มนุษย์มีชีวิต 2 ครั้ง และตาย 2 ครั้ง
อ. อับดุลเราะมัน เจะอารง
1. โลกนี้และโลกหน้า
มนุษย์เรามีชีวิตบนโลกนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกมีชีวิตอยู่บนโลกนี้และครั้งที่ 2 จะมีชีวิตอีกครั้งในวันโลกหน้า การมีชีวิตของมนุษย์เราจะเริ่มจากการไม่มีชีวิตมาก่อน อัลกุรอานได้ให้ข้อมูลและอธิบายการมีชีวิตและการตายของมนุษย์อย่างถูกต้อง เพราะเป็นข้อมูลที่มาจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงสร้างมนุษย์เอง พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
كَيْفَ تَكْفُرُونَ بِاللَّهِ وَكُنتُمْ أَمْوَاتاً فَأَحْيَاكُمْ ثُمَّ يُمِيتُكُمْ ثُمَّ يُحْيِيكُمْ ثُمَّ إِلَيْهِ تُرْجَعُونَ (البقرة/28)
“สูเจ้า ปฏิเสธอัลลอฮ์ได้อย่างไร ในเมื่อความจริงแล้ว สูเจ้าไม่มีชีวิตมาก่อน(คือ ยังอยู่ในสภาพเป็นดิน)
แล้วพระองค์ได้ทรงให้ชีวิตแก่สูเจ้า หลังจากนั้นพระองค์ จะทรงทำให้สูเจ้าตาย แล้วทำให้สูเจ้ามีชีวิตอีก
แล้วสูเจ้า จะถูกนำกลับไปยังพระองค์”
ในอายะฮ์นี้ อัลลอฮ์ ทรงท้าทายผู้ปฏิเสธว่า พวกเจ้าปฏิเสธพระองค์ได้อย่างไรเมื่อพวกเจ้าไม่มีชีวิตมาก่อน แล้วพระองค์ทรงให้ชีวิต หลังจากนั้นพระองค์ทรงให้พวกเจ้า แล้วให้พวกเจ้ากลับคืนชีพอีครั้ง
2. ผู้ปฏิเสธศรัทธายอมรับธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้าง
ในช่วงที่พวกเขารวมตัวกันที่สนามรอการตัดสิน พวกเขาจะยอมรับความจริงที่พวกเขาประสบ คือ มีชีวิต 2 ครั้ง และตาย 2 ครั้ง และในวันนั้นพวกเขาจะขอให้พระองค์ส่งพวกเขาให้มีชีวิตใหม่บนโลกดุนยาอีกครั้งแล้วพวกเขาจะไม่ปฏิเสธอัลลอฮ์อีกแล้ว และจะปฏิบัติตามที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงใช้อย่างเคร่งครัด พระองค์ทรงเล่าสภาพของพวกเขาที่ยอมจำนนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรัสไว้ว่า
قَالُوا رَبَّنَا أَمَتَّنَا اثْنَتَيْنِ وَأَحْيَيْتَنَا اثْنَتَيْنِ فَاعْتَرَفْنَا بِذُنُوبِنَا فَهَلْ إِلَى خُرُوجٍ مِّن سَبِيلٍ (غافر/11)
“พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา พระองค์ท่านได้ทรงทำให้เราตายสองครั้ง และพระองค์ท่านได้ทรงทำให้เรามีชีวิตสองครั้ง
ดังนั้นเราขอสารภาพต่อความผิดทั้งหลายของเราดังนั้นจะมีทางออก (แก่เรา) ไหม ?
