โทษของผู้ทิ้งละหมาด
โดย... อาจารย์ อิมรอน ขวดบา
อัลลอฮฺ ทรงสร้างมนุษย์มา และประทานสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมาให้ เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างสะดวกสบาย ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ได้บอกถึงเป้าหมายของการสร้างมนุษย์มา คือให้ภักดี ทำอิบาดะฮฺ ต่อพระองค์ และพระองค์จะตอบแทนผลบุญให้แก่พวกเขาเหล่านั้น พระองค์ ตรัสความว่า
“ข้ามิได้สร้าง ญิน และมนุษย์มาเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากเพื่อให้เคารพพระองค์เท่านั้น”
(อัล ซาริยาติ 51:56)
ดังนั้น หน้าที่หลักของมนุษย์บนโลกนี้คือ เคารพอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น ส่วนการประกาอบอาชีพนั้น ก็เพื่อให้มีชีวิตอยู่เพื่อทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์เท่านั้น อัลลอฮฺได้กำหนดให้มุสลิมทุกคนต้องต้องปฏิบัติหลักการอิสลาม 5 ประการ คือ การปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น และปฏิญาณว่า มูฮำหมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์ มุสลิมต้องละหมาดวันกับคืนหนึ่ง 5 เวลา ต้องถือศีลอดในเดือนรอมฎอนหนึ่งเดือน ต้องบริจาคซะกาตเมื่อมีทรัพย์สินครบตามพิกัดที่ศาสนากำหนดไว้ และต้องประกอบพิธีฮัจญ์เมื่อมีความสามารถ ทั้งหมดนี้ถือเป็นวาญิบ จำเป็นที่มุสลิมต้องปฏิบัติ ไม่มีสิทธิเลือกว่า จะทำหรือ ไม่ทำก็ได้
อิบาดะฮฺ ที่เป็นแก่นของศาสนาคือ การละหมาด ท่านนบี กล่าวไว้ว่า
“พันธะระหว่างฉันกับพวกเขาเหล่านั้น คือ การละหมาด ใครที่ทิ้งละหมาดเขาเป็นกาเฟร”
ในฮะดีษอีกบทหนึ่งท่านนบี กล่าวว่า
“ใครที่ละทิ้งละหมาดวันศุกร์ 3 ครั้ง โดยไม่มีเหตุจำเป็น อัลลอฮฺจะปิดหัวใจของเขา”
ฮะดีษนี้ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการละหมาดวันศุกร์ คำว่า โดยไม่มีเหตุจำเป็นนั้น แต่ละคนก็ต้องทราบดีว่าไม่ละหมาดวันศุกร์ จำเป็นจริงหรือเปล่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะต้องตอบกับอัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺ ท่านนบี กล่าวไว้อีกว่า
“ใครที่ทิ้งละหมาดอัศรฺโดยเจตนา การงานของเขาก็เสียหมด”
นี่คือผลของการละทิ้งการละหมาด ไม่ว่าจะเป็นละหมาดฟัรฎู 5 เวลา หรือละหมาดวันศุกร์ หรือละหมาดเวลาใดเวลาหนึ่งก็ตาม
เราลองมาดูโทษของผู้ที่ละทิ้งละหมาดบ้างว่าเขาจะโดนลงโทษอย่างไร ? ซึ่งมีทั้งโทษในโลกดุนยา และโลกอาคิเราะห์
สำหรับโทษในโลกดุนยานี้ เขาจะมีชีวิตอย่างอึดอัด หม่นหมอง กระวนกระวาย แม้ว่าเขาจะมั่งมีเงินทองมากมายเพียงใดก็ตาม อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า
