ความรัก หนึ่งในคุณสมบัติของมุสลิมที่แท้จริง
โดย... อ.ปริญญา ประหยัดทรัพย์
ความรักคืออะไร?
ความรัก คือความรู้สึกทางจิตใจอันลึกซึ้ง ละเมียดละไมที่มีต่อกันระหว่างบุคคลที่มีศรัทธาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญ คนเราเมื่อศรัทธาในสิ่งใดก็จะค่อย ๆ โน้มน้าวจิตใจให้เกิดความรู้สึกรัก โดยพัฒนามาเป็นขั้น ๆ อันประกอบด้วยความเมตตา ความอาทร ความหวังดี และให้อภัยเป็นประการสำคัญ
- การที่เรารักพ่อแม่ก็เพราะเรามีศรัทธาที่ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด เลี้ยงดู สั่งสอนอบรม และให้ความรักต่อเรา ความรู้สึกจะบอกเราอยู่เสมอว่าท่านเป็นบุคคลที่เราต้องให้เกียรติให้ความเคารพรัก ให้ความช่วยเหลือและอุปการะท่าน
- เรารักครู เพราะศรัทธาในตัวครูเนื่องด้วยท่านได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้เรา ให้แสงสว่างแห่งอนาคตอันมั่นคงแก่เรา
ความรักในกรอบของอัล-กุรอาน
" จงประกาศเถิด มาตรแม้นพวกท่านมีความรักในอัลลอฮ์ พวกท่านก็จง (ประพฤติ) ตามฉัน
แน่นอนอัลลอฮ์จะรักพวกท่านและทรงให้อภัยแก่พวกท่าน บรรดาความผิดของพวกท่าน
และอัลลอฮ์ทรงให้อภัย อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง"
(ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน โองการที่ 31)
ความรักในกรอบของอัล-หะดีษ
" คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าเขาจะรักพี่น้องของเขาได้รับเท่ากับที่เขาปรารถนาจะได้รับ "
(รายงายโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
ขาดความรักแน่แท้ขาดสันติสุข
ความรัก เป็นปัจจัยและเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้คนเราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หากมนุษย์ขาดความรักโลกมนุษย์ก็จะปั่นป่วนโกลาหลวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด
ความรู้สึกทางกามารมณ์เป็นเพียงความใคร่เท่านั้น หาใช่ความรักไม่ ความรักที่จริงแท้มาจากความศรัทธาที่แท้จริง และต้องแยกความรักและความใคร่ออกจากกัน แล้วใช้ความมีเหตุผลจากการศรัทธาเข้าควบคุมให้อยู่ในกรอบของศาสนา
ใครบ้างที่ต้องแสดงความรัก
อัลลอฮ์
มุสลิมทุกคนต้องศรัทธาอย่างมั่นคงเด็ดเดี่ยวว่า อัลลอฮ์ ทรงเป็นพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก มีอำนาจเหนือทุกสิ่ง แม้แต่ชีวิตของเราล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้อำนาจ และอภิสิทธิ์ของพระองค์ ดังนั้นเราจึงมอบความรักอันสูงสุดแด่พระองค์ หากเรามอบความรักที่จริงแท้และสูงสุดแด่พระองค์ รักในสิ่งที่พระองค์ทรงรัก และรักเพื่อพระองค์ เราก็จะเป็นที่รักใคร่แห่งพระองค์ ดังอัล-กุรอานได้ระบุไว้ในซูเราะฮ์ อัล-มาอิดะฮ์ โองการที่ 57 ความว่า
"อัลลอฮ์จะนำคนกลุ่มหนึ่งมา พระองค์ทรงรักเขา และพวกเขาก็รักพระองค์"
รอซูลุ้ลลอฮ์
รองลงมาจากความรักพระองค์อัลลอฮ์ คือความรักใน นบีมูฮำหมัด ผู้เป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์ ผู้ประกาศสัจธรรมชี้นำชาวโลกให้ออกจากความมืดบอด สู่แสงสว่างแห่งสัจธรรม อยู่บนฐานและแนวทางอันถูกต้องของพระองค์ ในที่สุดเราจักต้องมอบความรักอันยิ่งใหญ่ เหนือสิ่งอื่นใดให้แก่ท่านนบีมูฮำหมัด ดังคำสอนที่ระบุว่า :
"คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านจะยังไม่มีศรัทธาอันสมบูรณ์ จนกว่าเขาจะรักอัลลอฮ์และรอซู้ลของพระองค์ยิ่งกว่าตัวเขาเอง
ยิ่งกว่าครอบครัวของเขา ยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติของเขา และยิ่งกว่ามนุษย์ทั้งปวง"
บิดา มารดา
