หลักความเชื่อของเรา
  จำนวนคนเข้าชม  6493

หลักความเชื่อของเรา

 

เชค มุฮัมหมัด บิน ซอและฮฺ อัลอุไซมีน
 

 

          หลักความเชื่อของเรา คือ การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ต่อบรรดามะลาอิกะฮฺของพระองค์ ต่อคัมภีร์ต่างๆของพระองค์ ต่อบรรดาผู้ทำหน้าที่เผยแผ่สารของพระองค์ ต่อวันสิ้นสุด และต่อกำหนดสภาวการณ์ของพระองค์ทั้งที่เป็นสิ่งที่ดีและไม่ดี

 

- ♥ - พวกเราเชื่อมั่นในการเป็นพระเจ้าของ อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่งโดยเชื่อว่าพระองค์คือ พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงสร้าง พระผู้ทรงถือกรรมสิทธิ์เด็ดขาด พระผู้ทรงควบคุมและบริหารกิจการต่างๆทั้งหมด


- ♥ - พวกเราเชื่อมั่นในการเป็นพระผู้ทรงถือสิทธิ์อันถูกต้อง ต่อการได้รับการสักการะและภักดี(อิบาดะฮฺ)ของพระองค์ โดยเชื่อว่าพระองค์คือ พระผู้ทรงซึ่งสิทธิอันถูกต้องต่อการได้รับการสักการะและภักดีที่แท้จริง และสิ่งอื่นใดทั้งหมดที่ได้รับการเคารพภักดีนอกเหนือจากพระองค์นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นไปโดยมิชอบทั้งสิ้น


- ♥ - พวกเราเชื่อมั่นในบรรดาพระนามและพระลักษณะของพระองค์ โดยเชื่อว่าพระองค์นั้น ทรงซึ่งพระนามอันงดงามมากมาย และทรงซึ่งพระลักษณะอันสมบูรณ์และสูงส่ง


- ♥ - พวกเราศรัทธาในความเป็นเอกะของพระองค์ในประเด็นที่ได้กล่าวมาทั้งหมด โดยเชื่อว่าไม่มีหุ้นส่วนใดๆทั้งสิ้นเข้ามามีส่วนร่วมกับพระองค์ ทั้งในความเป็นเจ้าของพระองค์ ในการถือสิทธิ์อันชอบธรรมต่อการได้รับการสักการะและภักดี(อิบาดะฮฺ)ของพระองค์ และตลอดจนในบรรดาพระนามและพระลักษณะของพระองค์ อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ตรัส ความว่า 

"พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งฟากฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ตลอดจนสรรพสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ดังนั้น สูเจ้าจงสักการะและภักดีแด่พระองค์ และจงยืนหยัดอดทนต่อการสักการะและภักดีแด่พระองค์เถิด สูเจ้ารู้ใช่ไหมว่าพระองค์ทรงมีพระนาม"

(มัรยัม/๖๕)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า "อัลลอฮฺคือ พระผู้ทรงไม่มีผู้ที่ถือสิทธิ์อันถูกต้องต่อการได้รับการอิบาดะฮฺอื่นใดอีกนอกจากพระองค์เท่านั้น พระผู้ทรงซึ่งชีวิต พระผู้ทรงควบคุมดูแล ความง่วงและการนอนไม่สามารถมีอิทธิพลใดๆกับพระองค์ สรรพสิ่งในฟากฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินนั้น เป็นของพระองค์ ผู้ใดกันเล่า(ไม่มีผู้ใด)จะสามารถเป็นตัวแทนขอต่อพระองค์ให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ เว้นเสียแต่จะต้องได้รับอนุมัติจากพระองค์(เสียก่อน)

พระองค์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่อยู่เบื่องหน้าของพวกเขา(อนาคต)และตลอดจนสิ่งที่อยู่เบื่องหลังของพวกเขา(อดีต) แต่ทว่าพวกเขาย่อมไม่สามารถรับรู้เกี่ยวกับประเด็นหนึ่งประเด็นใดจากความรู้ของพระองค์อย่างครอบคลุมและครบถ้วนได้ เว้นเสียแต่ในประเด็นที่พระองค์ทรงประสงค์เท่านั้น เก้าอี้(ที่สำหรับวางพระบาตรทั้งสองของพระองค์)นั้น กว้างขวางทั่วทั้งบรรดาฟากฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการดูแลรักษามันทั้งสองไว้นั้น ไม่ได้สร้างความลำบากใดๆแก่พระองค์เลย และพระองค์คือ พระผู้ทรงสูงส่ง พระผู้ทรงยิ่งใหญ่"
 

(อั้ลบะกอเราะฮฺ/๒๕๕)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า "พระองค์คือ อัลลอฮฺ พระผู้ซึ่งไม่มีผู้ที่ถือสิทธิ์อันถูกต้องต่อการได้รับการอิบาดะฮฺอื่นใดอีกนอกจากพระองค์เท่านั้น พระผู้ทรงรอบรู้ทั้งสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย พระองค์คือพระผู้ทรงเมตตาอย่างกว้างขวาง พระผู้ทรงปราณีแก่ผู้ที่ศรัทธา พระองค์คือ อัลลอฮฺ พระผู้ซึ่งไม่มีผู้ที่ถือสิทธิ์อันถูกต้องต่อการได้รับการอิบาดะฮฺอื่นใดอีกนอกจากพระองค์เท่านั้น พระองค์คือ พระผู้ทรงถือครองกรรมสิทธิ์เด็ดขาด พระผู้ทรงบริสุทธิ์ พระผู้ทรงศานติสุขปลอดภัย พระผู้ทรงให้การยืนยันและสนับสนุน(แก่บรรดาผู้ทำหน้าที่เผยแผ่สารของพระองค์ ด้วยหลักฐานอันชัดเจนต่างๆที่ทรงส่งมาให้แก่พวกเขา)

