การดูจันทร์เสี้ยวและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง
แปลโดย อาจารย์มุหำหมัด บินต่วน
คำฟัตวา (คำชี้ขาดปัญหาศาสนา) เลขที่ 388
คำถาม
อิสลามมีทรรศนะอย่างไร ? เกี่ยวกับการกำหนดวันสำคัญทางศาสนาที่แตกต่างกันเช่น อีดอัลฟิตร และอีดอัลอัฎฮา ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นผลทำให้มีการถือศีลอดในวันที่ห้ามการถือศีลอดเช่น วันอีดอัลฟิตร และงดการถือศีลอดในวันที่จำเป็นจะต้องทำการถือศีลอด เราหวังว่าจะได้รับคำตอบที่สมบูรณ์เกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญยิ่ง และถือเป็นหลักฐาน ณ ที่อัลลอฮฺ และหากว่าความแตกต่างดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ภายในสองวัน มันก็เป็นไปได้ที่จะเกิดวันอีดที่แตกต่างกันถึงสามวัน
และด้วยเหตุที่อิสลามเป็นศาสนาที่ปฏิเสธความแตกต่างดังกล่าว ดังนั้น อะไรคือแนวทางที่ถูกต้องที่ให้มุสลิมถือเป็นบรรทัดฐานในการกำหนดวันสำคัญทางศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียวกัน?
คำตอบ
บรรดาอุละมาอฺ (นักปราชญ์อิสลาม) มีความเห็นพ้องกันเกี่ยวกับความแตกต่างของการปรากฏของจันทร์เสี้ยว (มัตละอฺ) ช่วงเริ่มต้นของเดือน เนื่องจากสิ่งดังกล่าวเป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ได้โดยปริยาย ทั้งทางสติปัญญาและการสัมผัส แต่บรรดาอุละมาอฺมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการนำเอาความแตกต่างของการปรากฏจันทร์เสี้ยวในแต่ละส่วนมาเป็นบรรทัดฐานของการกำหนดการเริ่มต้นของเดือนรอมฎอนและการสิ้นสุดของเดือนหรือไม่ ?
บรรดาผู้รู้ (อุละมาอฺ) มีทรรศนะในเรื่องดังกล่าวสองทรรศนะ คือ
- ทรรศนะที่ถือเอาความแตกต่างของตำแหน่งการปรากฏของจันทร์เสี้ยว (มัตละอฺ) ในแต่ละพื้นที่เป็นตัวกำหนดในการดูจันทร์เสี้ยวและ
- ทรรศนะไม่ถือเอาความแตกต่างของตำแหน่งของการปรากฏของจันทร์เสี้ยวเป็นตัวกำหนดในการดูดวงจันทร์เสี้ยว ซึ่งนักวิชาการ (ผู้รู้) ทั้งสองกลุ่มต่างก็แสดงหลักฐานทั้งที่เป็น อัลกุรอาน , อัลหะดีษ และหลักอนุมาน (กิยาส) ซึ่งในบางครั้ง นักวิชาการทั้งสองกลุ่มก็ใช้ตัวบทเดียวกันในการอ้างหลักฐาน เช่น
พระดำรัสของ อัลลอฮฺ { فَمَنْ َشهِدَ ِمنْكُمُ الشَّهْرَ فَلْيَصُمْهُ } มีใจความว่า
“ ดังนั้นผู้ใดในหมู่สูเจ้าเข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอด ”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลบะกอเราะฮฺ โองการที่ 185)
และพระดำรัสของอัลลอฮฺตะอาลา { يَسْأَلُوْنَكَ عَنِ الأَهِلَّةِ قُلْ هِيَ مَوَاقِيْتُ للنَّاسِ } มีใจความว่า
