เกียรติของศอหาบะห์
เรียบเรียงโดย อิสมาอีล กอเซ็ม
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
อัลลอฮ์ ได้ส่งท่านนบี มูฮัมหมัด เพื่อเป็นความเมตตาแก่มวลมนุษยชาติ เพื่อให้ท่านนบีมูฮัมหมัด ได้นำอิสลามมาสอนสั่งผู้คน และท่านได้แสดงแบบอย่างอิสลามไว้ในทุกๆเรื่องของการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในโลกใบนี้ ดังนั้นการดำเนินชีวิตของมนุษย์หากออกจากแนวทางของท่านรอซูลุลลอฮฺ แน่นอนการดำเนินชีวิตของเราย่อมมีปัญหามากมาย
ท่านนบี ได้ถูกส่งมาท่ามกลางความวุ่นวายของสังคม สังคมอาหรับสมัยมีการบูชาเจว็ด ปัญหาสิ่งมึนเมา สังคมไร้ระบบการจัดการด้านการศึกษา มีก่ออาชญากรรมการเข่นฆ่าล้างแค้นกันระหว่างชนเผ่าอาหรับเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และผู้หญิงในยุคต้องอยู่แบบตกต่ำไร้เกียรติและศักดิ์ศรี ผู้ถูกนำมาเป็นนางบำเรอ ผู้หญิงคนหนึ่งมีสามีมากกว่าสิบคน เลยเป็นเหตุให้ชาวอาหรับในยุคนั้นไม่มีใครอยากได้ลูกผู้หญิง เมื่อผู้เป็นภรรยาได้คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง ฝ่ายผู้เป็นสามีก็จะนำทารกผู้หญิงไปฝังทั้งเป็น นี่คือสภาพบางส่วนของความงมงายไร้อารยะธรรม แต่ทำไมอัลลอฮฺ ได้คัดเลือกชนเผ่าอาหรับให้แบกรับภารกิจ ในการเผยแผ่คำสอนศาสนาของพระองค์ โดยที่พระองค์ได้คัดเลือกชายคนหนึ่งในสังคมของพวกเขา ที่มีชื่อว่า"มูฮัมหมัด" มาทำหน้าที่เรียกร้องผู้คนมาสู่อิสลาม
ในสังคมที่เต็มไปด้วยกับความชั่วร้ายความป่าเถือน และอัลลอฮฺก็ไม่ได้ปล่อยให้ท่านนบี ต้องรับภาระที่หนักอึ้งอันนี้โดยลำพัง อัลลอฮ์ ได้เลือกคนกลุ่มหนึ่งช่วยเหลือท่านนบี ที่มาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับท่าน เสียสละทรัพย์สิน ชีวิตเพื่อปกป้องอิสลาม ต่อสู้อดทนในหนทางของอัลลอฮฺ ด้วยกับความสัตย์จริงของพวกเขาในทุกๆเรื่อง อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวรับรองพวกเขาไว้ในอายะห์อัลกุรอาน
แต่ปัจจุบันมีคนบางกลุ่มแอบอ้างว่าพวกเขามีความรักต่อท่านนบี และมีความรักต่อเหล่าเครือญาติของท่านนบี แต่เขากลับเกลียดชังต่อเหล่าสหายศอหาบะห์ที่เป็นที่รักของท่านนบี และอัลลอฮฺยังรับรองพวกเขาว่า เป็นบุคคลที่อัลลอฮ์ มีความพอพระทัยต่อพวกเขา และพวกเขามีความรักต่ออัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์