พระผู้ทรงสอดส่องดูแล พระผู้ทรงซึ่งเกียรติยศ พระผู้ทรงซึ่งอำนาจอันเด็ดขาด พระผู้ทรงยิ่งใหญ่ อัลลอฮฺนั้น ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาอุปโลกกันขึ้นมาให้เป็นภาคีร่วมกับพระองค์. พระองค์คือ อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสร้าง พระผู้ทรงทำให้สิ่งหนึ่งมีขึ้นมาได้ พระผู้ทรงสร้างสรรค์รูปลักษณ์ พระองค์นั้นทรงซึ่งบรรดาพระนามอันแสนวิจิตร สรรพสิ่งต่างๆทั้งในฟากฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่พระองค์ และพระองค์คือ พระผู้ทรงซึ่งเกียรติยศ พระผู้ทรงซึ่งเหตุผลและความเหมาะสม"
 

(อั้ลฮั้ชรฺ/๒๒-๒๔)


- ♥ - พวกเราศรัทธาว่า กรรมสิทธิ์แห่งบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินนั้น เป็นของพระองค์ "ทรงสร้างสรรค์สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ ทรงมอบทายาทที่เป็นเพศหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงมอบทายาทที่เป็นเพศชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ หรือทรงทำให้ทายาทเหล่านั้นอยู่ร่วมกัน โดยมีทั้งที่เป็นเพศชายและทั้งที่เป็นเพศหญิง และทรงทำให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เป็นบุคคลที่ไม่สามารถสืบทายาทได้ แน่นอนว่าพระองค์คือ พระผู้ทรงรอบรู้อย่างยิ่ง พระผู้ทรงซึ่งความสามารถอันสมบูรณ์"
 

(อั้ชชูรอ/๔๙ – ๕๐)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า พระองค์นั้น "ไม่มีสิ่งใดเหมือนดั่งพระองค์ และพระองค์คือ พระผู้ทรงได้ยิน พระผู้ทรงเห็น บรรดากุญแจของคลังแห่งบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินนั้น เป็นของพระองค์ ทรงแผ่ปัจจัยยังชีพให้แก่ผู้ที่ทรงประสงค์ และทรงทำให้มันบั่นทอนและคับแคบลง แน่นอนว่าพระองค์คือ พระผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง"
 

( อั้ชชูรอ/๑๑-๑๒ )


- ♥ - พวกเราเชื่อว่าพระองค์คือ พระผู้ที่ "ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในผืนแผ่นดิน นอกจาก อัลลอฮฺ จะทรงเป็นผู้ควบคุมดูแลเรื่องของปัจจัยยังชีพของมันให้แก่มัน และพระองค์ทรงรอบรู้ถึงที่พำนักที่ถาวร และที่พำนักชั่วคราวของมัน เหล่านี้ทั้งหมด ล้วนอยู่ในบันทึกอันชัดเจน" 
 

( ฮู้ด/๖ )


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า พระองค์คือพระผู้ที่ "บรรดากุญแจแห่งเรื่องเร้นลับนั้น อยู่ ณ ที่พระองค์ ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงพวกมันเหล่านั้นได้นอกจากพระองค์เท่านั้น และพระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่อยู่บนบกและสิ่งที่อยู่ในทะเล และไม่มีใบไม้ใบใดที่ร่วงหล่นลงมา นอกเสียจากพระองค์ได้ทรงรอบรู้ถึงมัน และไม่มีเมล็ดพันธุ์ใดที่อยู่ภายใต้ความมืดมิดแห่งผืนดิน และไม่มีแม้แต่สิ่งที่มีลักษณะชื้นและสิ่งที่มีลักษณะแห่งใดเลย เว้นเสียแต่จะอยู่ในบันทึกอันชัดเจนทั้งสิ้น"
 

(อั้ลอันอาม/๕๙)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ นั้นคือพระผู้ที่ "ความรู้เกี่ยวกับวันสิ้นสุดอยู่ ณ ที่พระองค์เท่านั้น พระองค์ทรงประทานฝนลงมาและทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในมดลูก และไม่มีชีวิตใดจะรู้ได้ว่า มันจะขวนขวายมาซึ่งสิ่งใดในวันพรุ่งนี้ และไม่มีชีวิตใดที่จะรู้ได้ว่า มันจะตายลง ณ ผืนแผนดินผืนใด แน่นอนว่า อัลลอฮฺ คือ พระผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง พระผู้ทรงมีความชำนาญอย่างเป็นที่สุด"
 

( ลุกมาน/๓๔)


- ♥ - พวกเราศรัทธาว่า อัลลอฮฺ นั้น ทรงตรัสตามที่ทรงมีพระประสงค์ เมื่อทรงมีพระประสงค์ อย่างที่ทรงมีพระประสงค์

"และอัลลอฮฺ ได้ทรงตรัสรับสั่งกับมูซาจริงๆ"

(อันนิสาอฺ/๑๖๔)
 

"และเมื่อมูซาได้มาถึงตามกำหนดเวลาของเรา และพระผู้เป็นเจ้าของเขาก็ได้ทรงตรัสรับสั่งกับเขา"
 

(อัลอะอฺร้อฟ/๑๔๓)

