หลักความเชื่อของเราต่อวันสุดท้าย(กิยามะฮ์)
  จำนวนคนเข้าชม  6694

 

หลักความเชื่อของเราต่อวันสุดท้าย(กิยามะฮ์)


 

เชค มุฮัมหมัด บิน ซอและฮฺ อั้ลอุไซมีน เขียน


 

     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องวันสุดท้าย นั่นคือวันกิยามะฮฺซึ่งเป็นวันที่จะไม่มีวันใดๆอื่นอีกแล้วภายหลังจากวันนั้น  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปวงชนจะถูกทำให้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้ง เป็นชีวิตที่นิรันดร์ อาจหมายถึงชีวิตในวิมานแห่งความสุข หรือชีวิตในสถานที่แห่งการลงโทษอันปวดร้าว(ก็สุดแล้วแต่)


 

      ♥ พวกเราเชื่อเรื่องการฟื้นคืนชีพ นั่นคือการที่อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ได้ทรงทำให้บุคคลที่ตายไปแล้วกลับขึ้นมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เมื่อมลาอิกะฮ์อิสรอฟีลได้ทำการเป่าแตรสัญญาณครั้งที่สอง 
 

          "และแตรสัญญาณได้ถูกเป่าขึ้น ทันใดนั้นบุคคลที่อยู่ในบรรดาฟากฟ้าและตลอดจนบุคคลที่อยู่ในผืนแผ่นดิน เว้นเสียแต่บุคคลที่อัลลอฮฺทรงพระประสงค์ ต่างพากันล้มลง หลังจากนั้น แตรสัญญาณก็ได้ถูกเป่าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วทันใดนั้นเองพวกเขาก็ต่างพากันลุกขึ้น รอคอย"
 

(อั้ซซุมัร/68)
 

          แล้วผู้คนก็ต่างพากันลุกขึ้นมาจากหลุมศพของพวกเขา มุ่งสู่พระผู้เป็นเจ้าแห่งทุกสรรพสิ่ง โดยที่พวกเขาต่างอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าไม่สวมรองเท้า ไม่มีเสื้อผ้า และไม่ได้ถูกขลิปหนัง(คิต่าน) 
 

          "เฉกเช่นที่เราได้เริ่มทำการสร้างมาแต่แรก เราก็จักนำเขากลับมา(ในสภาพนั้น) มันคือคำมั่นสัญญาของเรา แน่นอนว่าเราย่อมเป็นผู้ที่กระทำ(ตามสัญญาที่ได้ให้ไว้)"
 

(อั้ลอันบิย้าอฺ/104)


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องสมุดบันทึกผลงาน ที่จะมีการส่งมอบให้รับด้วยมือขวา หรือส่งมอบมาทางด้านหลังโดยให้รับด้วยมือซ้าย 

          "ส่วนบุคคลผู้ได้รับมอบสมุดบันทึกของเขาด้วยมือขวา เขาก็จะได้รับการสะสางบัญชีโดยสะดวกและง่ายดาย และเขาก็จะกลับไปหาครอบครัวของเขาอย่างมีความสุข และส่วนบุคคลผู้ได้รับมอบสมุดบันทึกของเขาจากทางเบื้องหลังของพวกเขา เขาก็จะร้องเรียกให้มีความพินาศเกิดขึ้น และเขาก็จะเข้าสู่เพลิงนรก"
 

(อัลอินชิก้อก/7-12)

          "และคนทุกๆคนนั้น เราได้ทำการผูกยึดสมุดบันทึกของเขาไว้ที่คอของเขาแล้ว และเราจะนำมันออกมาให้แก่เขา ณ วันกิยามะฮฺ โดยที่เขาจะพบมันในสภาพของสมุดบันทึกที่ถูกกางแผ่เอาไว้ จงอ่านสมุดบันทึกของเจ้าเสีย วันนี้ แค่ตัวของเจ้าเองก็ถือว่าเป็นการเพียงพอแล้ว ที่จะให้มันได้เป็นผู้ที่คิดบัญชีเจ้า"

(อัลอิ้สร้ออฺ/13-14)


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องบรรดาตราชู ที่จะถูกนำมาวางไว้ในวันกิยามะฮฺ ดังนั้นจะไม่มีชีวิตใดถูกอธรรมเลยแม้แต่น้อย 

