สังคมแห่งการรุกั้วะและสุญูด
ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ความศานติสถาพรขอจงประสบแด่นบีมุฮัมมัดผู้ถูกส่งมาเพื่อแผ่ความเมตตาสู่สากลโลก ตอลดจนวงศ์วานและเศาะหาบะฮฺทั้งหลายของท่าน
สังคมของท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นสังคมที่ได้รับการตั้งสมญาโดยอัลกุรอานว่าเป็น “สังคมแห่งการรุกั้วะและสุญูด” หมายความว่าเป็นสังคมที่ชอบรุกู้วและสุญูด (หมายถึงละหมาด) โดยพร้อมเพรียงกัน นี่คือลักษณะการดำรงละหมาด โดยเฉพาะละหมาดฟัรฎูทั้งห้าเวลา ทั้งที่เป็นการละหมาดในช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน เพราะละหมาดฟัรฎูในรูปแบบญะมาอะฮฺจะได้รับการเป็นสักขีพยาน
ดังคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
“ท่านจะเห็นพวกเขาอยู่ในสภาพที่รุกั้วะ และสุญูด เพื่อแสวงหาความดีและความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ”
(อัลฟัตหฺ 48:29)
หมายความว่า ท่านจะเห็นพวกเขาตั้งมั่นอยู่ในการอิบาดะฮฺทั้งรุกั้วะและสุญูดโดยคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมในผลตอบแทนจากอัลลอฮฺ รวมทั้งความโปรดปรานจากพระองค์
สังคมของเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะอยู่ในสภาพที่รุกั้วะและสุญูดโดยพร้อมเพรียงกันอยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นพวกเขาก็จะแยกย้ายกันออกไปหาความประเสริฐของอัลลอฮฺ (ปัจจัยยังชีพ) และความโปรดปรานของพระองค์ด้วยความขะมักเขม้นและจริงจัง ตามภาระงานและหน้าที่ต่างๆของแต่ละคน เช่น เรียน สอน ค้าขาย และอื่นๆ
ส่วนละหมาดสุนัต โดยเฉพาะละหมาดกลางคืน (กิยามุลลัยล์) จะเป็นการละหมาดในรูปแบบส่วนบุคคล ยกเว้นละหมาดตะรอวีหฺ ซึ่งโดยปกติแล้วบุคคลทั่วไปไม่สามารถเป็นสักขีพยานต่อการละหมาดประเภทนี้ได้
อัลลอฮฺตรัสว่า
“ผู้ที่ทำการภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพที่สุญูด และยืนละหมาด โดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮฺ
และหวังความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเขา (จะมีเกียรติเท่ากับผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติเช่นนั้นกระนั้นหรือ?)
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า บรรดาผู้ที่รู้ถึงแก่นแท้ของอัลลอฮฺและแก่นแท้ของตัวเองและบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันกระนั้นหรือ?
แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาอันบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะรำลึกถึงอัลลอฮฺเสมอ”
(อัซซุมัร 39:9)
เพื่อให้มุสลิมทุกคนแสดงออกถึงคุณลักษณะต่างๆดังกล่าว ข้าพเจ้าขอเชิญชวนให้ทุกคนยึดมั่นปฏิบัติกับการละหมาดฟัรฎูในรูปของญะมาอะฮฺ พยายามอยู่ในมัสยิดอย่างน้อยขณะกำลังอิกอมะฮฺ และดำรงการละหมาดด้วยความสำรวมตน พร้อมกับยึดมั่นปฏิบัติกับละหมาดสุนัตต่างๆ เพราะจุดยืนของคนต่อการละหมาดนั้นมีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ
(1) ผู้ปฏิเสธศรัทธา (กาฟิร) พวกเขาจะไม่ดำรงการละหมาด ดังคำตรัสของอัลลอฮฺเกี่ยวกับพวกเขาว่า
“ผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่เชื่อและไม่ดำรงละหมาด”
(อัลกิยามะฮฺ 75:31)
(2) ผู้กลับกลอก (มุนาฟิก) พวกเขาจะดำรงการละหมาดด้วยความเกียจคร้าน ดังคำตรัสของอัลลอฮฺเกี่ยวกับพวกเขาว่า
“และเมื่อบรรดาผู้กลับกลอกดำรงละหมาด พวกเขาจะดำรงละหมาดด้วยความเกียจคร้าน
เพื่อให้ผู้คนเห็น (ว่าพวกเขาละหมาด) และพวกเขาจะไม่กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ นอกจากเพียงน้อยนิดเท่านั้น”