ดังนั้นส่วนหนึ่งจากกลุ่มที่ไม่หวังดีต่ออิสลาม และพยายามทำลายสิ่งที่เป็นรากฐานของหลักความเชื่อของมุสลิม ก็คือการทำลายเกียรติของเหล่าศอหาบะห์ และสร้างข้อคลุมเครือเกี่ยวกับศอหาบะห์ จนบางครั้งมีการตัดสินว่า เหล่าศอหาบะห์ของท่านนบี ได้ตกศาสนาจำนวนมากหลังจากท่านนบี เหลือเพียงจำนวนไม่กี่คน ดังนั้นหากเหล่าศอหาบะห์ของท่านนบี ได้ตกศาสนาและเป็นคนชั่วแล้วศาสนาที่ถูกต้องที่เราปฏิบัตินั้นเราเอามาจากไหน เพราะหลังจากวะห์ยูที่อัลลอฮฺได้ประทานให้แก่ท่านนบีมูฮัมหมัด ได้สิ้นสุดลงแล้วและหลังจากนี้ไม่มีนบีท่านใดอีก ฉะนั้นถ้าใครมาอ้างว่าเป็นนบี และยังได้รับวะห์ยูจากอัลลอฮฺ คนคนนั้นก็อยู่ในสถานะผู้ปฏิเสธ
หลังจากท่านนบี ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือแบบอย่างของท่าน และผู้ที่รับช่วงในการนำแบบอย่างของท่านมาเผยแผ่ให้แก่ประชาชาติอิสลามก็คือเหล่าศอหาบะห์ของท่าน ดังนั้นกลุ่มที่ไม่หวังต่ออิสลาม ที่มาในคราบของอิสลามพวกเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะทำลายความดีงาม ความบริสุทธิ์ของเหล่าศอหาบะห์ เพราะหากเหล่าศอหาบะห์ของท่านนบี ไม่ใช่คนดี แน่แท้หะดีษของท่านนบี และซุนนะห์ต่างๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากเหล่าศอหาบะห์ก็จะเป็นเท็จ และศาสนาอิสลามที่บริสุทธิ์ที่มาจากพระเจ้าก็จะหมดไปด้วย
ดังนั้นการปกป้องเกียรติของเหล่าศอหาบะห์นั้น ก็คือการปกป้องศาสนาของอัลลอฮฺ และเหล่าศอหาบะห์คือบุคคลที่อัลลอฮทรงพอพระทัยต่อพวกเขาทุกคน คนที่ไม่พอใจเหล่าศอหาบะห์ของท่านนบี ไม่ใช่ ใครที่ไหนนอกจากผู้ที่คิดทำลายหลักการของอิสลาม และความเกลียดชังต่อศาสนาอิสลาม ดังนั้นหนึ่งในหลักความเชื่อของชาวอะลุซซุนนะห์ วัลญามาฮะห์ คือ การยอมรับในความประเสริฐของเหล่าศอฮาบะฮ์ และเหล่าศอหาบะห์ทุกท่าน คือคนที่อัลลอฮ์ รับรองและพอพระทัยต่อพวกเขาทั้งหมด
อิสลามนั้นได้ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย และแต่ละยุคอัลลอฮฺได้ให้มีนักวิชาการที่คอยปกป้องศาสนาของพระองค์ และได้ชี้แจงสิ่งที่เป็นความเท็จ และสิ่งที่มาทำลายหลักความเชื่ออันบริสุทธิ์ที่อัลลอฮฺประทานมาให้กับบรรดานบี ของพระองค์ในทุกยุค ทุกสมัย ความดีของเหล่านักวิชาการเหล่านั้นยังคงมีคนแต่ละยุคสืบทอดเจตนารมณ์ของพวกเขา ในการปกป้องศาสนาจากการใส่ร้าย บิดเบือนทำลาย และแน่นอนนี่คือ ศาสนาที่อัลลอฮ์ ได้เลือกให้แก่ปวงบ่าวของพระองค์ แนวทางที่ถูกต้องจะได้รับการปกป้องจนถึงวันกิยามะห์