(การตายครั้งแรกขณะที่พวกเขายังไม่เกิด การตายครั้งที่ 2 เมื่อพวกเขาตายในโลกดุนยา ส่วนการมีชีวิตครั้งแรก คือ การมีชีวิตอยู่ในโลกดุนยา การมีชีวิตครั้งที่ 2 คือ การมีชีวิตในการฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮ์ นี่คือ การตาย 2 ครั้งและการมีชีวิต 2 ครั้ง)”
ในวันนั้นพวกเขาจะก้มหน้ายอมรับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นพร้อมกับความละอาย พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
وَلَوْ تَرَى إِذِ الْمُجْرِمُونَ نَاكِسُو رُؤُوسِهِمْ عِندَ رَبِّهِمْ رَبَّنَا أَبْصَرْنَا وَسَمِعْنَا فَارْجِعْنَا نَعْمَلْ صَالِحًا
إِنَّا مُوقِنُونَ (السجدة/12)
“และถ้าเจ้าได้เห็น เมื่อผู้กระทำผิดทั้งหลายก้มศีรษะของพวกเขาลง(เพราะความอาย) ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา (พลางกล่าวว่า)
ข้าแต่พระเจ้าของเรา เราได้เห็น(ข้อเท็จจริง)แล้ว เราได้ยิน(สิ่งที่เราได้ปฏิเสธเรื่องเกี่นยวกับบรรดาเราะสูล)
แล้ว ขอได้ทรงโปรดส่งเรากลับไป (ยังโลกดุนยา) เพื่อเราจะได้กระทำความดี
แท้จริงเราเป็นผู้มีความเชื่อมั่นแล้ว(ณ บัดนี้ว่าสัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง และการพบพระองค์เป็นความจริง)”
ในอีกอายะฮ์พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
وَلَوْ تَرَىَ إِذْ وُقِفُواْ عَلَى النَّارِ فَقَالُواْ يَا لَيْتَنَا نُرَدُّ وَلاَ نُكَذِّبَ بِآيَاتِ رَبِّنَا وَنَكُونَ مِنَ
الْمُؤْمِنِينَ بَلْ بَدَا لَهُم مَّا كَانُواْ يُخْفُونَ مِن قَبْلُ وَلَوْ رُدُّواْ لَعَادُواْ لِمَا نُهُواْ عَنْهُ وَإِنَّهُمْ
لَكَاذِبُونَ (الأنعام/27-28)
“และหากเจ้าจะได้เห็น ขณะที่พวกเขาถูกให้หยุดยืนเบื้องหน้าไฟนรก แล้วพวกเขาได้กล่าวว่า
โอ้ ! หวังว่าเราจะถูกนำกลับไป และเราก็จะไม่ปฏิเสธบรรดาโองการแห่งพระเจ้าของเราอีก และเราก็จะได้กลายเป็นผู้ที่อยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา
แต่ทว่าได้ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว สิ่งที่พวกเขาปกปิดไว้(หมายถึงการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขาขณะที่อยู่ในโลก) แต่กาลก่อน
และแม้ว่าพวกเขาถูกให้กลับไป(ยังโลกอีกครั้งหนึ่งเพื่อกระทำความดีเป็นการแก้ตัว แน่นอนพวกเขาก็กลับกระทำอีกในสิ่งที่พวกเขาถูกห้ามไว้)และแท้จริงพวกเขาคือผู้ที่กล่าวเท็จ”
เมื่อพวกเขาถูกตัดสินให้พำนักอยู่ในนรก พวกเขาจะถูกต้อนไปยังนรกและจะถูกโยนลงในนรกอันร้อนระอุ เต็มไปด้วยบทแห่งการทรมาน เมื่อพวกเขาได้ลิ้มบทการลงโทษต่างๆ การขอให้พระองค์ทรงพาพวกเขากลับไปยังโลกดุนยาใหม่ การปฏิเสธจากพระองค์จะยิ่งรุนแรงขึ้น พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
وَهُمْ يَصْطَرِخُونَ فِيهَا رَبَّنَا أَخْرِجْنَا نَعْمَلْ صَالِحًا غَيْرَ الَّذِي كُنَّا نَعْمَلُ أَوَلَمْ نُعَمِّرْكُم