"และเราได้เรียกเขาจากด้านข้างทางขวาของภูเขา และเราได้ทำให้เขาได้เข้ามาใกล้โดยอยู่ในสภาพของผู้ที่มาเข้าเฝ้า"

 (มัรยัม/๕๒)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่าพระองค์ คือพระผู้ที่ "หากท้องทะเลเป็นน้ำหมึกสำหรับพระดำรัสต่างๆของพระผู้เป็นเจ้าของฉันแล้วไซร้ แน่นอนว่าท้องทะเลย่อมแห้งขอดสิ้น ก่อนที่พระดำรัสต่างๆของพระผู้เป็นเจ้าของฉันจะสิ้นสุดลงเสียอีก" 

(อัลกะฮฟฺ/๑๐๙)

"และหากบรรดาต้นไม้ทั้งหลายที่มีอยู่ในแผ่นดินเป็นปากกา และหากท้องทะเลขยายอาณาเขตเพิ่มเติมไปอีกเจ็ดน่านน้ำ พระดำรัสของอัลลอฮฺ ก็ยังไม่สิ้นสุดลง แน่นอนว่า อัลลอฮฺ คือ พระผู้ทรงซึ่งเกียรติยศ พระผู้ทรงซึ่งเหตุผลและความเหมาะสม"

(ลุกมาน/๒๗)


- ♥ - พวกเราศรัทธาว่า พระดำรัสของพระองค์นั้นเป็นคำพูดที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งในแง่ของความสัจจริงในการบอกเล่า และในแง่ของความเป็นธรรมในการตัดสินและกำหนดบทบัญญัติ ตลอดจนในแง่ของความงดงามของข้อความและคำพูด อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสไว้ความว่า 

"พระดำรัสแห่งพระผู้เป็นเจ้าของเจ้านั้น ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้วซึ่งความสัจจริงและความเป็นธรรม"

(อัลอันอาม/๑๑๕)

และตรัสไว้ความว่า

 "และใครกันเล่าจะมีคำพูดที่สัจจริงมากไปกว่าอัลลอฮฺ"

(อันนิสาอฺ/๘๗)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลกุรอาน อันมีเกียรติเป็นพระดำรัสของอัลลอฮฺ โดยพระองค์ได้ตรัส อัลกุรอานออกมาจริงๆ และทรงประทานพระดำรัสที่เป็นอัลกุรอ่านนั้นแด่ท่านญิบรีล จากนั้นท่านญิบรีลจึงได้นำอัลกุรอ่าน ลงมาสู่หัวใจของท่าน นบี 

"จงพูดเถิดว่า ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ ได้นำมันลงมาจากพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าด้วยสัจธรรมความจริง"

(อันนะฮฺล/๑๐๒)

"และแน่นอนว่ามันคือ การประทานลงมาจากพระผู้เป็นเจ้าแห่งทุกสรรพสิ่ง โดยที่ดวงวิญญาณที่มีความรับผิดชอบยิ่งได้นำมันลงมาสู่หัวใจของเจ้า เพื่อให้เจ้าได้เป็นหนึ่งจากบรรดาผู้กล่าวเตือน ด้วยภาษาอาหรับที่ชัดเจนยิ่ง"

(อัชชุอะร้ออฺ/๑๙๒ – ๑๙๕)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ อัซซะวะญั้ล นั้น ทรงสูงส่งเหนือสิ่งถูกสร้างของพระองค์ ทั้งตัวตนของพระองค์และพระลักษณะของพระองค์ โดยอ้างอิงจากพระดำรัสของพระองค์ที่มีความว่า 

"และพระองค์คือ พระผู้ทรงสูงส่ง พระผู้ทรงยิ่งใหญ่"

(อั้ลบะกอเราะฮฺ/๒๕๕)

และพระดำรัสที่ว่า 

"และพระองค์คือ พระผู้ทรงอำนาจเด็ดขาดเหนือปวงบ่าวของพระองค์ และพระองค์คือ พระผู้ทรงซึ่งเหตุผลและความเหมาะสม พระผู้ทรงมีความชำนาญอย่างเป็นที่สุด"

(อั้ลอันอาม/๑๘)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่าพระองค์ "ทรงสร้างบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินในหกวัน จากนั้นพระองค์จึงทรงประทับบนบัลลังก์ พระองค์ทรงบริหารจัดการเรื่องราวต่างๆ"

(ยูนุส/๓)

         การประทับของพระองค์บนบัลลังก์นั้น หมายถึงการที่พระองค์ทรงอยู่เหนือบัลลังก์โดยตัวตนของพระองค์ ซึ่งเป็นการอยู่เหนือที่เป็นการเฉพาะสำหรับพระองค์และเหมาะสมกับความสูงส่งและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงลักษณะของการประทับดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรได้นอกจากพระองค์เท่านั้น


- ♥ - พวกเราเชื่อว่าพระองค์พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงอยู่กับบรรดาสิ่งถูกสร้างของพระองค์ ขณะที่ทรงอยู่บนบัลลังก์ของพระองค์ ทรงรับรู้ถึงสภาพความเป็นไปของพวกเขา ทรงได้ยินคำพูดของพวกเขา ทรงเห็นการกระทำต่างๆของพวกเขา ทรงควบคุมดูแลเรื่องราวและกิจการของพวกเขา ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ยากไร้ ทรงให้การช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทรงมอบอำนาจให้แก่ผู้ที่ทรงประสงค์ ทรงถอดถอนอำนาจจากผู้ที่ทรงประสงค์ ทรงทำให้ผู้ที่ทรงประสงค์มีเกียรติ และทรงทำให้ผู้ที่ทรงประสงค์สิ้นเกียรติ ความดีงามนั้นอยู่ที่พระหัตถ์ของพระองค์เท่านั้น

และพระองค์คือ พระผู้ทรงซึ่งพระปรีชาสามารถเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นพระผู้ใดที่มีสภาพการณ์เป็นดังเช่นนี้ พระผู้นั้นย่อมทรงสามารถอยู่กับบรรดาสิ่งถูกสร้างของพระองค์จริงๆได้ ถึงแม้พระองค์จะทรงอยู่เหนือพวกเขาบนบัลลังก์ของพระองค์จริงๆก็ตาม 

"ไม่มีสิ่งใดเหมือนดั่งพระองค์ และพระองค์คือ พระผู้ทรงได้ยิน พระผู้ทรงเห็น"

(อั้ชชูรอ/๑๑)


- ♥ - พวกเราจะไม่พูดเหมือนกับพวกที่มีความเชื่อในเรื่องการสถิต(อั้ลฮุลูลียะฮฺ)ทั้งที่มาจากกลุ่ม ญะฮฺมียะฮฺ หรือกลุ่มอื่นๆ โดยพวกเขาอ้างกันว่า พระองค์ทรงอยู่ร่วมกับสิ่งถูกสร้างของพระองค์ ในผืนแผ่นดิน



- ♥ - พวกเรามองว่า ผู้ใดก็ตามที่กล่าวอ้างเช่นนั้น เขาคือ ผู้ปฏิเสธศรัทธา หรือไม่ก็คือ ผู้ที่หลงทาง เพราะเขาผู้นั้น ได้แจกแจงถึงพระลักษณะของอัลลอฮฺด้วยลักษณะที่เป็นข้อบกพร่องและบ่งบอกถึงความไม่สมบูรณ์ซึ่งไม่เป็นการเหมาะสมกับพระองค์ แต่ประการใด


- ♥ - พวกเราเชื่อในสิ่งที่ท่าน ร่อซูลุ่ลลอฮฺ  ได้แจ้งไว้เกี่ยวกับพระองค์ว่า พระองค์จะทรงเสด็จลงมาสู่ฟากฟ้าแห่งโลกดุนยาทุกๆค่ำคืน ในช่วงหนึ่งส่วนสามที่เหลืออยู่ของค่ำคืน อย่างแน่นอน โดยจะทรงรับสั่งว่า ผู้ใดที่วิงวอนกับข้า ข้าก็จะตอบรับแก่เขา ผู้ใดที่วอนขอจากข้า ข้าก็จะให้แก่เขา ผู้ใดที่ขออภัยโทษต่อข้า ข้าก็จะอภัยให้เขา

 

- ♥ - พวกเราเชื่อว่าพระองค์ พระผู้ทรงมหาบริสุธิ์และทรงสูงส่งยิ่ง จะทรงเสด็จมาในวันแห่งการฟื้นคืน เพื่อทำการพิพากษาปวงบ่าวของพระองค์ โดยอ้างอิงจากพระดำรัสของพระองค์ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ที่มีความว่า 

"ไม่ใช่เช่นนั้นดอก หากแต่เมื่อผืนแผ่นดินเกิดการสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าได้ทรงเสด็จมาพร้อมด้วยบรรดามะลาอิกะฮฺที่ต่างตั้งแถวกันเข้ามา. และนรกญะฮันนัมจะถูกนำมาในวันนั้น วันนั้นมนุษย์จะต่างพากันนึกขึ้นได้ และการนึกขึ้นได้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเกิดประโยชน์อันใดแก่เขาเล่า"

(อั้ลฟัจร์/๒๑-๒๓)


- ♥ - พวกเราศรัทธาว่า พระองค์พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง คือ "พระผู้ทรงสามารถกระทำได้โดยสมบูรณ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการ"

(อั้ลบุรู้จ/๑๖)


- ♥ - พวกเราศรัทธาว่า ความต้องการของพระองค์นั้นแบ่งออกเป็นสองชนิด:

          ♦ ชนิดที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปของสรรพสิ่ง ซึ่งผลลัพท์จากความต้องการในชนิดนี้คือ เหตุการณ์ต่างๆที่อยู่ในความต้องการ ชนิดนี้ของพระองค์นั้น ย่อมเกิดขึ้นจริงดังที่พระองค์ทรงต้องการ ซึ่งเหตุการณ์นั้นๆไม่จำเป็นจะต้องเป็นเหตุการณ์ที่พระองค์ทรงพอพระทัยกับมันเสมอไป ความต้องการของพระองค์ในชนิดนี้หมายถึง พระประสงค์ นั้นเอง 

 

"และหากว่าอัลลอฮฺทรงประสงค์ แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ฆ่าฟันกัน แต่ทว่าอัลลอฮฺนั้น พระองค์ทรงกระทำในสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการ"

(อัลบะกอเราะฮฺ/๒๕๓)

"ถ้าหาก อัลลอฮฺ จะทรงต้องการทำให้พวกเจ้าหลงไป พระองค์ก็คือ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้า"

(ฮู้ด/๓๔)

         ♦ ชนิดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นบทบัญญัติ ซึ่งในชนิดนี้ สิ่งที่พระองค์ทรงต้องการให้มันมีขึ้น อันเป็นผลลัพท์ที่ได้มาจากความต้องการชนิดนี้ของพระองค์นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นจริงตามความต้องการนี้ของพระองค์เสมอไป แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการให้มีขึ้นจากความต้องการของพระองค์ในชนิดนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงรักและทรงพอพระทัยกับมันทั้งสิ้น ดังพระดำรัสของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งที่ว่า 