การลุกขึ้นมาปกป้องเกียรติของเหล่าศอหาบะห์ ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงสถานะของเหล่าศอหาบะห์ของท่านนบี นั้น เป็นหน้าที่ของบรรดาผู้ที่มีความรู้ทุกท่านจะต้องทำหน้าที่อันนี้ และการต่อสู้กับความเชื่อที่บิดเบือนและมีเป้าหมายเพื่อทำลายความเป็นอันหนึ่งเดียวของบรรดามุสลิมนั้นเป็นหน้าที่ของเหล่าผู้ที่เกลียดชัง และไม่หวังดีต่ออิสลาม และต้องการขจัดให้อิสลามหมดไป ดังนั้นกลุ่มที่ไม่หวังดีต่ออิสลามเขาทุ่มเทอย่างสุดกำลังในการที่จะสกัดขั้นผู้คนไม่ให้เข้ามาสู่ศาสนาอันนี้ เขาทุ่มเททั้งกำลังทรัพย์ กำลังกายที่จะสกัดผู้คนจากแนวทางของอิสลามที่ถูกต้อง ดังนั้นเป็นหน้าที่ของบรรดามุสลิมจะต้องศึกษาด้วยเช่นกันถึงความประเสริฐของเหล่าศอหาบะห์
ความประเสริฐของเหล่าศอหาบะห์ในอัลกุรอาน
مُّحَمَّدٌ رَّسُولُ اللَّهِ ۚ وَالَّذِينَ مَعَهُ أَشِدَّاءُ عَلَى الْكُفَّارِ رُحَمَاءُ بَيْنَهُمْ ۖ تَرَاهُمْ رُكَّعًا سُجَّدًا يَبْتَغُونَ فَضْلًا مِّنَ اللَّهِ وَرِضْوَانًا ۖ سِيمَاهُمْ فِي وُجُوهِهِم مِّنْ أَثَرِ السُّجُودِ ۚ ذَلِكَ مَثَلُهُمْ فِي التَّوْرَاةِ ۚ
وَمَثَلُهُمْ فِي الْإِنجِيلِ كَزَرْعٍ أَخْرَجَ شَطْأَهُ فَآزَرَهُ فَاسْتَغْلَظَ فَاسْتَوَىٰ عَلَىٰ سُوقِهِ يُعْجِبُ الزُّرَّاعَ لِيَغِيظَ بِهِمُ الْكُفَّارَ ۗ وَعَدَ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ مِنْهُم مَّغْفِرَةً وَأَجْرًا عَظِيمًا ﴿٢٩﴾
"มุฮัมมัดเป็นร่อซูลของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา เป็นผู้เข้มแข็งกล้าหาญต่อพวกปฏิเสธศรัทธา เป็นผู้เมตตาสงสารระหว่างพวกเขาเอง เจ้าจะเห็นพวกเขาเป็นผู้รูกั๊วะ ผู้สุญูด โดยแสวงหาคุณความดีจากอัลลอฮฺและความโปรดปราน (ของพระองค์) เครื่องหมายของพวกเขาอยู่บนใบหน้าของพวกเขาเนื่องจากร่องรอยแห่งการสุญูด นั่นคืออุปมาของพวกเขาที่มีอยู่ในอัตเตารอต และอุปมาของพวกเขาที่มีอยู่ในอัลอินญีล ประหนึ่งเมล็ดพืชที่งอกหน่อหรือกิ่งก้านของมันออกมาแล้วทำให้มันงอกงาม แล้วมันก็เติบโตแข็งแรงและทรงตัวอยู่ได้บนลำต้นของมัน นำความปลื้มปิติมาให้แก่ผู้หว่าน เพื่อที่พระองค์จะก่อความโกรธแค้นแก่พวกปฏิเสธศรัทธา เพราะพวกเขา (มุสลิมีน) และอัลลอฮฺทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายในหมู่พวกเขาว่าจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันใหญ่หลวง"
(สูเราะห์ อัลฟัตหฺ อายะห์ที่ ๒๖)
لِلْفُقَرَاءِ الْمُهَاجِرِينَ الَّذِينَ أُخْرِجُوا مِن دِيَارِهِمْ وَأَمْوَالِهِمْ يَبْتَغُونَ فَضْلًا مِّنَ اللَّهِ وَرِضْوَانًا وَيَنصُرُونَ اللَّهَ وَرَسُولَهُ ۚ أُولَـٰئِكَ هُمُ الصَّادِقُونَ ﴿٨﴾