          "ดังนั้นผู้ใดที่ประกอบความดีแม้เพียงเทียบเท่ามดตัวเล็กๆตัวหนึ่ง เขาก็จะได้เห็นมัน และผู้ใดที่กระทำความชั่วแม้เพียงเทียบเท่ามดตัวเล็กๆหนึ่งเขาก็จะได้เห็นมัน"

(อัซซั้ลซัละฮฺ/7-8 )

          "ดังนั้นผู้ใดที่บรรดาตราชูของเขาหนัก นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาคือผู้ที่ประสบความสำเร็จ และผู้ใดที่บรรดาตราชูของเขาเบา นั่นก็เท่ากับว่าเขาคือพวกที่สร้างความขาดทุนและความพ่ายแพ้แก่ตัวของพวกเขาเอง ในญะฮันนัมเท่านั้นที่พวกเขาเป็นบุคคลผู้พำนักอยู่อย่างตลอดไป เพลิงจะลุกโหมเข้าเผาผลาญใบหน้าของพวกเขา และพวกเขาจะอยู่ในนั้น(อย่างอดสู)โดยมีสภาพใบหน้าที่บูดเบี้ยวผิดรูป"

(อัลมุอฺมินูน/103-104 )

          "ผู้ใดที่นำความดีหนึ่งความดีมา เขาก็จะได้รับ(ผล)เป็นสิบเท่าของความดีนั้น และส่วนผู้ใดที่นำความชั่วหนึ่งความชั่วมา เขาก็จะไม่ได้รับการตอบแทนใดนอกไปเสียแต่เพียงเท่าๆกันกับความชั่วนั้นเท่านั้น โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอธรรม"
 

(อัลอันอาม/160)


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องการชะฟาอะฮฺ(การเป็นตัวแทนในการวรขอให้แก่ผู้อื่น) ที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นสิทธเฉพาะของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ท่านจะทำการวอนขอต่ออัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่ง ทั้งนี้โดยการอนุมัติจากพระองค์ เพื่อให้พระองค์ได้ทรง(เริ่ม)กระทำการพิพากษาปวงบ่าว ในช่วงเวลาที่ความกลัดกลุ้มและความทุกข์ระทมถาโถมเข้าใส่พวกเขาจนพวกเขาไม่อาจรับได้ไหว พวกเขาจึงพากันไปหา ท่านอาดัม ตามด้วยท่านนู้ฮฺ ท่านอิบรอฮีม ท่านมูซา และตามด้วยท่านอีซา จนกระทั้งมายุติ(สิ้นสุด)อยู่ที่ท่านร่อซูลุลลอฮฺ


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องการชะฟาอะฮฺ ที่จะมีขึ้นแก่บุคคลที่เข้าไปสู่ไฟนรก ในจำนวนหนึ่งจากบรรดาผู้ศรัทธา เพื่อให้พวกเขาได้ออกมาจากนรก ซึ่งถือเป็นสิทธของทั้งท่านนบี และตลอดจนบุคคลอื่นๆด้วย ซึ่งได้แก่บรรดาผู้เป็นนบี บรรดาบุคคลผู้ศรัทธา และตลอดจนบรรดามลาอิกะฮฺ  และเชื่อว่าอัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่ง จะทรงทำให้จำนวนหนึ่งจากบรรดาผู้ศรัทธาได้ออกจากนรก โดยไม่ต้องอาศัยการชะฟาอะฮฺใดๆ หากแต่เป็นไปด้วยกับพระคุณและพระเมตตาของพระองค์


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องบ่อน้ำของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ซึ่งน้ำของมันมีความขาวเสียยิ่งกว่าน้ำนม มีความหวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้ง มีความหอมเสียยิ่งกว่ามิ้ซกฺ(เครื่องหอมชั้นเลิศ) ความยาวของบ่อเท่ากับระยะหนึ่งเดือน และความกว้างก็เท่ากับระยะหนึ่งเดือน เปรียบภาชนะของมัน(ที่ใช้สำหรับตักน้ำ)ได้ดั่งบรรดาดวงดาวบนท้องฟ้า ทั้งในแง่ของความงดงามและในแง่ของความมากมายของจำนวน บรรดาบุคคลผู้ศรัทธาที่มาจากประชาชาติของท่านจะได้เข้ามาดื่มด่ำกับมันโดยที่พวกเขาจะไม่รู้สึกถึงกระหายอีกเลยในภายหลังจากนั้น