"และอัลลอฮฺทรงต้องการให้พวกเจ้าสำนึกผิดกลับตัว"

 

(อันนิซ้าอฺ/๒๗)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่าจุดมุ่งหมายแห่งความต้องการของพระองค์ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปของสรรพสิ่ง และที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นบทบัญญัตินั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้เหตุผลของพระองค์ ซึ่งนั้นหมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงกำหนดให้มันมีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในแง่ที่เกี่ยวของกับเรื่องราวของสรรพสิ่งหรือในแง่ที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติก็ตาม ทั้งหมดล้วนมีขึ้นโดยเหตุผลของพระองค์และสอดคล้องกับเหตุผลของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราสามารถรับรู้ถึงเหตุผลดังกล่าวได้ หรือเป็นสิ่งที่สติปัญญาของเราไม่อยู่ในสภาวะที่จะเข้าถึงและรับรู้ถึงเหตุผลของมันได้ก็ตาม 

"ไม่ใช่อัลลอฮฺดอกหรือ ที่ทรงเป็นพระผู้ทรงมีเหตุผลที่เหมาะสมและถูกต้องที่สุด ในบรรดาผู้ที่มีเหตุผลทั้งหลาย"

(อัตตีน/๘) 

"และสำหรับกลุ่มชนที่เชื่อมั่นนั้น จะมีผู้ใดกันอีกเล่า ที่จะมีการตัดสินที่ดียิ่งไปกว่าอัลลอฮฺ"

(อัลมาอิดะฮฺ/๕๐)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงรักผู้ที่เป็นสมัครพรรคพวกของพระองค์ และพวกเขาก็รักพระองค์ด้วยช่นกัน 

"จงกล่าวว่า ถ้าหากพวกท่านรักอัลลอฮฺ พวกท่านก็จงดำเนินตามฉันเถิด อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน"

(อาละอิมรอน/๓๑)

"ดังนั้น อัลลอฮฺ ก็จะทรงให้มีมาซึ่งชนกลุ่มหนึ่งที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็รักพระองค์"

(อัลมาอิดะฮฺ/๕๔)

"และอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้อดทน"

(อาละอิมรอน/๑๔๖)

"และพวกเจ้าจงมีความเที่ยงธรรมเถิด แน่นอนว่าอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้เที่ยงธรรม"

(อัลฮุญุร้อต/๙ )

"และพวกเจ้าจงกระทำดีเถิด แน่นอนว่าอัลลอฮฺทรงรักบรรดาผู้กระทำดี"

(อัลบะกอเราะฮฺ/๑๙๕)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ ทรงพอพระทัยในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ให้เป็นบทบัญญัติ ทั้งที่เกี่ยวกับการกระทำและที่เกี่ยวกับ คำพูด และทรงรังเกลียดสิ่งที่พระองค์ได้ทรงห้ามปรามไว้ในบทบัญญัตินั้น 

"ถ้าหากพวกเจ้าพากันปฏิเสธ แน่นอนว่าอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นพระผู้ทรงไม่มีความต้องการพึ่งพาในสิ่งใดเลยจากพวกเจ้า และพระองค์ไม่ทรงพอพระทัยที่จะให้มีการปฏิเสธเกิดขึ้นแก่ปวงบ่าวของพระองค์ และถ้าหากพวกเจ้ากตัญญูรู้คุณ พระองค์ทรงมีความพอพระทัยที่จะให้สิ่งดังกล่าวเกิดขึ้นแก่พวกเจ้า"

(อัซซุมัร/๗)

"แต่ทว่าอัลลอฮฺทรงรังเกลียดการออกไปร่วมทัพของพวกเขา พระองค์จึงทรงทำให้พวกเข้ารู้สึกยากลำบากและเป็นเรื่องหนักที่จะกระทำ และมีเสียงกล่าวว่า พวกเจ้าจงนั้งอยู่พร้อมกับบรรดาบุคคลที่ไม่ได้ร่วมทัพเสีย"

(อัตเตาบะฮฺ/๔๖)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลออฮฺ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงมีความพอพระทัยในบรรดาบุคคลที่ศรัทธาและประกอบคุณงามความดี 

"อัลลอฮฺทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็ต่างพอใจในพระองค์ เรื่องราวเหล่านี้นั้นมีขึ้นสำหรับบุคคลที่กลัวเกรงพระผู้เป็นเจ้าของเขา"

(อัลบัยยินะฮฺ/๘)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงโกรธกริ้วบุคคลที่สมควรจะได้รับการโกรธกริ้ว ทั้งที่เป็นบุคคลที่มาจากพวกที่ปฏิเสธศรัทธาและที่มาจากพวกอื่นๆ 

"บรรดาบุคคลที่มีความคิดที่ไม่ดีกับอัลลอฮฺ พวกเขาจะต้องประสบกับวังวนแห่งความชั่วช้า และอัลลอฮฺก็ทรงโกรธกริ้วพวกเราแล้ว"

(อัลฟัตฮฺ/๖)

"แต่ทว่าบุคคลที่เปิดอกรับการปฏิเสธอย่างเต็มใจต่างหาก ที่พวกเขาจะต้องประสบกับความโกรธกริ้วจากอัลลอฮฺ และสำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันรุนแรง"

(อันนะฮฺลฺ/๑๐๖)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงมีพระพักตร์ ซึ่งเป็นพระพักตร์ที่ทรงพระลักษณะแห่งความสูงส่งและความทรงเกียรติ 

"และพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าที่มีซึ่งความสูงส่งและความทรงเกียรตินั้น จะทรงดำรงอยู่ต่อไป"

(อัรเราะฮฺมาน/๒๗)


- ♥ - พวกเราศรัทธาว่า อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงมีพระหัตถ์สองข้าง ที่มีความทรงเกียรติและยิ่งใหญ่ 

"หากแต่พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ทรงแผ่กว้าง โดยจะทรงแจกจ่ายให้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์"

(อัลมาอิดะฮฺ ๖๔)

"และพวกเขาไม่ได้เทิดเกียรติแก่ อัลลอฮฺให้สมตามพระเกียรติของพระองค์อย่างแท้จริง ทั้งๆที่ในวันกิยามะฮฺนั้น ผืนแผ่นดินทั้งหมดล้วนเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์เท่านั้น และบรรดาฟากฟ้าต่างม้วนพับลงด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งจากสิ่งที่พวกเขาอุปโลกกันขึ้นมาให้เป็นภาคีร่วมกับพระองค์"

(อัซซุมัร/๖๗)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงมีพระเนตรสองข้างจริงๆ โดยอ้างอิงจากพระดำรัสของพระองค์ผู้ทรงสูงส่งที่ว่า 
 

"และเจ้าจงสร้างเรือขึ้นมาโดยพระเนตรของเราและพระบัญชาของเรา"

(ฮู้ด/๓๘)

และท่าน นบี  ยังได้พูดไว้ว่า 

“ม่านปิดกั้นของพระองค์นั้นคือรัศมี ถ้าหากพระองค์ทรงเปิดมันขึ้น แน่นอนว่าพระรัศมีแห่งพระพักตร์ของพระองค์ ย่อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่สายพระเนตรของพระองค์ไปสุดอยู่ จากบรรดาสิ่งถูกสร้างของพระองค์”

(อบีมูซา/มุสลิม)

         ชาวอะฮฺสุ้ซซุนนะฮฺต่างมีมติโดยเอกฉันท์ว่า พระเนตรนั้นมีสองข้าง โดยอ้างอิงสนับสนุนมติดังกล่าวด้วยคำพูดของท่าน นบี  ที่พูดไว้เกี่ยวกับ ดัจยาล ว่า

"มัน(ดัจยาล)เป็นบุคคลที่มีตาข้างหนึ่งบอด และแน่นอนว่าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าย่อมไม่ใช่บุคคลที่มีตาข้างหนึ่งบอดเป็นแน่"

(อนัส/อัลบุคอรีย์และมุสลิม)


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า อัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งนั้น  "บรรดาสายตาไม่สามารถรับรู้ถึงพระองค์ได้อย่างครบถ้วน ในขณะที่พระองค์นั้น ทรงรอบรู้ถึงบรรดาสายตาดังกล่าวอย่างสมบูรณ์ และพระองค์คือ พระผู้ทรงละเอียดถี่ถ้วนยิ่ง พระผู้ทรงมีความชำนาญอย่างเป็นที่สุด"

(อัลอันอาม/๑๐๓ )


- ♥ - พวกเราเชื่อว่าบรรดาผู้ศรัทธาจะได้เห็นพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาในวันกิยามะฮฺ

"หลายใบหน้าในวันนั้นมีความสุขอิ่มเอม โดยต่างพากันมองไปยังพระผู้เป็นเจ้าของมัน"

(อั้ลกิยามะฮฺ/๒๒ – ๒๓ )


- ♥ - พวกเราเชื่อว่าพระองค์นั้นทรงปราศจากสิ่งใดเหมือน เนื้องด้วยความสมบูรณ์แบบของพระลักษณะของพระองค์

"ไม่มีสิ่งใดเหมือนดั่งพระองค์ และพระองค์คือ พระผู้ทรงได้ยิน พระผู้ทรงเห็น"

( อั้ชชูรอ/๑๑ )


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า พระองค์นั้น "ความง่วงและการนอนไม่สามารถมีอิทธิพลใดๆกับพระองค์ "

( อัลบะกอเราะฮฺ/๒๕๕ )

 เนื้องด้วยความสมบูรณ์แบบของชีวิตและการดำรงอยู่ของพระองค์


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า พระองค์นั้นไม่ทรงอธรรมต่อผู้ใด เนื้องด้วยความสมบูรณ์แบบของความยุติธรรมของพระองค์ และเชื่อว่าพระองค์นั้นไม่ทรงละเลยต่อพฤติกรรมใดๆของปวงบ่าวของพระองค์ เนื้องด้วยความสมบูรณ์แบบในการสอดส่องดูแลของพระองค์และในความรอบรู้อันสมบูรณ์ของพระองค์


- ♥ - พวกเราเชื่อว่า พระองค์นั้น ไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น ในบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินที่จะทำให้พระองค์ทรงสูญสิ้นซึ่งความสามารถลงได้ เนื้องด้วยความสมบูรณ์แบบของความรู้และความสามารถของพระองค์

"คำประกาสิตของพระองค์ แค่เพียงเมื่อใดที่พระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์จะตรัสกับมันว่า จงเป็น มันก็จะเป็นขึ้นมา เท่านั้น"

( ยาซีน/๘๒ )

          และเชื่อว่า พระองค์นั้น ไม่ทรงประสบกับความเหน็ดเหนื่อยและความทุกข์ยากใดๆทั้งสิ้น เนื้องด้วยความสมบูรณ์แบบของพละกำลังของพระองค์