"(สิ่งที่ยึดมาได้จากพวกยะฮูด) เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสนซึ่งถูกขับไล่ออกบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา และทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ และความยินดีของพระองค์และช่วยเหลืออัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้สัตย์จริง"
(สูเราะห์ อัล หัรชฺ อายะห์ที่ ๘)
อายะห์นี้เป็นการกล่าวถึงบรรดามูฮาญีรีน(ผู้อพยพ)ที่การเสียสละของพวกเขาด้วยกับการละทิ้งบ้านเรือน เพื่อที่จะรักษาไว้ซึงอิสลาม และนี่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความประเสริฐของเหล่าศอหาบะห์
وَالَّذِينَ تَبَوَّءُوا الدَّارَ وَالْإِيمَانَ مِن قَبْلِهِمْ يُحِبُّونَ مَنْ هَاجَرَ إِلَيْهِمْ وَلَا يَجِدُونَ فِي صُدُورِهِمْ حَاجَةً مِّمَّا أُوتُوا وَيُؤْثِرُونَ عَلَىٰ أَنفُسِهِمْ وَلَوْ كَانَ بِهِمْ خَصَاصَةٌ ۚ وَمَن يُوقَ شُحَّ نَفْسِهِ فَأُولَـٰئِكَ هُمُ الْمُفْلِحُونَ ﴿٩﴾
"และบรรดาผู้ที่ได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นครมะดีนะฮ.(ชาวอันศอร)และพวกเขาศรัทธาก่อนหน้าการอพยพของพวกเขา(ชาวมุฮาญิรีน)พวกเขารักใคร่ผู้ที่อพยพมายังพวกเขาและจะไม่พบความต้องการหรือความอิจฉาอยู่ในทรวงอกของพวกเขาในสิ่งที่ได้ถูกประทานให้และให้สิทธิผู้อื่นก่อนตัวของพวกเขาเองถึงแม้ว่าพวกเขายังมีความต้องการอยู่มากก็ตามและผู้ใดปกป้องการตระหนี่ที่อยู่ในตัวของเขาชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ"
(สูเราะห์ อัลหัชรฺ อายะห์ที่ ๙)
ส่วนอายะห์เป็นการกล่าวถึงความประเสริฐของชาวอันซอร ที่ได้ให้การช่วยเหลือบรรดามูฮาญีรีน (ผู้อพยพ) มาจากมักกะห์ ไม่ว่าด้วยกับให้ที่พักพิง การช่วยเหลือในเรื่องเงินทอง นี่คือความประเสริฐของเหล่าศอหาบะห์ ที่พวกเขามีความรักต่อศาสนา และเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือทรัพย์สินเพื่อปกป้องศาสนา และอีกมากมายในอัลกุรอานและอัซซุนนะห์ที่ได้กล่าวถึงความประเสริฐของพวกเขา ดังนั้นเราไม่ต้องสงสัยเลยสำหรับบุคคลที่พยายามทำลายเกียรติยศ ความน่าเชื่อถือของบรรดาศอหาบะห์ บุคคลที่ต้องการทำลายรากฐานของอัลอิสลาม และพยายามหันเหผู้คนให้ออกจากแนวทางที่ถูกต้อง
ดังนั้นการปกป้องเหล่าศอหาบะห์ และบรรดาเครือญาติและภรรยาของท่านนบี เป็นหน้าที่ของผู้ศรัทธาทุกคนที่จะต้องตระหนัก เราจะนิ่งเฉยกับบทความข้อเขียน การบรรยายที่ใส่ร้ายพวกเขาไม่ได้เราจำเป็นต้องลุกขึ้นมาปกป้องเกียรติของพวกเขาเท่าที่เราสามารถที่จะกระทำได้ เพื่อเราจะได้ตอบคำถามต่ออัลลอฮว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว