การกูนูตในการละหมาด
  จำนวนคนเข้าชม  59212


 

การกูนูตในการละหมาด

 

โดย.... อ.มุคตาร  ชนะมิตร

 

การกูนูตได้ถูกบัญญัติให้อ่านดังๆในละหมาดห้าเวลาขณะที่เกิดภัยอันตรายหรือเคราะห์กรรมต่างๆ
 

รายงานจากท่านอิบนิอับบาส  ว่า

 
قنت الرسول صلى الله عليه وسلم شهرا متتابعا فى الظهر والعصر والمغرب والعشاء والصبح فى دبر كل صلاة إذا قال سمع الله لمن حمده من الركعة الأخيرة : يدعو عليهم , على حى من بني سليم وعلى رعل وذكوان وعصية ويؤمن من خلفه .

 

     “ท่านร่อซูล ได้ดุอาอกุนูต เป็นเวลาหนี่งเดือนติดต่อกันทั้งเวลาซุฮริ อัศริ มัฆริบ อิชาอ และศุบฮิ และในตอนท้ายละหมาดทุกเวลา เมื่อท่านได้กล่าวว่า ”สะมีอันลอฮุลีมันฮามีดะอ” ในร็อกอัดสุดท้าย แล้วท่านก็อ่านดุอา แช่งพวกเขา คือพวกหนึ่งจากบะนีสุลัยมิน และสาปแช่งเผ่าเรี้ยะอลิน เผ่าสักวาน และเผ่าอุศ็อยยะฮ คนที่ละหมาดตามต่างกล่าวว่า อามีน "
 

(บันทึกโดย อบูดาวูด และอะฮหมัด)
 

อะฮ์หมัด ได้รายงานเพิ่มเติมว่า 
 

“ท่านนบี  ได้ส่งบรรดาซอฮาบะห์ไปยังพวกดังกล่าวเพื่อเรียกร้องเชิญชวนให้เข้ารับอิสลาม แต่พวกเขากลับฆ่าบรรดาสาวกเหล่านั้น"
 

อิกรีมะฮ ได้กล่าวว่า อันนี้ถือเป็นกุญแจของดุอากูนูต

 

        รายงานจากอบูฮุรอยเราะฮ์ ว่า เมื่อท่านนบี ต้องการจะสาปแช่ง หรือขอพรใครแล้ว ท่านจะกุอากูนูต โดยทำหลังรุกั้วะอ์ บางครั้งท่านกล่าวว่า “สะมิอัลลอฮุลิมันฮะมีดะฮ ร็อบบะนา วะละกัลฮัมดุ” แล้วท่านก็อ่านดังนี้

 
اللهم أنج الوليد بن الوليد وسلمة بن هشام وعياش بن أبي ربيعة والمستضعفين من المؤمنين . اللهم اشدد وطأتك على مضر واجعلها عليهم سنين كسنى يوسف.

 

        "โอ้อัลลอฮ ขอได้โปรดให้อัลวะลีด อิบนิ อัลวะลีด ฮิชาม อิบนี่ ฮีชาม อิยาชอิบนี่อะบีรอบีอะฮ และบรรดาคนที่อ่อนแอจากบรรดาผู้ศรัทธาได้ปลอดภัยด้วยเถิด โอ้อัลลอฮขอพระองค์ได้โปรดทรงลงโทษอย่างรุนแรง แก่เผ่ามุฎ็อรและขอได้โปรดให้เกิดปีแห่งความแห้งแล้งแก่พวกเขาดั่งเช่นปีแห่งความแห้งแล้งในสมัยนบียูซุฟ"

         อบีฮุรอยเราะฮได้กล่าวอีกว่า ท่านนบี  ได้กล่าวดุอากูนูตดังๆ ท่านอ่านในละหมาดบางครั้งและในละหมาดศุบฮิ ท่านเคยกล่าวดุอากูนูตดังนี้


  "  اللهم العن فلانا وفلانا .  "       โอ้อัลลอฮ ขอได้โปรดลงโทษ คนนั้น และคนนั้นด้วยเถิด

จนกระทั่งอัลลอฮ ทรงประทานอัลกุรอานอายะห์นี้มา


ليس لك من الأمر شيئ أو يتوب عليهم أو يعذبهم فإنهم ظالمون.

 “ไม่มีสิ่งใดในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าเลย จนกว่าอัลลอฮจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา หรือลงโทษพวกเขา เพราะความจริงพวกเขาเป็นผู้อธรรม” 
 

(บันทึกโดย อะฮ์หมัด และบุคอรีย์)


การกุนูตในละหมาดซุบฮิ

 

         การกุนูตในละหมาดซุบฮินั้นไม่มีบัญญัติให้ทำ นอกจากมีเคราะห์กรรมเกิดขึ้นเท่านั้น และไม่จำกัดเฉพาะเวลาซุบฮิ แต่ให้กุนูตในเวลาอื่นๆอีกทั้งห้าเวลา  ได้มีบันทึกจากท่านอีหม่ามอะหมะด อันนะซาอี อิบนิมาญะอ และติรมีซีซึงเป็นฮะดีษซอฮีฮ์ ซึ่งรายงานมาจากอบีมาลิก อัลอัชญะอีว่า


كان أبي قد صلى خلف رسول الله صلى الله عليه وسلم وهو إبن ست عشرة سنة وأبي بكر وعمر وعثمان . فقلت أكانوا يقنتون ؟ قال : لا: أي بنى محدث .