“ พวกเขาเหล่านั้นจะถามเจ้าเกี่ยวกับเดือนแรกขึ้น จงกล่าวเถิดว่ามันคือกำหนดเวลาต่างๆ สำหรับมนุษย์ ”
(อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัลบะกอเราะฮฺ โองการที่ 189)
และจากพระวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซั้ลลัม
(( صُوْمُوْا لِرُؤْيَتِهِ وَ أَفْطِرُوْا لِرُؤْيَتِهِ ))
“สูเจ้าทั้งหลายจงถือศีลอด เพราะสาเหตุที่สูเจ้าได้เห็นมัน (หมายถึงจันทร์เสี้ยวตอนเริ่มต้นเดือน)
และสูเจ้าจงออกจากการถือศีลอด (ออกอีด) เพราะสาเหตุที่สูเจ้าได้เห็นมัน”
ดังกล่าวคือตัวบทของบรรดาผู้รู้ทั้งสองทรรศนะที่นำมาอ้างเป็นหลักฐานแต่พวกเขามีความเห็นที่แตกต่างกันในความเข้าใจตัวบทและแนวทางในการนำเอาตัวบทมาอ้างอิงในเรื่องดังกล่าว
ดังนั้นจึงพูดโดยสรุป ก็คือการขอคำชี้ขาดในเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นการขอคำชี้ขาดในปัญหาเชิงทฤษฎีที่เปิดช่องทางให้มีการวินิจฉัยปัญหาในตัวมันเอง และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นเหตุให้บรรดานักนิติศาสตร์อิสลามทั้งในอดีตและปัจจุบันมีทรรศนะในเรื่องดังกล่าวที่ต่างกัน ดังนั้นจึงไม่เป็นบาปแต่ประการใดสำหรับชาวเมืองหนึ่งเมืองใด เมื่อพวกเขาไม่เห็นจันทร์เสี้ยวในค่ำคืนที่ 30 ของเดือน พวกเขาก็จะยึดเอาการเห็นจันทร์เสี้ยวของทิศทางที่มิใช่การปรากฏของจันทร์เสี้ยวของพวกเขา (หมายถึงการเห็นจันทร์เสี้ยวของอีกเมืองหนึ่ง) หากพวกเขาได้รับการยืนยันที่เชื่อถือได้ในการปรากฏของจันทร์เสี้ยว แต่หากการกระทำดังกล่าวทำให้พวกเขาขัดแย้งกันในหมู่พวกเขา ก็ให้พวกเขายึดเอาคำตัดสินของผู้นำประเทศของพวกเขา หากผู้นำประเทศเป็นมุสลิม
และหากผู้นำประเทศได้ตัดสินที่จะปฏิบัติตามทรรศนะหนึ่งทรรศนะใดจากสองทรรศนะ (คือทรรศนะที่ยึดถือดวงจันทร์เสี้ยวตามตำแหน่งที่ปรากฏที่แตกต่างกัน กับทรรศนะที่ไม่ยึดถือความแตกต่างของตำแหน่งที่ปรากฏของจันทร์เสี้ยว (มัตละอฺ) ) ก็ถือว่าคำตัดสินของผู้นำประเทศเป็นตัวชี้ขาด และเป็นการขจัดความขัดแย้งและจำเป็นที่ผู้อยู่ใต้การปกครองจะต้องปฏิบัติตาม แต่หากว่าผู้นำประเทศมิใช่มุสลิม ให้ยึดถือเอาคำตัดสินของสภาองค์กรกลางอิสลามของประเทศของพวกเขา เพื่อรักษาการเป็นเอกภาพในการถือศีลอดเดือนรอมฎอน และการละหมาดอีดในประเทศของพวกเขา
ขอดุอาต่อเอกองค์อัลลอฮฺได้ประทานความสำเร็จและทางนำที่ถูกต้องและขอพระองค์อัลลอฮฺได้ทรงประทานซอละวาตและสลามให้กับท่านศาสดามุฮัมมัดและวงศ์วานของท่านและบรรดาซอฮาบะฮฺทั้งหมด
จากหนังสือ ฟะตาวาอัลลุจนะฮฺ อัดดาอิมะฮฺ ลิลบุหูษอัลอิลมียะฮฺ วัลอิฟตาอฺ เล่มที่ 10 หน้าที่ 100 – 103 คำฟัตวาที่ 388.