"และแน่นอนว่าเราได้สร้างบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดินและตลอดจนสรรพสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ในระยะเวลาหกวัน โดยที่ไม่มีความอ่อนแอใดๆเข้ามาสัมผัสกับเราเลย"

 (ก้อฟ/๓๘ ) 

หมายถึงความเหน็ดเหนื่อยและความทุกข์ยากนั้นเอง


- ♥ - พวกเราเชื่อและยืนยันในทุกๆสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงยืนยันไว้ หรือที่ท่านร่อซู้ลของพระองค์ ได้ชี้แจงสำทับข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ไว้ ในประเด็นของบรรดาพระนามและพระลักษณะ แต่ในขณะเดียวกันพวกเราก็ขอประกาศตนว่าพวกเรานั้น บริสุทธิ์จากมหาภยันตรายสองประการซึ่งได้แก่ 

         การเทียบเคียง กล่าวคือ การกล่าวออกมาด้วยหัวใจหรือด้วยลิ้นว่า : พระลักษณะของอัลลอฮฺนั้นทรงเหมือนกันกับลักษณะของบรรดาสิ่งถูกสร้าง

         และการแจงรายละเอียด  กล่าวคือ การกล่าวออกมาด้วยหัวใจหรือด้วยลิ้นว่า : พระลักษณะของอัลลอลฮฺนั้น มีลักษณะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้


- ♥ - พวกเรายึดมั่นในการปฏิเสธต่อทุกๆสิ่งที่อัลลอฮฺทรงปฏิเสธไว้เกี่ยวกับตัวตนของพระองค์ หรือที่ท่านร่อซู้ลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม ได้ชี้แจงปฏิเสธไว้แทนพระองค์ โดยเชื่อว่าในการปฏิเสธที่กล่าวถึงนั้น ได้แฝงไว้ซึ่งการยืนยันในความสมบูรณ์แบบของข้อตรงกันข้ามของสิ่งที่ได้มีการปฏิเสธคัดค้านไว้ พวกเราจะละและไม่พูดถึงในสิ่งอัลลอฮฺและท่านร่อซุ้ลของพระองค์ ได้ทรงละและมิได้ทรงชี้แจงข้อมูลใดๆไว้


- ♥ - พวกเรามองว่า การดำเนินตามวิถีทางนี้นั้น ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องกระทำ ทั้งนี้เนื่องจากสิ่งที่อัลลอฮฺ พระผู้ทรงบริสุทธ์ยิ่ง ได้ทรงยืนยันหรือทรงปฏิเสธไว้เกี่ยวกับตัวของพระองค์เองนั้น ถือได้ว่าเป็นข้อมูลหนึ่งที่พระองค์ได้ทรงแจ้งไว้ให้ทราบเกี่ยวกับตัวของพระองค์ ซึ่งพระองค์ พระผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง ย่อมเป็นพระผู้ที่ทรงทราบดีที่สุดเกี่ยวกับตัวตนของพระองค์ และทรงเป็นพระผู้ที่มีความสัจจริงที่สุดในพระดำรัสและคำรับสั่งของพระองค์ ซึ่งปวงบ่าวนั้น ล้วนไม่สามารถรับรู้เกี่ยวกับพระองค์อย่างครบถ้วนและครอบคลุมได้

         และในทำนองเดียวกันสิ่งใดก็ตามที่ท่านร่อซู้ลของพระองค์ได้ชี้แจงสัมทับหรือปฏิเสธไว้แทนพระองค์ นั่นก็คือข้อมูลที่ท่านได้แจ้งไว้ให้ทราบเกี่ยวกับพระองค์ ซึ่งแน่นอนว่าท่านรอซูล คือมนุษย์ที่รู้จักพระเจ้าดีที่สุดและเป็นบุคคลที่มีความเอาใจใส่ที่จะให้คำชี้แนะตักเตือนแก่ปวงบ่าวมากที่สุด อีกทั้ง ท่านยังเป็นบุคคลที่มีวาจาที่สัจจริงและชัดเจนที่สุดอีกด้วย

        ดั้งนั้น ในพระดำรัสของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง และในถ้อยวาจาของท่านร่อซู้ลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซั้ลลัม นั้น จึงเปี่ยมไปด้วยความรู้ ความจริงและคำชี้แจงที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ จึงไม่มีข้ออ้างใดๆอีกที่จะยกขึ้นมาเพื่อใช้ในการตอบโต้และปฏิเสธพระดำรัสของพระองค์หรือเพื่อใช้เป็นคำแก้ต่างต่อความลังเลและไม่มั่นใจที่จะน้อมรับต่อพระดำรัสดังกล่าวของพระองค์ 

         ทั้งหลายทั้งปวงที่พวกเราได้กล่าวไปแล้ว เกี่ยวกับพระลักษณะของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทั้งที่กล่าวไปโดยละเอียดหรือโดยสรุป หรือในแง่ของการยืนยันหรือการปฏิเสธ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ พวกเราได้ยืนหยัดยึดถืออยู่บนพระคัมภีร์ของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา และแบบฉบับของท่านนบีของพวกเรา และตลอดจนสิ่งที่บรรดาบรรพชนในยุคต้นของประชาชาตินี้รวมไปถึงบรรดาบุคคลชั้นนำที่มาหลังจากพวกท่านเหล่านั้น ซึ่งต่างตั้งมั่นอยู่บนเส้นทางอันถูกต้อง ได้ดำเนินไว้