مَّا يَتَذَكَّرُ فِيهِ مَن تَذَكَّرَ وَجَاءكُمُ النَّذِيرُ فَذُوقُوا فَمَا لِلظَّالِمِينَ مِن نَّصِيرٍ (فاطر/37)
“และพวกเขาจะตะโกนอยู่ในนรกนั้นว่า
"ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ได้ทรงโปรดนำเราออกไป (จากนรก) เพื่อเราจะได้ปฏิบัติการงานที่ดี อื่นจากที่เราได้ปฏิบัติไปแล้ว(เป็นการยอมรับถึงการงานที่ชั่วของพวกเขาในอดีต)
และเรามิได้ให้อายุของพวกเจ้ายืนนานพอดอกหรือ เพื่อผู้ที่ใคร่ครวญจะได้รำลึกถึงข้อตักเตือนและ (ยิ่งกว่านั้น)ได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าแล้ว
ดังนั้น พวกเจ้าจงลิ้มรส (การลงโทษ) เถิด เพราะสำหรับบรรดาผู้อธรรมนั้นจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ”
พร้อมกับพระองค์ทรงได้ชี้แจงสาเหตุที่พวกเขาถูกทรมาน พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
ذَلِكُم بِأَنَّهُ إِذَا دُعِيَ اللَّهُ وَحْدَهُ كَفَرْتُمْ وَإِن يُشْرَكْ بِهِ تُؤْمِنُوا فَالْحُكْمُ لِلَّهِ (غافر/12)
الْعَلِيِّ الْكَبِيرِ (غافر/12)
“นั่นก็เพราะว่า แท้จริงเมืออัลลอฮ์พระองค์เดียวถูกกล่าวขึ้น พวกเจ้าก็ปฏิเสธศรัทธา
และเมื่อหากให้มีการตั้งภาคีกับพระองค์พวกเจ้าก็ศรัทธา
ดังนั้น การตัดสินชี้ขาดเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่
(นั่นคือการลงโทษด้วยการอยู่ในนรกตลอดกาล เพราะการปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์ของพวกเจ้า คือ เมื่อพวกเจ้าถูกเรียกร้องไปสู่ความเป็นเอกภาพพวกเจ้าก็ปฏิเสธการศรัทธา และเมื่อมีการเรียกร้องไปสู่เจว็ดอื่น ๆ พวกเจ้าก็ศรัทธาต่อการเป็นพระเจ้าของมัน ดังนั้นการชี้ขาดตัดสินจึงเป็นของอัลลอฮ์พระองค์เดียว มิใช่พวกเจว็ด หรือรูปปั้นใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่มีทางที่พวกเจ้าจะรอดพ้นไปได้)”
เหตุผลที่พวกเขาถูกทรมานเพราะไม่ยอมศรัทธาต่อพระองค์อัลลฮ์ ในช่วงที่มีชีวิตบนโลกดุนยา
3. ชีวิตดุนยามีจุดจบ ในขณะที่ชีวิตโลกหน้าถาวรตลอดกาล
โลกดุนยาถึงแม้ว่ามันยาวพอสมควร แต่ก็มีจุดจบ ในขณะที่โลกอาคีเราะฮ์นั้นเป็นโลกที่ถาวร นิรันดร์ตลอดกาล อัลลอฮ์ ได้เตือนสติมนุษย์ในหลาย ๆ สูเราะฮ์และหลาย ๆ อายะฮ์ของอัล-กุรอาน ให้ยึดดุนยานี้เป็นสื่อไปสู่อาคีเราะฮ์ ไม่ใช่เป็นเป็นเป้าหมายสุดท้ายของชีวิต พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
بَلْ تُؤْثِرُونَ الْحَيَاةَ الدُّنْيَا وَالْآخِرَةُ خَيْرٌ وَأَبْقَى (الأعلى/16-17)
“หามิได้ แต่พวกเจ้าเลือกเอาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่างหาก ทั้ง ๆ ที่ปรโลกนั้นดีกว่าและจีรังกว่า(โลกดุนยานี้อย่างแน่นอน)”
และในอีกอายะฮ์หนึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
كَلَّا بَلْ تُحِبُّونَ الْعَاجِلَةَ وَتَذَرُونَ الْآخِرَةَ (القيامة/20)
“เปล่าเลย ! แต่มันอยู่ที่พวกเจ้ารักการมีชีวิตอยู่ในโลก(ที่สูญสลาย)นี้และพวกเจ้าจะทิ้ง(ไม่สนใจต่อ)โลกอาคีเราะฮ์ (ที่ยั่งยืน) ”