" พ่อของฉัน เคยละหมาดหลังท่านรอ่ซูล  ในขณะที่ท่านอายุ 16 ปี และเคยละหมาดหลังท่านอบีบักร อุมัร และอุษมาน 

ฉันได้ถามว่า เขาเหล่านั้นเคยอ่านดุอากุนูตไหม ? 

เขาตอบว่า ไม่เคย โอ้ลูกรัก นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไหม่

ได้มีบันทึกจากนุฮิบบาน อัลคอตีบ และท่านคุซัยมะฮ์ โดยถือว่าเป็นฮะดีษซอฮีฮ ซึ่งรายงานจากท่านอนัสว่า


ان النبي صلى الله عليه وسلم كان لا يقنت فى صلاة الصبح إلا إذا دعا لقوم أو على قوم .

“ แท้จริงท่านนบี ไม่เคยดุอากุนูตในละหมาดซุบฮิเลย นอกจากเมี่อท่านขอดุอาให้กลับกลุ่มชน หรือไม่ก้อเป็นดุอาสาปแช่งกลุ่มชนนั้น"

          ท่านซุเบรและบรรดาคอลีฟะฮฺทั้งสามท่านได้รายงานว่า พวกเขาไม่เคยกูนูตใสเวลาซุบฮิเลย นี่เป็นทัศนะของท่านอีหม่ามฮะนะฟี ฮัมบาลี อิบนุมุบาร็อก อัษเษารี และอิสหาก  ส่วนท่านอีหม่ามชาฟีอีถือว่าการกุนูตในละหมาดซุบฮิหลังจากรุกั๊วะในร็อกอัตที่สองนั้นเป็นซุนนะห์ โดยมีฮะดิษต่อไปนี้


บันทึกจากกลุ่มผู้บันทึกฮะดิษ ยกเว้นติรมีซี โดยรายงานจากอิบนิซีรีนว่า อะนัสอิบนุมาลิก ถูกถามว่า


هل قنت النبي صلى الله عليه وسلم فى صلاة الصبح ؟ فقال : نعم . قيل له : قبل الركوع أو بعد ه؟ قال : بعد الركوع .

" ท่านนบี  เคยดุอากุนูตในละหมาดซุบฮิหรือเปล่า? 

อะนัสตอบว่า ครับ ท่านทำ 

แล้วมีผู้ถามต่ออีกว่า ท่านกุนูตก่อนรุกั้วะหรือหลังรุกั้วะ ? 

อะนัสตอบว่า หลังรุกั้วะ

 

บันทึกจากอะหมัด อัลบัซซาร อัดดารุ้ลกุฎนี อัลบัยฮะกี และฮากิม ถือว่าเป็นหะดิษซอฮีฮซึ่งรายงานมาจากท่านอะนัสว่า


مازال رسول الله صلى الله عليه وسلم يقنت فى الفجر حتى فارق الدنيا .

" ท่านรอซูล  ยังคงดุอากุนูตในเวลาฟัจริ จนกระทั่งท่านได้จากโลกนี้ไป "

          นักวิชาการค้านว่า ในการอ้างฮะดิษนี้มีข้อติง เพราะดุอาที่ถูกถามนั้น คือกูนูตในเรื่องของผู้ที่ประสพเคราะห์กรรมต่างหาก ดังปรากฏหลักฐานชัดเจนในรายงานของบุคอรีย์ และมุสลิม

         ส่วนฮะดิษที่สองที่ว่าท่านนบี  ได้กุนูตจนกระทั่งท่านจากโลกนี้ไปนั้น ในรายงานของฮะดิษนี้มีญะฟัร อัรรอซี ซึ่งนักวิชาการกล่าวว่าเป็นบุคคลที่อ่อนหลักฐาน ฉะนั้นฮะดิษของเขาจึงนำมาเป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะไม่สมเหตุสมผลหรือกินกับปัญญาเลย ที่ว่าท่านรอซูลศอลฯได้ดุอากุนูตในเวลาซุบฮิตลอดชีวิตของท่าน แล้วบรรดาคอลีฟะฮ์หลังจากท่านกลับมาทิ้งเสีย ยิ่งไปกว่านั้นท่านอะนัสเองผู้รายงานฮะดิษนี้ก้อไม่ได้ทำกุนูตในเวลาซุบฮิ ดังปรากฏในรายงาน



          ถ้าจากฮะดิษศอฮี้ฮ์ คำว่ากุนูตที่กล่าวมานั้นจะต้องหมายถึงการที่ท่านนบี  ยืนนานๆ เพื่อขอพรหรือสรรเสริญหลังรุกั้วะอย่างที่ท่านเคยทำอย่างนั้น และมีส่วนคล้ายกับดุอากุนูตอย่างนี้น่าจะถูกต้องกว่า อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างดังกล่าวเป็นเรื่องทำได้ ละทิ้งได้มีน้ำหนักเท่ากัน แต่ทางนำจากท่านรอซูล  นั้นย่อมเหนือและดีกว่าสิ่งอื่นใด