“ใครก็ตามที่หันเหออกจากการรำลึกถึงพระองค์ พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างอึดอัด และเราจะรวมเขาในวันกิยามะฮฺอย่างคนตาบอด
เขาจะร้องออกมาว่า “อัลลอฮฺ ทำไมรวมฉันให้ตาบอดทั้งๆที่ฉันเคยมองเห็น”
อัลลอฮฺจะกล่าวแก่เขาว่า “เมื่อโองการต่างๆของฉันมีมายังเจ้า เจ้ากับทำลืมไม่รู้ไม่เห็น วันนี้เจ้าก็ต้องถูกลืมบ้าง”
(ตอฮา 20: 124-126)
เมื่อผู้รู้มาเตือน นำโองการต่างๆของพระองค์มาแนะนำเชิญชวนให้ทำการละหมาดแต่กับไม่สนใจ ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจต่อคำเรียกร้องให้กระทำความดี เมื่อกลับไปในโลกหน้าก็ต้องตาบอด
อีกโองการหนึ่ง อัลลอฮฺ ได้ตรัสว่า
“แท้จริง มนุษย์ถูกบังเกิดมาเป็นคนหวั่นไหว เมื่อความทุกข์ยากประสบแก่เขา ก็ตีโพยตีพาย กลัดกลุ้ม
และเมื่อคุณความดีประสบแก่เขา ก็หวงแหน นอกจากบรรดาผู้กระทำละหมาด ผู้ที่ดำรงมั่นอยู่ในการละหมาดเป็นประจำ”
(อัลมะอาริจญ 70:19-23)
อายะฮฺนี้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์นั้นเมื่อตกอยู่ในความชั่ว เขาจะตกใจกลัว อึดอัดหวั่นไหว เมื่อได้ดีมักจะลืมตัว ลืมนึกถึงผู้ที่ประทานความดีให้เขา ก็จะละเมิดคำสั่งของอัลลอฮฺ ยกเว้นคนที่ทำละหมาดเป็นประจำ และเป็นคนดีสำนึกในบุญคุณของพระองค์อัลลอฮฺ เขาจะไม่เกิดความกลัว ความกังวลใดๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่า อัลลอฮฺ จะโปรดปราน แก่ผู้ที่ทำการเคารพภักดีต่อพระองค์ให้เขาได้มีชีวิตอย่างสงบ อบอุ่น ความโปรดปราน ความเมตตาของพระองค์นี้ ไม่มีขายในท้องตลาด ไม่ว่าใครจะมีเงินมากเท่าไหร่ก็หาซื้อไม่ได้ แต่ใครอยากได้ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง เพียงแค่ทำการละหมาดอย่างเคร่งครัดถูกต้องและครบถ้วน ก็จะได้รับทันที สำหรับคนที่ทิ้งละหมาดนั้น เขาจะไม่ได้รับ เพราะว่าเขาได้ตัวขาดกับพระองค์อัลลอฮฺ
สำหรับโทษของผู้ที่ทิ้งละหมดในกุบู๊ร อะลัมบัรซัค นั้น ในฮะดีษที่รายงานโดยอิมาม บุคอรีย์ ที่กล่าวถึงสิ่งที่ท่านนบี ฝันเห็นว่า
ท่านนบี กล่าวว่า
“มะลาอิกะฮฺสองท่านได้มาหาท่าน และกล่าวแก่ท่านว่า ลุกขึ้นไปกับเรา ท่านนบีก็ไปกับทั้งสอง เขาพาไปเห็นชายสองคน คนหนึ่งนอนตะแคงอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งยืนยกหินก้อนใหญ่ แล้วทุ่มลงไปที่หัวคนที่นอนอยู่ หัวของเขาแตก แล้วหินก็กลิ้งไป ชายผู้นั้นจึงตามไปหยิบหินก้อนนั้น เขาจะไม่กลับไปจนกว่าหัวที่แตกนั้นจะกลับเหมือนเดิน แล้วเขาก็เอาหินทุ่ม ลงไปอีก ทำอยู่อย่างนี้อย่างต่อเนื่อง
ท่านนบี จึงกล่าวว่า (ซุบอานัลลอฮฺ) นี่มันโทษอะไรกันนี่...
