ทำไมอิสลาม คือ ศาสนาที่แท้จริง?
ศอลิหฺ บิน อับดุลอะซีซ บิน อุษมาน สินดีย์
ทำไมอิสลาม คือ ศาสนาที่แท้จริง?
เป็นคำถามที่ผู้อ่านอาจตั้งคำถามขึ้นมา ซึ่งเป็นคำถามที่ดีเลยทีเดียว บ่งบอกว่าผู้ตั้งคำถามนั้นเป็นผู้ที่มีสติปัญญาอย่างเฉลียวฉลาดและปราดเปรื่องอย่างเด่นชัด
คำตอบสำหรับคำถามนี้ ฉันขอกล่าวว่า ศาสนาอิสลามคือศาสนาที่รวมซึ่งลักษณะต่างๆ ที่ดีและมีจุดเด่นบางประการที่เป็นเลิศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีปรากฏอยู่ในศาสนาใดเลยนอกจากอิสลาม มันคือหลักฐาน เป็นข้อบ่งชี้ว่า อิสลามเป็นศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าถูกหรือผิดอย่างไร ด้วยการพิจารณาเนื้อหาของมันอย่างลึกซึ้งและใจเย็น
ลักษณะจุดเด่นของอิสลามนั้นมีมากมาย ยากที่จะนำเสนอเป็นคำพูดที่จำกัดนี้ได้ และฉันจะขอนำเสนออย่างคร่าวๆ และพอสังเขปดังต่อไปนี้
1. ส่วนหนึ่งจากจุดเด่นที่สำคัญของอิสลาม ก็คือมันเป็นสิ่งที่เติมความอิ่มเอิบทางด้านจิตวิญญาณให้กับมนุษย์ ทำให้ผู้ที่ศรัทธาเป็นผู้ที่มีความผูกพันกับพระผู้เป็นเจ้าอย่างต่อเนื่อง เป็นผลทำให้ได้รับความสุขุม เยือกเย็น และความสุขด้านจิตใจ เป็นการปกป้องจากการเลยเถิด ฟุ้งซ่าน และความแปรปรวนทางจิต
2. อิสลามเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสติปัญญาอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกบทบัญญัติของอิสลามเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับสติปัญญา ไม่มีทางที่จะขัดกันโดยเด็ดขาด เนื่องด้วยเหตุนี้เอง เมื่อ มีบุคคลหนึ่งเข้ารับนับถืออิสลาม มักถูกถามว่า ทำไมคุณถึงเข้ารับอิสลาม? เขาจะตอบว่า ไม่มีสิ่งใดก็ตามที่อิสลามได้สั่งใช้ แล้วสติปัญญาจะค้านกับอิสลามว่าไม่น่าจะสั่งใช้ข้อนี้เลย และไม่มีข้อห้ามใดที่อิสลามห้าม แล้วสติปัญญาจะค้านกับอิสลามว่าไม่น่าจะห้ามสิ่งนี้เลย
ถ้าหากว่ามีศาสนามากมายที่มีอุดมการณ์พื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ยากจะรับได้ สติปัญญาอาจจะยืนฉงนอยู่ต่อหน้าความเชื่อหลักที่แย้งไม่ได้ในศาสนานั้นๆ แต่ในอิสลาม เรากลับพบว่า อิสลามให้เกียรติสติปัญญา อิสลามสั่งให้เราใช้ความคิด อิสลามปฏิเสธความโง่เขลาเบาปัญญาและห้ามการตามอย่างตาบอด
3. อิสลามผสมผสานระหว่างศาสนาและทางโลกได้อย่างลงตัว ให้ความสำคัญทั้งในด้านจิตวิญญาณและร่างกาย การรับอิสลามไม่ได้หมายความว่าต้องยึดติดรูปลักษณ์ใด ๆ เป็นการเฉพาะ หรือต้องงดความสะดวกสบายในการดำรงชีวิต
ทว่า ในอิสลามนั้น บุคคลคนหนึ่งอาจจะเป็นผู้ที่ยึดมั่นในหลักการศาสนา แต่เขาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติทั่วไป อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว เขาอาจจะเป็นผู้สามารถเข้าถึงตำแหน่งและรับเกียรติคุณที่สูงสุดในสังคมก็เป็นได้
4. ในจำนวนจุดเด่นของอิสลาม ก็คือ เป็นศาสนาที่ครอบคลุม ไม่ว่าด้านไหนของชีวิต เราจะพบว่ามีระบบการจัดการด้านนั้นๆ อยู่ในอิสลาม ไม่ว่าจะปัญหาอะไรก็ตามแต่ อิสลามก็มีคำตอบให้ ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามจึงเป็นศาสนาที่เหมาะสำหรับยึดปฏิบัติในทุกกาลสมัยและทุกที่
มันจะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ก็ในเมื่ออิสลามได้จัดระเบียบและวางหลักพื้นฐาน หลักการ ที่เหมาะสมไว้ในทุกๆด้าน เริ่มจากระบบการปกครอง และแนวทางการแก้ไขข้อขัดแย้ง ตามด้วยระบบการค้า หุ้นส่วน และหลักการปฏิบัติระหว่างกัน ต่อด้วยการวางระบบความสัมพันธ์ในสังคม การใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัว และปิดท้ายด้วยการเคารพ จรรยามารยาทตามท้องถนน และการจัดระเบียบของมนุษย์ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการนอน การรับประทาน การดื่ม การสวมใส่ และอีกมากมาย …
สิ่งดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นแบบลวกๆ รวมๆ แต่ถูกจัดไว้ ด้วยรายละเอียดปลีกย่อยที่ปราณีตยิ่ง จนสติปัญญาต้องทึ่งกับมัน
คุณควรทราบว่า อิสลามให้แบบอย่างแก่มนุษย์ แม้กระทั่งวิธีการสวมใส่และการถอดรองเท้า
♦ และส่งเสริมให้ใช้มือขวาเพื่อรับประทานอาหาร การดื่ม การจับมือ การหยิบสิ่งของ การให้ และอีกมากมาย ส่วนเรื่องที่น่ารังเกียจ เช่นการชำระสิ่งสกปรก ก็ให้มือซ้ายแทนมือขวา เป็นต้น
♦ เมื่อถึงเวลาหลับนอน อิสลามก็สอนวิธีการนอนและหลังการตื่นนอนอย่างชัดเจน
♦ เมื่อมุสลิมสองคนพบปะกันในท้องถนน อิสลามก็ได้จัดรูปแบบการทักทายระหว่างเขาทั้งสอง ผู้ที่ขับขี่สมควรเป็นผู้เริ่มให้สลามทักทายแก่ผู้ที่เดิน เด็กเล็กให้สลามทักทายแก่ผู้อาวุโส คนส่วนน้อยก็ให้สลามทักทายแก่กลุ่มคนที่มากกว่า
และนี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อยจากบทบัญญัติของอิสลามที่ครอบคลุม และกำหนดระเบียบในทุก ๆ ด้านของชีวิต
5. ส่วนหนึ่งจากความโดดเด่นและพิเศษของอิสลาม คือทุก ๆ ข้อบัญญัติของอิสลามคือการนำมาซึ่งสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เป็นประโยชน์และขจัดสิ่งที่ไม่ดีออกไป ดังนั้น บทบัญญัติต่างๆ ของอิสลามจะนำประโยชน์กลับไปสู่ตัวมนุษย์เองและแก่สังคมของเขาด้วย
เช่น ที่อิสลามได้ห้ามการดื่มสิ่งที่มึนเมาและสิ่งเสพติดทั้งหลาย เนื่องด้วยมันทั้งสองมีโทษที่อันตรายต่อสติปัญญา ต่อสุขภาพ ซึ่งคุณจะเห็นสภาพของผู้ที่มึนเมาได้ว่านั่นเป็นสภาพที่ใกล้เคียงกับสัตว์หรือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์มากกว่าจะเป็นสภาพของมนุษย์ผู้มีปัญญาด้วยซ้ำ เป็นต้น
อาชญากรรม การทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุทางยานพาหนะ หรือการข่มขืนกระทำชำเรา อันมากมายที่เราเห็นคงไม่เกิดขึ้น ถ้าหากว่าไม่มีการเสพสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เสียสติเช่นของพวกนี้
และเมื่ออิสลามห้ามมีสัมพันธ์ทางเพศที่นอกเหนือจากการแต่งงาน เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้ห่างไกลจากโรคที่อันตราย อาทิเช่น เอดส์ หนองใน หรือโรคทางเพศอื่นๆ และเพื่อที่ให้สังคมได้ห่างไกลจากสภาพที่เสื่อมทรามทางศีลธรรม และไม่ให้อนุชนรุ่นใหม่กลายเป็นสังคมเด็กถูกทิ้ง ขาดความอบอุ่นจากแม่ ขาดการดูแลจากพ่อ สุดท้ายก็กลายเป็นภาระของสังคมและเป็นหายนะของสังคมนั่นเอง
และเมื่ออิสลามได้สั่งใช้ให้ผู้หญิงปกปิดเรือนร่างอย่างมิดชิด ท่ามกลางฝูงชน และชายแปลกหน้า เพราะอิสลามมองว่าสตรีคืออัญมณีอันล้ำค่าที่ต้องหวงแหนและเก็บรักษาให้ดี พวกนางไม่ใช่สินค้าราคาถูกที่ถูกเสนออยู่ตามท้องถนนต่อหน้าผู้คน และเพื่อเป็นการปกป้องพวกนางจากผู้คนลามกที่มีนิสัยเสมือนสุนัขจิ้งจอกที่ไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อพวกเขาเว้นแต่เพื่อสนองต่ออารมณ์ตัณหาอันเลวทราม โดยไม่สนใจต่อเกียรติ คุณค่า และความบริสุทธิ์ของสตรีเพศเลย
