งคนต่างศาสนิกเขาก็ยอมรับในการปกครองแบบอิสลาม ไม่ช้าไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างจะย้อนมาสู่ อัลกุรอ่าน ย้อนสู่ฮะดิษของท่านนบี
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย นั้นคือลักษณะบางประการที่เรานั้น จะได้มีส่วนร่วมในการเข้าใจกันในคุตบะห์นี้ ที่นอกเหนือจากนี้คือบ้านเมืองจะไม่มีขโมย ประชาชนมีรายได้ที่พอเพียง สังคมชุมชนจะไม่มีสุรายาเสพติด และประชาชนในทุกระดับ จะได้รับความคุ้มครอง และการป้องกันสิทธิทุกด้าน ซึ่งการเมืองปัจจุบันจะเน้นหนักในเรื่องปากเรื่องท้องเท่านั้น แต่ไม่ได้พิจารณาในแง่อื่น เพราะฉะนั้นใครก็ตามจะอยู่ในระดับการศึกษาใดก็ตาม ถ้าหากไม่สามารถนำพาซึ่งความสุขของประชาชนได้แล้ว นั่นหมายถึงการบริหารปกครองประเทศประสพความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ประชาชนในยุคของท่าน ซัยยิดินาอุมัร เป็นประชาชนที่เชื่อผู้นำ ภัคดีต่อผู้นำ มีการศึกษา มีจริยธรรมทางการเงิน นั่นหมายถึงการเอาใจใส่ ที่มาของเงิน แต่ละบาทแต่ละสตางค์ ที่เราหามาได้นั้น ได้มาด้วยวิธีการใด ได้มาโดยอาชีพใด หรือได้มาด้วยกับอาชีพบริสุทธิ์ แต่จะต้องทำให้สิทธิที่เราจะต้องปฏิบัติตัวต่อพระองค์อัลเลาะห์ เป็นสำคัญอย่างยิ่ง กับการละหมาด บางทีอาชีพนั้นฮาลาล ( حلال ) แต่เป็นเหตุให้เราต้องทิ้งละหมาด เป็นเหตุทำให้เงินที่ได้มานั้นสกปรก โสโครก นำมากิน สำหรับเรา ลูกเรา ภรรยาเรา มันได้นำความโสโครกมาสู่คนที่เราบอกว่ารัก เราบอกว่าเป็นห่วง ซึ่งสิ่งที่เราบอกนั้นมันสวนทางกับการปฏิบัติ เราคือ มุอฺมิน เราคือผู้ศรัทธา เพราะฉะนั้นหลักคิด การปฏิบัติจะต้องแตกต่างจากบุคคลที่ไม่ใช่ มุอฺมิน เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราบอกว่าเรามุอฺมิน เราผู้ศรัทธา แต่แล้วเรามีทัศนะมีความคิด มีคำพูดซึ่งที่ไปสอดคล้องกับบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิม ซึ่งคำพูดส่วนใหญ่ของบุคคลเหล่านี้นั้นมันตรงกันข้ามกับหลักการอิสลาม เพราะฉะนั้นความรู้ความเข้าใจของตัวเรา จะเป็นสิ่งซึ่งที่ก่อให้เกิดความมงคลที่ อัลเลาะห์ จะทรงประทานให้แก่เราทุกคน เงื่อนไขก็คือการศรัทธา และการตักวา
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย รัฐธรรมนูญที่ดี กฎหมายที่ดีก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความสันติ และความรุ่งโรจน์ในสังคม จะสังเกตได้ว่าประชาชนในยุคสมัยของท่านซัยยิดินาอุมัร นั้น จะมีความศรัทธามั่น และหวงแหนอย่างที่สุด ต่อพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และแบบฉบับการดำเนินชีวิตของท่านนบีมูฮำมัด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราก็มีอยู่สืบทอดจนกระทั่งมาถึงเรา ณ วันนี้ การที่เราได้มีโอกาสได้เรียนพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน อ่านได้ จำ รู้ความหมาย แต่สิ่งที่ขาดก็คือการปฏิบัติ เพราะการแสวงหาวิชาความรู้ในทางศาสนานั้นเป็นสิ่งสาหัส แต่สิ่งสาหัสกว่าก็คือการจำ สิ่งซึ่งที่สาหัสกว่าการจำคือการทำ สิ่งซึ่งที่สาหัสกว่าการทำ คือการทำให้สมบูรณ์ นั่นคือเป้าหมายของเราในฐานะที่เป็นบ่าวของ อัลเลาะห์ ที่จะต้องเพียรพยายามต่อการที่จะกระทำอิบาดะห์ให้ดีที่สุด สุดความสามารถของตัวเราที่จะกระทำได้ เมื่อใดก็ตามที่ทุกคนมีศรัทธา และความยำเกรงตักวาต่อ อัลเลาะห์ ในทุกๆสถานที่ ในทุกๆเวลา เมื่อนั้น อัลเลาะห์ จะประทานความมงคลและความจำเริญให้แก่เรา
ประการสุดท้ายที่เป็นส่วนหนึ่งจากเบื้องหลังความสุขศานติในสังคม คือการมีผู้นำที่ดี ที่พร้อมในทุกด้านก็ยังไม่พอที่จะก่อให้เกิดความสุขศานติในสังคม สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การมีคณะผู้บริหาร และที่ปรึกษาที่ดี
ครั้งหนึ่งที่ท่านซัยยิดินาอุมัร ได้ถามท่านซัลมานอัลฟาริซี ว่า
أملك أنا أم خليفة ؟ قال له سلمان إن أنت جبيت من أرض المسلمين درهما أوأقل أوأكثر ووضعته فى غير حقه فأنت ملك غيرخليفة فبكى عمر.