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องสะพานอั้ซซิร็อต ที่ทอดยาวอยู่เหนือญะฮันนัม ซึ่งผู้คนแต่ละคนจะข้ามผ่านมันไปตามแต่จำนวนผลงานของตน บุคคลแรกในพวกเขาจะข้ามผ่านมันไปดั่งสายฟ้าแลบ ตามด้วยบุคคลที่ข้ามผ่านมันไปดั่งสายลมพายุ ต่อด้วยการข้ามผ่านที่เป็นไปดั่งนกบินและดั่งชายฉกรรณ์ ซึ่งขณะนั้นท่านนบี ได้หยุดยืนอยู่ที่สะพานอั้ซซิร็อตดังกล่าว พลางพูดขึ้นว่า

" โอ้ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา ได้โปรดบรรดาลให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วยเถิดๆ "

         จนกระทั่งเมื่อผลงานของผู้เป็นบ่าวเริ่มร่อยหลอและไม่อาจส่งผลดีใดๆได้อีก ก็จะมีบุคคลที่พยามข้ามผ่านไปในสภาพที่เขาใช้การคืบและการคลานในการเคลื่อนที่ ซึ่งขณะนั้นตลอดสองฝั่งของสะพานจะเต็มไปด้วยขอเหล็กที่ถูกแขวนห้อยอยู่ ซึ่งมันถูกสั่งให้ไปเกี่ยวเอาบุคคลที่ถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายลงมา สภาพดังกล่าวทำให้คนที่รอดไปได้ก็จะรอดไปอย่างทุลักทุเลส่วนคนที่ขาดทุนล้มเหลวก็จะต้องอยู่ในไฟนรก


     ♥ พวกเราเชื่อมั่นต่อทุกๆสิ่งที่ได้ระบุอยู่ในพระคัมภีร์และในอัซซุนนะฮฺ เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆและตลอดจนเกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัวทั้งหลายของวันๆนั้น ขออัลลอฮฺได้โปรดทรงความช่วยเหลือพวกเราให้ผ่านพ้นเรื่องราวดังกล่าวไปได้ด้วยดีด้วยเถิด


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องการขอชะฟาอะฮฺของท่านนบี ที่มีให้แก่บรรดาบุคคลที่เป็นชาวสวรรค์เพื่อให้พวกเขาได้(เดินทาง)เข้าสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งถือเป็นสิทธเฉพาะของท่านนบี


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องสวรรค์และนรก ซึ่งสวรรค์คือวิมานแห่งความสุข ที่อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่งได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ศรัทธา ผู้ที่มีความยำเกรง ในนั้นมีความสุขสมที่ตาไม่เคยเห็นมาก่อน หูไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน และแม้แต่หัวใจของมนุษย์ก็ยังไม่เคยคิดและมโนภาพไว้มาก่อน 

"ดังนั้นชีวิตหนึ่ง ย่อมไม่ทราบถึงสิ่งที่เป็นแก้วตาขวัญใจที่ถูกปกปิดไว้แก่พวกเขา ซึ่งมันเป็นผลตอบแทนจากสิ่งที่พวกเขาได้ทำกันมา"

(อั้ซซั้จดะฮฺ/17)

         ส่วนนรกนั้นก็คือทัณฑสถาน (สถานที่สำหรับการลงโทษ) ที่อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ได้ทรงตระเตียมไว้สำหรับพวกที่ปฏิเสธ พวกที่อธรรมทั้งหลาย ในนั้นมีการลงโทษ และการทรมาน ที่ความนึกคิดไม่เคยคาดการณ์ถึงมาก่อน 

