อย่าประวิงเวลาในการทำความดี
  จำนวนคนเข้าชม  8303

 

อย่าประวิงเวลาในการทำความดี

 

เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม

 

มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
 

         นิยามของความดีของคนในแต่ละสังคมมักแตกต่างกัน แต่อัลลอฮฺได้สร้างความดีให้อยู่คู่กับจิตใจและความรู้สึกของมนุษย์ ความดีที่เป็นธรรมชาติที่อัลลอฮฺ  ให้มาติดตัวกับมนุษย์ เช่น การเชื่อฟัง และการมีความรักต่อพ่อแม่ การเคารพต่อผู้ใหญ่ การทำความดีต่อคนยากไร้ และอีกมากมายที่เป็นความดีที่ติดตัวมนุษย์มา ดังนั้นคุณธรรมความดีบางอย่างมีอยู่ในตัวของมนุษย์แล้ว 

 

          แต่คุณธรรมความดีของมนุษย์จะยังไม่สมบูรณ์และไม่สามารถจะทำให้เขาเข้าสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺ ได้ เพราะคุณธรรมจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ  ดังนั้นสำหรับอิสลามแล้วการงานที่ดีนั้นต้องเกิดมาจากความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ  เท่านั้น

 

อัลลอฮฺ ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอาน

 
الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ كَانَتْ لَهُمْ جَنَّاتُ الْفِرْدَوْسِ نُزُلًاإِنَّ ( 107 )
 

"แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีสำหรับพวกเขานั้นคือสวนสวรรค์ชั้นฟิรเดาส เป็นที่พำนัก"
 

(อัลกะฟฮฺ อายะห์ที่ 107)

 

         ดังนั้นการศรัทธานั้นต้องครอบคลุมการศรัทธาทั้งหมดของรุกุนอิสลาม จึงจำเป็นที่บรรดามุสลิมจะต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจในหลักศรัทธาของศาสนา เพื่อการงานที่กระทำนั้นจะได้เป็นการงานที่ดี ที่ยังผลให้แก่ตัวของเขาเองทั้งโลกนี้และโลกหน้า  และการทำความดีต่างๆที่ไม่ได้เกิดมาจากความศรัทธา มันจะไม่ยังประโยชน์ในโลกหน้า 

 

          ความดีในอิสลามมีมากมายที่ได้ถูกเรียกร้องให้กระทำ อย่าได้นิ่งเฉยในการทำความดี เพราะเวลาที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้นั้น เราไม่สามารถรู้ได้ว่า เวลาที่เหลืออยู่มีแค่ไหน เพราะว่าเมื่อกำหนดวาระแห่งความตายได้มาถึง ก็ไม่สามารถที่จะประวิงเวลาได้แม้แต่วินาทีเดียว

 

คำดำรัสของอัลลอฮฺ  ที่ว่า


وَأَنفِقُوا مِن مَّا رَزَقْنَاكُم مِّن قَبْلِ أَن يَأْتِيَ أَحَدَكُمُ الْمَوْتُ فَيَقُولَ رَبِّ لَوْلَا أَخَّرْتَنِي إِلَىٰ أَجَلٍ قَرِيبٍ فَأَصَّدَّقَ وَأَكُن مِّنَ الصَّالِحِينَ ( 10 )

"และจงบริจาคจากสิ่งที่เราได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อนที่ความตายจะเกิดขึ้นแก่ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า

แล้วเขาก็จะกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ มาตรว่าพระองค์ท่านทรงผ่อนผันให้แก่ข้าพระองค์อีกชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย

เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาค และข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย (ผู้ทรงคุณธรรม)"


وَلَن يُؤَخِّرَ اللَّهُ نَفْسًا إِذَا جَاءَ أَجَلُهَا وَاللَّهُ خَبِيرٌ بِمَا تَعْمَلُونَ ( 11 )

"แต่อัลลอฮฺจะไม่ทรงผ่อนผันให้แก่ชีวิตใด เมื่อกำหนดของมันได้มาถึงแล้ว และอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ"

