เชื่ออัลลอฮ์ทุกสิ่งอย่าง
  จำนวนคนเข้าชม  8183

 

เชื่ออัลลอฮ์ทุกสิ่งอย่าง

 

อาจารย์ อะห์ซันนุดดีน มั่งมี


 

         พี่น้องผู้มีศรัทธา มีความยำเกรงต่อ อัลลอฮ์ มนุษย์เราทุกคนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกด้วยกับสีผิว ไม่มีการแบ่งแยกด้วยกับรูปร่างหน้าตา ไม่มีการแบ่งแยกด้วยกับฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงาน ยิ่งไปกว่านี้ เรายังมีเวลา 24 ชั่วโมงที่เท่าเทียมกัน แต่มวลมนุษย์ จะแตกต่างระดับชั้นกันนั้น ขึ้นอยู่กับการทำความดี ขึ้นอยู่กับการตักวา การยำเกรง ต่ออัลลอฮ์ โดยประพฤติปฏิบัติตามในสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงใช้ หลีกเลี่ยงห่าง ไกลจากสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงห้าม 

 

         การตักวานี้เอง เป็นตราชั่งที่ดีที่สุด เป็นสื่อกลางที่ดีที่สุด ที่เราจะต้องนำเสนอต่ออัลลอฮ์ ในวันกียามะห์ ซึ่งเป็นวันที่บุคคลหนึ่งจะหนีจากพ่อแม่ของเขา หนีจากพี่น้องของเขา หนีจากภรรยาและบุตรของเขา เงินทองอำนาจและเกียรติยศ บริวาร ไม่สามารถอำนวยประโยชน์ใดๆได้เลย

          พี่น้องที่เคารพทั้งหลาย เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลักการศรัทธามี 6 ประการ  ประการที่ 1 ต้องศรัทธาว่าพระองค์ อัลลอห์  มีหมายความว่า หากพระองค์ อัลลอห์  ให้เราเห็นพระองค์ เราก็จะเห็นพระองค์ แต่ศาสนากำหนดให้เราท่านทั้งหลายศรัทธาว่าพระองค์ อัลลอห์  ทรงมีอยู่เท่านั้น ซึ่งศาสนามิได้บังคับให้เราต้องรู้ว่า อัลลอห์ อยู่ที่ไหน และหลักฐานที่ชี้ชัดว่า อัลลอห์ ทรงมีนั้น คือโลกดุนยาใบนี้ 

 
          ดังมีวิธีคิดที่ว่า ให้เราคิดย้อนหลังไป ล้านๆๆๆปี แล้วถามตัวเองว่าโลกใบนี้มีหรือไม่ คำตอบก็คือไม่รู้ ไม่รู้ว่ามีหรือไม่มีเท่ากัน เพราะเรายังไม่เกิด แต่ตอนนี้ เวลานี้ ขณะนี้ โลกมีแล้ว เพราะเราเห็นด้วยตา ดังนั้น เราถามตัวเองว่า ในช่วงเวลาที่โลกไม่มี แล้วมามี ใครทำให้โลกเกิดขึ้น คำตอบมีอยู่ 2 ประเด็นคือ 1.มีผู้สร้าง 2.ไม่มีผู้สร้าง คือโลกสร้างตัวมันเองให้มีขึ้นจากเดิม จากเดิมตัวมันไม่มี จากไม่มี มันก็สร้างตัวเองให้มีขึ้น ที่เราเรียกว่าธรรมชาติ 

 
        ประเด็นที่ 2 คือเป็นไปไม่ได้เลย ที่ว่า โลกเกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ เพราะธรรมชาติ ตัวมันเองยังสร้างตัวเองไม่ได้ นับประสาอะไรที่จะไปสร้างสิ่งอื่นให้มี ดังนั้นสิ่งที่มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้น ในอิสลามจะไม่มี 

 
         ดังนั้นเรื่องเกี่ยวกับการมีของพระองค์ อัลลอห์  จำเป็นทีเราจะต้องคิด พิจารณา เมื่อยอมรับแล้วว่า พระองค์ อัลลอห์  ทรงมี ก็มีคำถามอีกว่า พระองค์ อัลลอห์  อยู่ที่ไหน คำตอบก็คือ อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ เพราะการที่จะรู้ว่า พระองค์ อัลลอห์  อยู่ที่ไหนนั้น มันเกินเขตมันสมองเรา เกินขอบเขตสติปัญญาของมวลมนุษย์ ซึ่งมวลมนุษย์ไม่สามารถคิดได้ 
 

ดังที่พระองค์ อัลลอห์ ตรัสว่า (ซูเราะห์ 85 إسراء )


وَيَسْأَلُونَكَ عَنِ الرُّوحِ قُلِ الرُّوحُ مِنْ أَمْرِ رَبِّي وَمَا أُوتِيتُمْ مِنَ الْعِلْمِ إِلَّا قَلِيلًا (85)

 

"และพวกยิวจะถามเจ้า โอ้ (มุฮัมมัด) ถึงเรื่องวิญญาณ เจ้าจงตอบเถิดว่า

อันวิญญาณนั้น เป็นเรื่องราวแห่งองค์อภิบาลของฉัน และพวกท่านไม่มีความรู้เลย นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น "

         จากอายะห์นี้ ชี้ว่ามวลมนุษย์นั้น มีความรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อมีความรู้เพียงเล็กน้อยแล้ว ก็จะรู้สิ่งที่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถที่จะรับรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่สามารถที่จะรับรู้ความเป็นจริงของ พระองค์ อัลลอห์  ได้ ยิ่งไปกว่านี้ สรรพสิ่งสรรพสัตว์ที่ถูกสร้างอีกมากมาย มนุษย์ก็ไม่รู้ความเป็นจริงของมันโดยเฉพาะ เรื่องของดวงวิญญาณ ซึ่งวิญญาณนี้ อยู่กับเราตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย เราก็รู้ว่าตัวเรานี้มีวิญญาณ แต่เราก็ไม่สามารถระบุที่อยู่ของวิญญาณได้ ว่าอยู่ส่วนไหนของร่างกาย อยู่ที่ศีรษะอยู่ที่หัวใจ อยู่ที่ผิวหนัง ไม่สามารถระบุสถานที่ได้ 

         ทำนองเดียวกัน เราก็ไม่สามารถระบุสถานที่ของอัลลอห์  ได้ว่าอยู่ในจักรวาล หรือนอกจักรวาล เพราะความเป็นจริงของ พระองค์ อัลลอห์ เร้นลับและยิ่งใหญ่กว่าดวงวิญญาณ ถึงแม้จะเอาปัญญามนุษย์ทั้งหมดโลกมาคิดวิเคราะห์ ระบุที่อยู่ของ พระองค์ อัลลอห์  ก็ไม่สามารถที่จะระบุได้ เพราะมันเกินขีดของสมองที่จะไปค้นคิดวิเคราะห์ที่อยู่ของ พระองค์ อัลลอห์

 

เมื่อพระองค์ อัลลอห์  ทรงมีแล้ว เพราะเหตุใดไม่เห็นพระองค์ คำตอบก็คือ

     *♦ ถ้าเรามองเห็น พระองค์อัลลอห์ ได้ แน่นอน อัลลอห์ ก็จะเหมือนสิ่งที่ถูกสร้าง เมื่ออัลลอห์ เหมือนสิ่งที่ถูกสร้าง แน่นอน ก็จะเป็นพระเจ้าไม่ได้

     *♦ เมื่อตาของเรามองเห็น พระองค์ อัลลอห์  ดังนั้น ตาของเราจะมีความสามารถเหนือกว่า พระองค์ อัลลอห์  เมื่ออัลลอห์ ถูกเห็น พระองค์ อัลลอห์  ก็อ่อนแอกว่าสายตา ก็จะเป็นพระเจ้าไม่ได้