        "แน่นอนว่าเราได้ตระเตรียมนรกไว้สำหรับพวกที่อธรรมทั้งหลายแล้ว ซึ่งกำแพงของมันได้ปิดล้อมพวกเขาไว้ และถ้าพวกเขาวอนขอความช่วยเหลือ พวกเขาก็จะได้รับการสนองตอบต่อคำวอนขอนั้น ด้วยน้ำที่เหมือนดั่งทองแดงที่ถูกหลอมจนเหลว ลวกที่ใบหน้าของพวกเขา มันช่างเป็นเครื่องดื่มที่เลวร้ายจริงๆ และช่างเป็นที่พำนักที่แย่เสียจริงๆ"

(อั้ลก้ะฮฺฟฺ/29)

        ซึ่ง ณ ขณะนี้ทั้งสวรรค์และนรก ต่างเป็นสิ่งที่ถูกทำให้มีขึ้นมาแล้วจริงๆ(มีอยู่จริงแล้ว ณ ขณะนี้) และทั้งสอง(สถานที่)จะไม่มีทางสูญสลายไปไหนตราบชั่วนิรันดร์ 

        "และผู้ใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และกระทำความดี เขาผู้นั้นก็จะถูกนำเข้าสู่บรรดาสวรงสวรรค์ที่มีลำธารหลายสายไหลอยู่เบื้องใต้ พวกเขาจะอยู่อย่างนิรันดร์ในนั้น แน่นอนว่าอัลลอฮฺได้ทรงตระเตรียมปัจจัยไว้อย่างดีสำหรับพวกเขาแล้ว"
 

(อัตเตาะล้าก/11)

         "แน่นอนว่าอัลลอฮฺได้ทรงสาปแช่งพวกที่ปฏิเสธและได้ทรงตระเตรียมเปลวไฟ(นรก)ไว้สำหรับพวกเขา พวกเขาจะอยู่ในนั้นอย่างนิรันดร์ตลอดไป โดยที่พวกเขาจะไม่พบผู้ให้การคุ้มครองและผู้ให้ความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น วันที่ใบหน้าของพวกเขาจะถูกทำให้พลิกกลับลงไปสู่ไฟนรก พวกเขาจะกล่าวกันว่า มันน่าเสียเหลือเกิน พวกเราน่าจะภักดีต่ออัลลอฮฺและเชื่อฟังท่านร่อซู้ล(เสียก็ดี)"

(อัลอะฮฺซ้าบ/64-66)


          ♥ พวกเราจะให้การรับรองแก่บุคคลทุกๆคน ที่พระคัมภีร์และอัซซุนนะฮฺได้ให้การรับรองไว้ว่าจะเป็นชาวสวรรค์ ทั้งที่เป็นการรับรองที่มีให้แก่รายบุคคลหรือที่มีให้ต่อคุณลักษณะของบุคคล ซึ่งส่วนหนึ่งจากการรับรองที่มีให้แก่รายบุคคลนั้น ได้แก่ การรับรองที่มีขึ้นแก่ท่านอบูบักร ท่านอุมัร ท่านอุสมาน และท่านอลี และตลอดจนท่านอื่นๆที่ท่านนบี ได้ทำการชี้แจงเอาไว้ ส่วนการรับรองที่มีให้ต่อคุณลักษณะของบุคคลนั้น ได้แก่ การรับรองที่มีขึ้นแก่บุคคลที่เป็นผู้ศรัทธาหรือที่เป็นผู้ที่มีความยำเกรงทุกๆคน

         อีกทั้งพวกเรายังให้การยืนยันต่อบุคคลที่พระคัมภีร์และอัซซุนนะฮฺได้ให้การยืนยันไว้ว่าจะเป็นชาวนรก ทั้งที่เป็นการยืนยันต่อรายบุคคลหรือที่เป็นการยืนยันต่อลักษณะของบุคคล ซึ่งส่วนหนึ่งจากการยืนยันที่มีขึ้นต่อรายบุคคลนั้นได้แก่ การยืนยันที่มีขึ้นต่อ อบูญะฮฺลฺ และ อั้มร์ บิน ลุฮัย อั้ลคุซาอี และตลอดจนบุคคลอื่นๆ ที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับบุคคลทั้งสองนี้ด้วย และส่วนการยืนยันต่อลักษณะของบุคคลนั้นก็ได้แก่ การยืนยันที่มีต่อผู้ที่ปฏิเสธ ผู้ที่ทำชิริกใหญ่ และ มุนาฟิก