(อันนิสาอ์ 4:142)
(3) ผู้ศรัทธา (มุอ์มิน) พวกเขาจะดำรงการละหมาดด้วยความคุชูอฺและสำรวมตน ไม่ขี้เกียจและไม่หลงลืม ดังคำตรัสของอัลลอฮฺเกี่ยวกับคุณลักษณะของพวกเขาว่า
“แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาได้ประสบความสำเร็จแล้ว ผู้ซึ่งมีความนอบน้อมถ่อมตนในละหมาดของพวกเขา”
(อัลมุอ์มินูน 23:1-2)
การละหมาดที่คุชูอฺหมายถึงการละหมาดของคนใดคนหนึ่งที่จิตใจของเขามีความนอบน้อมและสิโรราบต่อความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา โดยเขาจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาในทุกๆอิริยาบทของการอ่านและการกระกระทำในละหมาดของเขา
จำนวนร็อกอัตและสุญูดของสังคมแห่งการรุกู้วะและสุญูด
ตามซุนนะฮฺของท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และซุนนะฮฺของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมเกี่ยวกับจำนวนร็อกอัตและสุญูดละหมาดประจำวัน ทั้งกลางวันและกลางคืนของพวกเขาคือ 50 ร็อกอัต หรือ 100 สุญูด เป็นอย่างน้อย ตามรายละเอียดต่อไปนี้
(1) ละหมาดฟัรฎูจำนวน 17 ร็อกอัต คือ
- ศุบหฺ 2 ร็อกอัต
- ซุฮรฺ 4 ร็อกอัต
- อัศรฺ 4 ร็อกอัต
- มัฆริบ 3 ร็อกอัต
- อิชาอ์ 4 ร็อกอัต
รวม 17 ร็อกอัต (34 สุญูด)
(2) ละหมาดสุนัตเราะวาติบจำนวน 20 ร็อกอัต คือ
- ก่อนศุบหฺ 2 ร็อกอัต
- ก่อนซุฮรฺ 4 ร็อกอัต
- หลังซุฮรฺ 4 ร็อกอัต
- ก่อนอัศรฺ 4 ร็อกอัต
- ก่อนมัฆริบ 2 ร็อกอัต
- หลังมัฆริบ 2 ร็อกอัต
- หลังอิชาอ์ 2 ร็อกอัต
รวม 20 ร็อกอัต (40 สุญูด) หรือ 22 ร็อกอัต (44 สุญูด) ด้วยการเพิ่มละหมาดสุนัตก่อนอิชาอ์อีก 2 ร็อกอัต
(3) ละหมาดสุนัตกิยามุลลัลยล์ หรือตะฮัจญุด หรือตะรอวีหฺ หรือวิติร จำนวน 11-13 ร็อกอัต (22-26 สุญูด)
(4) ยังมีละหมาดสุนัตอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งที่มีระบุในหะดีษเศาะฮีหฺ เช่น สุนัตดุฮา สุนัตเอาวาบีน สุนัตตะฮียะฮฺมัสยิด สุนัตวุดูอ์ และอื่นๆ
ละหมาดตามซุนนะฮฺ
แบบอย่างการละหมาดที่สมบูรณ์ที่สุดคือการละหมาดของท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านกล่าวว่า
>صَلُّوْا كَمَا رَأَيْتُمُوْ ِنْي أُصَلِّيْ<
“พวกท่านจงดำรงละหมาดดัง (รูปแบบ) ที่พวกท่านได้เห็นฉันดำรงละหมาด”
(อัลบุคอรีย์ 631, 6008, 7246)
ส่วนบรรดาอิหม่ามมัซฮับมีหน้าที่เป็นอาจารย์คอยชี้แจงให้ปวงชนทราบถึงรายละเอียดของวิธีการละหมาดที่ถูกต้องตามซุนนะฮฺของท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
การละหมาดของผู้ที่จะจากลา
ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า
>صَلِّ صَلَاةَ مُوَدِّعٍ كَأَنَّكَ تَرَاهُ فَإِنْ كُنْتَ لَا تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَرَاكَ<
“จงดำรงละหมาดเสมือนกับการละหมาด (ครั้งสุดท้าย)ของผู้ที่กำลังจะจากลามัน จากลาโลกนี้ไป
(นั่นคือ) การละหมาดที่เสมือนกับว่าท่านเห็นอัลลอฮฺ เพราะถึงว่าท่านจะไม่เห็นอัลลอฮฺ แต่อัลลอฮฺจะทรงมองเห็นท่านเสมอ”
ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า
“การละหมาดที่เสมือนกับว่าท่านจะไม่มีโอกาสละหมาดอีกแล้วหลังจากนั้น”
(อัลอะหาดีษ อัศเศาะฮีหะฮฺ ของอัลบานีย์ 1914)
ละหมาดตะรอวีหฺพร้อมกับอิหม่าม
ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า
>مَنْ قَامَ مَعَ الإِمَامِ حَتَّى يَنْصَرِفَ كُتِبَ لَهُ قِيَامُ لَيْلَةٍ<
“ผู้ดำรงละหมาดกลางคืน (กิยามุลลัยล์ หรือละหมาดตะรอวีหฺ) พร้อมกับอิหม่ามจนกระทั่งเสร็จสิ้น
เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับการดำรงละหมาดตลอดทั้งคืน”
(อัตติรมิซีย์ 806: หะสัน)
อุษมาน ยูโซะ ถอดความ