ในทางตรงกันข้าม อิสลามได้อนุญาตเครื่องดื่มทุกชนิดที่มีประโยชน์ปราศจากโทษ ดังเช่นได้อนุญาตความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงหลังการแต่งงาน ภายใต้ร่มเงาแห่งครอบครัวที่เปี่ยมสุข
ข้อสรุปก็คือ อิสลามมิได้มาเพื่อปิดกั้นอิสระและความต้องการทุกอย่างโดยสิ้นเชิง แต่ทว่าอิสลามมาเพื่อวางและตั้งกฎระเบียบในทุกสิ่งที่เกิดประโยชน์แก่มนุษย์ แก่สังคม และโลกทั้งผอง
6. ความพิเศษอีกด้านหนึ่งที่โดดเด่นในอิสลาม คือ การเอาใจใส่เรื่องคุณค่า คุณลักษณะนิสัย และจรรยามารยาท และได้ห้ามปรามการอธรรม การละเมิดสิทธิ และนิสัยที่ไม่ดีทุกประการ
อิสลามเป็นศาสนาแห่งความรัก การอยู่ร่วมกัน และเมตตากัน อิสลามได้วางระบบความสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อบิดามารดา ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน มิตรสหาย และฝูงชน ได้ปลูกฝังนิสัยที่น่าชื่นชมและจรรยามารยาทที่ดีงามที่สุดในตัวผู้ศรัทธาทุกคน
อิสลามได้ห้ามมนุษย์ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเพียงคนเดียว อิสลามได้อบรมสั่งสอนให้มนุษย์รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เห็นใจความรู้สึกเพื่อนมนุษย์ ดังนั้น คนยากจน เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ และแม่หม้าย ในอิสลามพวกเขาเหล่านี้ล้วนมีสิทธิที่มุสลิมจะต้องดูแล ต้องถือเป็นเรื่องหลัก และจะต้องไม่มองว่าเป็นเรื่องรองที่ไม่สำคัญเท่าไรนัก และจะต้องไม่ช่วยเหลือเพื่อหวังจะลำเลิกบุญคุณหรือดูถูกดูแคลนพวกเขา แต่ทว่า ต้องทำไปด้วยความตระหนักว่ามันเป็นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติและภารกิจจำเป็นของเขาเลยทีเดียว
ในอิสลามถือเป็นบาปใหญ่สำหรับใครคนหนึ่งที่นอนหลับในสภาพที่อิ่ม และรู้ว่าเพื่อนบ้านของเขากำลังอยู่ในสภาพที่หิวโซ และเช่นกันอิสลามได้ห้ามบุคคลสองคนกระซิบคุยกันในขณะที่บุคคลที่สามร่วมวงอยู่ด้วย เพื่อเป็นการถนอมและดูแลความรู้สึกต่อกัน
อิสลามได้ก้าวหน้าไปมากกว่าที่กล่าวมาด้วยซ้ำ เพราะอิสลามได้สั่งให้เรามีความเมตตาแม้กระทั่งต่อสัตว์ และห้ามทำร้ายมันอีกด้วย
ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความละเอียดของอิสลามในเรื่องนี้ก็คือ อิสลามได้ห้ามการเชือดสัตว์ตัวใดๆ ต่อหน้าตัวอื่น ห้ามไม่ให้ลับมีดต่อหน้าสัตว์ที่จะเชือด รวมถึงห้ามเชือดสัตว์ไม่ตายในครั้งเดียว
แท้จริง การมีสัจจะ มีความรับผิดชอบ มีความกล้าหาญ มีความเมตตา มีความละอาย การรักษาสัญญา เป็นมารยาทที่อิสลามได้ส่งเสริมอย่างยิ่ง และเช่นเดียวกับการเยี่ยมผู้ป่วย การเดินส่งศพผู้ตาย การทำดีต่อพ่อแม่ การเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน ช่วยเหลือผู้อื่น ล้วนเป็นมารยาทที่อิสลามส่งเสริมและสั่งใช้ทั้งสิ้น
ในทางกลับกัน อิสลามได้ห้ามมุสลิมอย่างเด็ดขาดจาก การอธรรม การโกหก การหยิ่งยโส การอิจฉา การล้อเลียนผู้อื่นหรือด่าว่าและบิดพลิ้ว เป็นต้น
ในอิสลาม ไม่อนุญาตให้กล่าวถึงบุคคลที่สามในทางที่ไม่ดีถึงแม้จะเป็นความจริงก็ตาม และยังได้เรียกร้องสู่การใช้จ่ายที่พอดีระหว่าง การไม่สิ้นเปลืองจนเกินเหตุและการไม่ตระหนี่ถี่เหนียว
แท้จริงแล้ว ในยุคที่สังคมมากมายกำลังประสบปัญหาความแข็งกระด้างของจิตใจ นิยมวัตถุอย่างเกินขอบเขต เห็นแก่ตัวจนเลยเถิด เรากลับพบว่าอิสลามมีทางออกในการแก้ปัญหาเหล่านี้เอาไว้อย่างดีที่สุด
แปลโดย : อับดุลอาซีซ สุนธารักษ์ / Islamhouse