ตัวฉันเป็นกษัตริย์ เป็นราชา หรือว่าเป็น คอลีฟะห์ ผู้สืบทอดหน้าที่การดูแลอิสลามต่อจากท่านนบี ต่อจากท่านอบูบักร
ท่านซัลมานได้กล่าวตอบแก่ท่านอุมัร ว่า
"หากว่าท่านได้เก็บภาษีจากแผ่นดินของบรรดามุสลีมีน 1 ดิรฮัม หรือน้อยกว่า หรือมากกว่า แล้วท่านได้ใช้จ่ายมันในทางที่ไม่ชอบ ตัวท่านนั้นคือกษัตริย์ ตัวท่านนั้นคือราชา ไม่ใช่ผู้ที่มาปฏิบัติหน้าที่แทนท่าน รอซูล และแทนท่าน ซัยยิดินาอบูบักร "
เมื่อท่านอุมัรได้รับฟังคำพูดของท่านซัลมาน อัลฟาริซี ถึงกับร้องไห้ด้วยกับคำปรึกษา จากผู้ซึ่งที่อยู่ในคณะผู้บริหาร และคณะผู้จัดการ บริหารจัดการในแผ่นดินอิสลาม
นั่นหมายถึงความตรงไปตรงมา ระหว่างผู้ที่เป็นผู้นำและระหว่างผู้ตาม สื่อสารกันตรงๆ เพราะอิสลามไม่สอน ไม่มีหลักสอนให้เราเป็นคนลิ้นสองแฉก ตีสองหน้า ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง ไม่มีปรากฏในหลักธรรมอิสลาม สิ่งใดอะไรที่มันจะก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเรา กับบุคคลซึ่งที่เรารัก ซึ่งความบกพร่อง และความสมบูรณ์มันมีอยู่ทั้งสองฝ่าย คนที่เรารักก็มีความบกพร่อง คนที่เราไม่รักก็มีความสมบูรณ์ มีความดี อย่าให้ความไร้ระเบียบทางความรู้สึกเป็นเหตุให้เราเห็นความดีจากคนที่เรารักเท่านั้น เป็นเหตุให้เราเห็นความไม่ดีจากคนเราเกลียด เพราะมันจะนำพาไปสูความหายนะกับตัวเรา และสังคม
ขออัลเลาะห์ ประทานเหตุปัจจัยสิ่งที่จะนำพาเราในฐานะที่เป็นมุสลิม เป็นมุมิน ที่จะนำไปสู่ความสุขของเรา ในครอบครัวของเรา ในชุมชนของเรา ในสังคมของเรา และเมื่อใดที่เราได้รับโอกาสนั้นจะเป็นเหตุให้สังคมอื่นที่ไม่ใช่สังคมมุสลิมได้ซึมซับรับรู้ความเป็นรัฐอิสลามที่อยู่ในประเทศไทย
ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลอิสลามก็ตาม แต่สิ่งที่เราได้รับคือสิทธิเสรีภาพ จากรัฐธรรมนูญซึ่งที่เปิดโอกาสให้กับเราในฐานะที่เป็นมุสลิม ต่อการปฏิบัติศาสนกิจในทุกๆระดับ นั่นคือ เนี้ยะมัต ที่ยิ่งใหญ่ ที่พระองค์อัลเลาะห์ ได้ทรงประทานให้แก่เราแล้ว ในวันนี้เราต้อง ชุโกร กล่าว อัลฮัมดุลิลลา ต่อพระองค์อัลเลาะห์ นับครั้งไม่ถ้วน ในสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้กับเรา และให้เรารักษามันไว้ จวบจนกระทั่งวันสุดท้ายแห่งวาระชีวิตของเรา ก่อนที่เราจะจากไปจากดุนยานี้สู่ อาคิเราะห์
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