          และพวกเราเห็นว่าการปล่อยให้บรรดาตัวบทหลักฐานทั้งจากพระคัมภีร์และจากอัซซุนนะฮฺที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว ได้เป็นไปตามสิ่งที่ได้สื่อออกมา และอธิบายความตามความหมายจริงของตัวบทนั้นๆซึ่งมีความเหมาะสมและสมควรแก่อัลลอฮฺ พระผู้ทรงเกียรติและสูงส่งยิ่ง เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องกระทำในประเด็นนี้

- ♥ - พวกเราขอแสดงตนบริสุทธิ์จากวิถีทางของพวกที่บิดเบือนตัวบทดังกล่าว ซึ่งหมายถึง บุคคลที่กระทำการปรับเปลี่ยนตัวบทหลักฐานให้เป็นไปตามสิ่งที่ไม่ใช่พระประสงค์ของอัลลอฮฺและท่านร่อซู้ลของพระองค์ที่มีต่อตัวบทนั้นๆ  และจากวิถีทางของพวกที่ปฏิเสธความหมาย ซึ่งหมายถึง บุคคลที่กระทำการปฏิเสธต่อความหมายที่ตัวบทได้บ่งชี้ไว้ตามที่อัลลอฮฺและท่านร่อซู้ลของพระองค์ทรงต้องการที่จะทรงสื่อสารให้รับทราบ

          และตลอดจนวิถีทางของพวกที่มีความคิดเห็นที่เกินเลยและสุดโต่งต่อบรรดาตัวบทข้างต้น ซึ่งหมายถึง บุคคลที่อธิบายความหมายของตัวบทโดยการเปรียบเทียบ หรือพยามฝืนความจริง โดยการพยายามกระทำการแจงรายละเอียดของสิ่งที่บรรดาตัวบทเหล่านั้นได้บ่งชี้ไว้


- ♥ - พวกเรารับรู้อย่างมั่นใจว่า สิ่งใดก็ตามที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง และตลอดจนในซุนนะฮฺของท่านนบี สิ่งนั้นคือ ข้อมูลที่เป็นความจริงซึ่งไม่มีการขัดแย้งใดๆเกิดขึ้นในระหว่างข้อมูล ดังกล่าว โดยอ้างอิงจากพระดำรัสของพระองค์ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่งที่มีความว่า 

"หรือว่าพวกเขามิได้พินิจพิจรณาอัลกุ้รอานกันกระนั้นหรือ ? ถ้าหากมันมาจากผู้อื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องพบข้อขัดแย้งมากมายในนั้นเป็นแน่"

(อันนิสาอฺ/๘๒ )


          เนื่องจากการมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นในข้อมูลที่แจ้งไว้นั้น ย่อมหมายถึงการที่แต่ละส่วนของข้อมูลต่างปฏิเสธข้อเท็จจริงของอีกบางส่วน (หรือคือการที่ส่วนหนึ่งในข้อมูลนั้นๆอ้างว่าอีกส่วนหนึ่งในข้อมูลเดียวกันเป็นเรื่องเท็จนั้นเอง) ซึ่งลักษณะดังกล่าวย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลที่ อัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง และท่านร่อซู้ล ได้แจ้งไว้ อย่างแน่นอน

         และผู้ใดก็ตามที่อ้างว่า พบข้อขัดแย้งเกิดขึ้นในพระคัมภีร์ของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง หรือในแบบอย่างของท่านร่อซู้ล หรือเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองสิ่งข้างต้นนี้(อัลกุรอ่านและอัซซุนนะฮฺ) นั่นเป็นผลมาจากความประสงค์ร้ายของบุคคลผู้นั้น และเป็นผลมาจากความบิดเบี้ยวของหัวใจของเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องรู้สึกสำนึกและเลิกลาจากคำกล่าวอ้างดังกล่าวเสีย

          ส่วนผู้ใดที่คิดสรุปเอาเองว่า มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นจริงในพระคัมภีร์ของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง หรือในแบบอย่างของท่านร่อซู้ล  หรือในระหว่างทั้งสองสิ่งที่กล่าวถึงนี้(อัลกุรอ่านและอัซซุนนะฮฺ) นั่นเป็นผลมาจากการขาดความรู้ หรือจากความเข้าใจที่บกพร่อง หรือตลอดจนจากความบกพร่องของตนเองในการพิจรณา ซึ่งหน้าที่ของเขาคือ จะต้องพยายามแสวงหาความรู้ และค้นคว้า จนกว่าข้อเท็จจริงจะเป็นที่ประจักษ์และชัดเจนขึ้น แต่ถ้าหากข้อเท็จจริงยังไม่ยอมเผยขึ้นมา ก็ให้เขามอบไว้ให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีความรู้ เพื่อให้ท่านช่วยยุติความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น ดังเช่นบุคคลผู้มีความลึกซึ้งในด้านวิชาการได้กล่าวไว้ ว่า 

"พวกเราเชื่อมั่นว่า ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ล้วนมาจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเราทั้งสิ้น "

(อาละอิมรอน/๗ ) 

         และต้องตระหนักรู้ไว้เสมอว่า พระคัมภีร์และอัซซุนนะฮฺ ย่อมไม่มีทางมีข้อขัดแย้งใดๆเกิดขึ้นในทั้งสองสิ่งนี้และย่อมไม่มีทางเช่นกัน ที่จะมีการขัดแย้งกันเองเกิดขึ้นในระหว่างทั้งสองสิ่งนี้ด้วยอย่างแน่นอน


 

 

 

ในหนังสือ อะกีดะฮฺ อะฮฺลิ้ซซุนนะวั้ลญะมาอะฮฺ

อาบีดีณ โยธาสมุทร  แปลและเรียบเรียง