ในตอนท้ายของฮะดีษ มะลาอิกะฮฺ ก็เฉลยว่า นั่นแหละ คือโทษของคนอ่านกุรอานแล้วไม่ทำตาม และคนที่นอนไม่ละหมาดฟัรฎู”
นี่เป็นการลงโทษในกุบู๊ร ที่เหมาะสมและรุนแรง เพระว่าไม่ตื่นขึ้นละหมาด หัวของเขาหนัก ก็ต้องโดนทุบหัวให้แตก ให้สาสมกับความขึ้เกียจของเขา
ส่วนโทษในโลกอาคิเราะฮฺนั้น การลงโทษครั้งแรกก็คือ เมื่อมีเสียงประกาศให้สุญูดต่ออัลลอฮฺ เขาไม่สามารถจะสุญูดได้ อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“วีรชนที่หน้าแข้งจะถูกเลิกขึ้น (ในวันกิยามะฮฺ วันที่อัลลอฮฺพิพากษา) พวกเขาถูกเรียกให้มาสุญูดต่ออัลลอฮฺ พวกที่ทิ้งละหมาดไม่สามารถสุญูดได้”
(อัลกอลัม 68:42)
สำหรับมุสลิมที่ปฏิบัติละหมาดในขณะที่เขาอยู่บนโลกดุนยา จะสุญูดต่ออัลลอฮฺ กันทั้งหมด แต่พวกที่ไม่ละหมาดก็พยายามจะสุญูดต่ออัลลอฮฺ เพื่อจะได้ลบล้างความผิดของเขาที่กระทำไว้อย่างมากได้บ้าง แต่ปรากฏว่าหลังของเขาแข็งเหมือนกระดานก้มลงสุญูดไม่ได้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นการลงโทษ ก่อนที่พวกเขาจะไปเจอโทษที่หนักและสาหัสสากรรจ์กว่านี้
โทษของผู้ทิ้งละหมาดต่อไปคือ ตกนรก อัลลอฮฺ ตรัสว่า
" ยกเว้นบรรดาผู้อยู่เบื้องขวา อยู่ในสวนสวรรค์หลากหลาย พวกเขาจะไต่ถามซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับพวกที่กระทำความผิด อะไรที่นำพวกท่านเข้าสู่กองไฟที่เผาไหม้
พวกเขาเหล่านั้น ก็จะตอบว่า เพราะเรามิได้เป็นผู้ที่ทำการละหมาด เรามิได้ให้อาหารแก่บรรดาผู้ขัดสน และพวกเราเคยมั่วสุมอยู่กับพวกที่มั่วสุมทั้งหลาย หมดมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระต่างๆ และเราเคยปฏิเสธวันแห่งการตอบแทน จนกระทั่งความตายได้มาเยือนเรา "
(อัลมุดดัรซิร 74: 39-47)
เป็นคำถามที่ชาวนรกจะถูกถามว่า ทำไมถึงลงนรก? สิ่งแรกที่จะตอบก็คือ เพราะว่าไม่ได้ละหมาด แต่มารู้ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว เพราะว่าลงนรกไปแล้ว ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ตัว อีกแล้ว เพราะอัลลอฮฺ ได้ให้เวลาแก่เขาบนโลกนี้เพียงพอแล้ว เขาจึงต้องยอมรับโทษสถานเดียว
อีกอายะฮฺ หนึ่ง อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“หลังจากบุคคลที่กล่าวมาแล้วได้มีคนรุ่นหลังสืบต่อมา ที่ได้ละทิ้งการละหมาด และทำตามอารมณ์ ซึ่งต่อไปจะต้องเข้านรก (อัล ฆอย)”
(อัลมัรยัม 19:59)
คำว่า “อัลฆอย” หมายถึง ความขาดทุนอย่างย่อยยับ และเป็นชื่อหนึ่งของผู้คุมนรกที่ลึกที่สุด และร้อนที่สุดที่มันจะพ่นเอาความร้อนไปยังนรกขุมอื่นๆ อีกอายะฮฺหนึ่ง อัลลอฮฺ ตรัสว่า
“นรกจงมีแก่คนสับปลับ ที่ทำละหมาดเถิด ซึ่งพวกเขาไม่ใส่ใจตอการละหมาดแต่อย่างใด (ว่าตรงเวลาหรือไม่ ทำเรียบร้อยหรือไม่)”
(อัลมาอูน 107:45)
นอกจากนี้แล้ว คนที่ทิ้งละหมาดก็จะไปอยู่ร่วมกับคนที่ข่มเหงรังแกผู้อื่น ที่สร้างความเสื่อมเสียบนโลกมนุษย์จากประชาชาติต่างๆ ก่อนหน้านี้