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องการทดสอบของสุสาน ซึ่งหมายถึง การสอบสวนผู้ตาย ณ สุสานของเขาถึง พระผู้เป็นเจ้าของเขา ศาสนาของเขา และถึงนบีของเขา โดยที่ 

"อัลลอฮฺจะทรงทำให้ผู้ที่ศรัทธามีความมั่นคง ด้วยกับถ้อยคำที่มีความหนักแน่นทั้งในชีวิตดุนยาและในอาคิเราะฮฺ"

( อิบรอฮีม/27)

         ดังนั้น บุคคลผู้เป็นผู้ศรัทธาก็จะตอบไปว่า พระผู้เป็นเจ้าของฉันคืออัลลอฮฺ ศาสนาของฉันคือศาสนาอิสลาม และนบีของฉันก็คือท่านมุฮัมหมัด ส่วนบุคคลที่เป็นผู้ที่ปฏิเสธและพวกมุนาฟิกนั้น เขาก็จะพูดขึ้นว่า ฉันไม่รู้ ฉันเพียงเคยได้ยินผู้คนเขาพูดอะไรกันสักอย่าง แล้วฉันก็แค่พูดตามๆไปเท่านั้น


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องความสุขแห่งสุสานที่มีแก่ผู้ศรัทธา 

          "คือบรรดาผู้ที่เหล่ามลาอิกะฮฺได้ทำการเก็บชีวิตของพวกเขาในสภาพที่พวกเขาเป็นบุคคลที่ดี พวกท่านต่างกล่าวกันว่า ความสงบสุขจงมีแด่พวกท่าน พวกท่านจงเข้าไปสู่สรวงสวรรค์เถิด ทั้งนี้เนื่องด้วยสิ่งที่พวกท่านได้เคยประพฤติปฏิบัติกันมานั่นเอง"

( อันน้ะฮฺลฺ/32)


     ♥ พวกเราเชื่อเรื่องการทรมานแห่งสุสานที่มีขึ้นแก่พวกที่อธรรม พวกที่ปฏิเสธ 

        "และหากเจ้าได้เห็น เวลาที่พวกที่อธรรมตกอยู่ในความหวั่นสะท้านแห่งความตาย ขณะที่เหล่ามลาอิกะฮฺต่างแบมือของพวกท่านออกมา พวกเจ้าจงขับเอาชีวิตของพวกเจ้าออกมาเสียเอง วันนี้พวกเจ้าจะต้องโดนตอบแทนด้วยการลงโทษที่สร้างความอัปยศอย่างยิ่ง ทั้งนี้เนื่องจากการที่พวกเจ้าได้กล่าวร้ายต่ออัลลอฮฺด้วยสิ่งที่ไม่เป็นความจริงแต่ประการใดและเนื่องด้วยการที่พวกเจ้าได้เคยอวดดีกับสัญญาณต่างๆของพระองค์มาก่อน"
 

( อั้ลอันอาม/93)

 

        และยังมีอัลฮะดีษอีกมากมายที่พูดถึงประเด็นๆนี้ ซึ่งก็ต่างเป็นที่รับทราบกันดีอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่สำหรับผู้ที่ศรัทธาที่จะต้องเชื่อมั่นต่อทุกๆสิ่งที่พระคัมภีร์และตลอดจนอัซซุนนะฮฺได้แจ้งเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องราวที่พ้นญาณวิสัย(เรื่องเร้นลับ)เหล่านี้ และจะต้องไม่กระทำการโต้แย้งประเด็นดังกล่าวด้วยกับสิ่งที่ตนพบเห็นมาในดุนยา เพราะเรื่องราวแห่งอาคิเราะฮฺนั้นไม่สามารถนำมาเทียบกับเรื่องราวของดุนยาได้ ทั้งนี้เนื่องจากความแตกต่างกันอย่างมากที่ปรากฏอยู่อย่างชัดเจนระหว่างโลกทั้งสองโลกนี้นี่เอง และอัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าที่เราขอการสนับสนุน และขอความช่วยเหลือ

 


 

ในหนังสือ อะกีดะฮฺ อะฮฺลิ้ซซุนนะวั้ลญะมาอะฮฺ

อาบีดีณ โยธาสมุทร    แปลและเรียบเรียง