(สูเราะห์ อัลมูนาฟิกูน 10-11)

         จากอายะห์ข้างต้น ได้เตือนเราให้ใคร่ครวญพิจราณาเพื่อการประกอบการงานของเรา ให้รีบเร่งในการประกอบการงานที่ดี ก่อนที่ความตายจะมาหาโดยที่เราไม่ได้เตรียมตัวที่จะพบกับมัน เพราะเมื่อกำหนดวาระแห่งความตายได้มาหาก็ไม่สามารถจะขอประวิงเวลาได้แม้กระทั่งวินาทีเดียว และในอายะห์นี้ยังเรียกร้องให้ทำการบริจาคก่อนที่ความตายจะมาถึง เพราะหลังจากที่ได้เสียชีวิตไปแล้วการงานทั้งหลายเป็นอันสิ้นสุดลง ไม่สามารถที่จะประกอบการงานที่ดีได้อีกแล้ว มีเพียงบางสิ่งบางอย่างที่ยังผลแก่เราหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว


عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ إِذَا مَاتَ الْإِنْسَانُ انْقَطَعَ عَنْهُ عَمَلُهُ إِلَّا مِنْ ثَلَاثَةٍ إِلَّا مِنْ صَدَقَةٍ جَارِيَةٍ أَوْ عِلْمٍ يُنْتَفَعُ بِهِ أَوْ وَلَدٍ صَالِحٍ يَدْعُو لَهُ

 

มีรายงานจากอาบูฮุรัยเราะห์ แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า 


"เมื่อมนุษย์ได้เสียชีวิตลง การงานของเขาก็ได้สิ้นสุดจากเขา นอกจากสามประการ(ที่เหลืออยู่)

การบริจาคที่ถาวร หรือความรู้ที่ก่อเกิดประโยชน์แก่เขา หรือลูกที่ดี ที่วิงวอนขอให้แก่เขา"

 

นี่คือการงานบางอย่างที่ยังผลหลังจากที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว คือ 

     ♥ การบริจาค โดยที่สิ่งที่เราบริจาคไว้ยังคงถูกใช้สอยอยู่อีกหลังจากที่เราได้เสียชีวิตไปแล้ว 

     ♥ หรือเราเป็นบุคคลที่สอนสั่งความรู้ให้แก่บุคคลอื่น เช่นความรู้ในเรื่องราวของศาสนาแล้วบุคคลนั้นได้นำความรู้ที่สอนสั่งไปปฏิบัติ ความดีเหล่านั้นยังส่งผลให้แก่เราหลังจากที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว 

     ♥ หรือเราได้อบรมสั่งสอนลูกๆให้เป็นคนดีที่มีความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ เราเสียชีวิตไปแต่ข้างหลังยังมีลูกดีๆ คอยขอดุอาวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้อภัยโทษให้พระองค์ได้โปรดเมตตาต่อเรา คำวิงวอนเหล่านั้นย่อมส่งผลต่อผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว

          ส่วนการงานอื่นๆ อีกมากมายนั้นเราต้องทำด้วยกับตัวเอง โดยอย่ารอเวลา ให้รีบทำความดีอย่าได้ให้การคาดหวังกับการที่จะมีชีวิตในโลกนี้  อย่าได้คาดหวังอนาคตอันมากมายที่ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกยาวนาน จนการหมกมุ่นกับการทำงานเพื่อโลกนี้ มาทำให้เราลืมที่จะประกอบการงานที่ดี ที่จะต้องนำไปใช้สอยในโลกหน้า จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าเราอยู่ต่อหน้ามาลาฮิกะห์ ที่มาสอบสวนถึงการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ซึ่งในขณะที่อยู่ในโลกนี้กลับไม่ได้ทำงานอะไรเลยที่จะยังประโยชน์ในโลกหน้าเพราะมัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับดุนยา

 

ดังนั้น มุสลิมที่ชาญฉลาด จะต้องใช้ชีวิตในการแสวงหาการมีชีวิตในโลกนี้ ควบคู่ไปกับการมีชีวิตในโลกหน้า