วันหนึ่ง ท่านนบี ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องละหมาด ท่านได้กล่าวว่า
“ใครที่ปฏิบัติละหมาดอย่างครบถ้วน ละหมาดจะเป็นรัศมีให้แก่เขา เป็นพยานให้แก่เขา และให้เขาปลอดภัยจากไฟนรกในวันกิยามะฮฺ ถ้าใครไม่ละหมาด ละหมาดก็จะไม่เป็นรัศมีให้แก่เขา ไม่เป็นพยานให้ ไม่ปกป้องเขาให้พ้นจากไฟนรก และเขาจะอยู่ในนรกกับ กอรูน ฟิรเอาน์ ฮามาน และอุบัยลูกคอลัฟ”
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นคนที่ชั่วร้ายทั้งสิ้น แต่ละคนนั้นมีความละเลยประจำตัวของเขา มีทั้งคนที่บ้าอำนาจ บ้ายศถาบรรดาศักดิ์ ลุ่มหลงทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นใครที่ลุ่มหลงในทรัพย์สินเงินทองก็ไปอยู่กับกอรูน ใครที่บ้าอำนาจก็ไปอยู่กับฟิรเอาน์ ใครที่บ้าตำแหน่งบ้ายศก็ไปอยู่กับฮามาน และใครที่ยุ่งอยู่กับธุรกิจการค้าจนลืมละหมาดก็ไปอยู่กับอุบัย บิน คอลัฟ ขออัลลอฮฺ ให้เราห่างไกลจากพวกเหล่านี้ด้วยเถิด
เพราะฉะนั้น ใครที่ละทิ้งการละหมาด หรือบกพร่องในหน้าที่ อันนี้ต้องรีบกลับเนื้อกลับตัว หันมาทำละหมาดให้ครบถ้วน ตรงตามเวลา และตั้งใจที่จะไม่ทิ้งละหมาดอีกต่อไปเป็นอันขาด ท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า
“ทุกคนผิดพลาดได้ แต่คนผิดที่ดีนั้น คือ คนที่กลับเนื้อกลับตัว สำนึกในความผิด”
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่เป็นผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญต่อการละหมาด ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และใช้ให้ผู้ที่อยู่ใต้ปกครองทำการละหมาดให้ครบถ้วน และถูกต้อง อัลลอฮฺ ตรัสไว้ว่า
“และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้าให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฏิบัติ
เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหาก เป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลาย สวรรค์นั้นจะได้แก่ผู้ที่ยำเกรง”
(ตอฮา 20:132)
และเราทุกคนต้องจำ คำของลุกมานที่สอนลูกของเขาให้ขึ้นใจ
“โอ้ ลูกรัก จงปฏิบัติละหมาด จงกำชับให้กระทำความดี จงกำชับให้ละเว้นความชั่ว
และเจ้าจงอดทน ต่อสิ่งที่จะมาประสบแก่เจ้า จริงๆแล้ว สิ่งดังกล่าวมาเป็นกิจต่างๆ ที่ต้องอาศัยความเด็ดเดี่ยวมั่นคง”
(ลุกมาน 31:17)
ท่านพี่น้องที่เคารพรัก ทั้งหมดที่นำเสนอมานี้ ก็เพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการละหมาด ที่เราจะละเลยต่อหน้าที่อันนี้ไม่ได้เป็นอันขาด ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม และการลงโทษบางอย่างที่อัลลอฮฺ ได้ให้ท่านนบีมุฮัมมัด ได้เห็นมา ก็เพื่อจะให้นำไปบอกแก่ประชาชาติของท่าน ให้เห็นถึงความร้ายแรงของการละทิ้งการละหมาดเพื่อที่จะให้ประชาชาติของท่าน ได้ทำหน้าที่นี้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง และเป็นบ่าวที่อยู่ในความเมตตาและโปรดปรานของพระองค์ทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ
ที่มา อัลอิศลาห์สมาคม