        ประการแรก ประเด็นที่ว่า พระองค์ อัลลอห์  อยู่ที่ไหน บางที่มันแวบขึ้นมาในใจ ทำให้เราสับสนสงสัยว่า พระองค์ อัลลอห์  อยู่ที่ไหน ก็ให้เราดึงเอาเรื่องวิญญาณมาช่วยว่า วิญญาณมีไหม มี  ! ระบุที่ได้ไหม ไม่รู้ ! ฉะนั้นเรื่องการศรัทธาบางเรื่องบางอย่าง เราคิดไม่ได้ คิดไม่ถึง เราก็จะต้องยอมรับ ยอมศรัทธา ถ้าคิดว่าทุกเรื่องทุกอย่างนั้น จะต้องคิดได้ รับรู้ได้ ถ้าคิดไม่ได้ รู้ไม่ได้ ไม่ศรัทธา ถ้าคิดอย่างนี้ ประตูการอีหม่าน ศรัทธา จะถูกปิดทันที 

         ประการที่สอง จากรุก่นอิหม่าน ต้องศรัทธาต่อมวลมลาอิกะห์ ซึ่งถูกสร้างมาจากรัศมี ซึ่งเป็นเหตุทำให้เราไม่สามารถ มองเห็นมวลมลาอิกะห์ ได้ 

         ประการที่สาม ต้องศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ ซึ่งความหมายของคัมภีร์เหล่านี้ ถูกรวมอยู่ใน พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน 

ประการที่สี่ ต้องศรัทธาต่อบรรดา ร่อซู้ล ซึ่ง ร่อซู้ล ที่สำคัญนั้นมี ๒๕ ท่าน 

          ประการที่ห้า ต้องศรัทธาต่อวันสุดท้ายและการเกิดใหม่ ซึ่งโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ เป็นเพียงวัตถุธาตุชิ้นหนึ่ง ต้องมีการแตกสลายเหมือนกับวัตถุอื่นๆ เมื่อโลกสลาย มนุษย์ทั้งหลายจะต้องไปเกิดใหม่ 

ประการที่หก ต้องศรัทธาต่อก้อฎอก้อดัร ( قضاقدر ) การกำหนดมาจากอัลลอห์ 

        พี่น้องที่เคารพรัก ดุนยาใบนี้ คือการทดสอบ เนี๊ยะมัตต่างๆ เงินทองอำนาจเกียรติยศบุตรบริวาร ทั้งหมดเป็นการทดสอบ จะต้องถูกสอบสวน ส่วนความยากลำบาก ความยากจน ความเจ็บป่วย ก็เป็นการทดสอบเช่นกัน ซึ่ง พระองค์อัลลอห์  ทรงรอบรู้ รู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต รู้ว่าสิ่งไหนเหมาะสมกับบ่าว รู้ว่าสิ่งไหนดีกับบ่าว ดังนั้น พระองค์ อัลลอห์ จะไม่ลำเอียงใน เนี๊ยะมัตต่างๆ ของพระองค์ 

        พี่น้องที่เคารพรัก เราอยากโน่นอยากนี่ อยากร่ำรวยเงินทอง มีอำนาจบารมี แต่อัลลอห์  ไม่ประทานให้ ไม่ได้หมายความพระองค์ อัลลอห์  ลำเอียง  เราขอเงินทอง อำนาจเกียรติยศ แต่ อัลลอห์  ไม่ให้ เพราะอัลลอห์ ทรงรู้ดีว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น จะทำอันตรายต่อบ่าวของพระองค์ และที่สำคัญชี้ว่า อัลลอห์  ทรงรักบ่าวของพระองค์ เหมือนพ่อแม่รักลูก ยิ่งไปกว่านี้ อัลลอห์  ทรงรักเรายิ่งกว่าพ่อแม่รักลูก เพราะอัลลอห์  เป็นผู้บันดาลให้พ่อแม่รักลูก

        พี่น้องที่เคารพรัก พระองค์ อัลลอห์  ทรงกำหนด ให้มีคนรวย และคนจน เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพื่อให้ดุนยาใบนี้ มีการพัฒนา ถ้ารวยเท่ากันหมดทุกคน จะไม่มีการจ้างงาน ทุกอย่างทำเองหมด จ้างไปซื้อกาแฟหนึ่งแก้วให้หนึ่งล้านบาท ก็ไม่มีใครไป เพราะรวยแล้ว ดังนั้น เราจะต้องชื่นชมให้เกียรติช่วยเหลือบททดสอบของพี่น้องของเราทุกคน และอดทนน้อมรับ บทกำหนดของ พระองค์ อัลลอห์  ด้วยความยินดี

 

คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