โดยแสดงออกถึงความรัก ด้วยการกตัญญูกตเวที และปฏิบัติต่อท่านอย่างอ่อนโยน ดังอัล-กุรอานซูเราะห์ อัล-อิสรออ์ โองการที่ 24 ระบุว่า ความว่า
"จงปฏิบัติต่อท่านทั้งสองด้วยความอ่อนน้อมและแสดงออกด้วยจิตใจอันมีเมตตา จงวิงวอนต่ออัลลอฮ์ เพื่อให้ทรงเมตตาท่านทั้งสองด้วย"
ญาติพี่น้อง
โดยหยิบยื่นความรักให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และสานสัมพันธ์อันดีต่อกันและกันดังที่ท่านศาสดามูฮำหมัด ได้กำชับว่า
"ผู้ใดรักที่จะได้ต้องการรับปัจจัยอันอุดม และมีอายุขัยยืนยาวก็จงสานสัมพันธ์อันดีกับญาติพี่น้อง"
(รายงานโดย บุคอรี)
ผู้นำ
คือสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพของสังคมมุสลิม ดังนั้นมุสลิมทุกคนจักต้องให้เกียรติและแสดงออกถึงความรักความปรารถนาดี และเชื่อฟังต่อผู้นำ ในกรณีที่ไม่ขัดแย้งกับ หลักธรรมคำสอนทางศาสนาดังที่อัลลอฮ์ ทรงตรัสไว้ในซูเราะห์ อัน-นิซาอ์ โองการที่ 59 ความว่า :
"ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงเชื่อฟังอัลลอฮ์ เชื่อฟังศาสดา และผู้นำที่มาจากพวกเจ้ากันเองเถิด"
ผู้ทรงความรู้
คือธรรมทายาทผู้สืบทอดมรดกแห่งความดีงามจากเหล่าศาสดา จึงจำเป็นที่มุสลิมทุกคนจักต้องให้เกียรติ แสดงออกถึงความรักต่อท่านเหล่านั้นในฐานะเป็นผู้นำพาคบเพลิงประภาคารแห่งวิทยาการมาสู่สังคมมนุษย์ชาติให้มีความสว่างไสว
เพื่อนบ้าน
หมายถึงผู้ที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ใกล้เคียงกัน ใช่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเพื่อนบ้านแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกัน อันได้แก่เพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม และเป็นญาติใกล้ชิดด้วย และเพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม แต่ไม่ได้เป็นญาติใกล้ชิด และเพื่อนบ้านที่ไม่ใช่มุสลิม ดังนั้น จึงจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคนจะต้องให้ความสำคัญกับเพื่อนบ้าน และปฏิบัติดีต่อเขาด้วยไมตรีจิต มีความรัก และความบริสุทธิ์ใจต่อกัน
มุสลิมทั่วไป
อัลลอฮ์ ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้ดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ โดยกำหนดให้มนุษย์ครองตนใช้ชีวิตอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เป็นสังคมโดยมิอาจโดดเดี่ยวลำพังตัวเองได้ เมื่อมนุษย์เป็นหนึ่งในองคาพยพของสังคมแล้ว จักต้องมีกติกาและกรอบในการใช้ชีวิตร่วมกัน เพื่อความเป็นระเบียบ ความสงบสุขสันติในสังคม เพราะหากไม่มีกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันแล้วแน่นอนแต่ละคนอาจกระทำการใด ๆ ตามความปรารถนาของตนเองที่ไปสู่การละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม และสร้างความเดือดร้อนในที่สุด ดังนั้นการอยู่ร่วมกันในสังคมของผู้คนนั้นจะต้องเคารพต่อกฎกติกาของสังคม มีความรักความสามัคคีต่อกันอันจะนำมาซึ่งความสุข ความสันติแผ่ปกคลุมสังคมอย่างแท้จริง
สรรพสิ่งทั่วไป
โดยการมอบความรักแผ่เมตตาต่อมวลสรรพสิ่งในโลก ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ตกทุกข์ได้ยาก รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีเมตตาต่อสัตว์ ซึ่งความเมตตาดังกล่าวในทัศนะของอิสลามนั้นย่อมส่งผลให้ผู้ที่มีความเมตตาต่อสรรพสัตว์ได้รับภาคผลจากพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย
พฤติกรรมที่ถือว่าขาดความรัก
1. ทำให้ผู้อื่นต้องประสบกับความเดือดร้อนด้วยคำพูดที่หยาบโลน หยาบกระด้างแข็งกร้าว
2. ความอิจฉาริษยา อันเป็นกิเลสซึ่งให้โทษทางจิตใจ ทำให้ความรักต้องมลายสิ้น ผู้อิจฉามักจะเป็นทุกข์เป็นร้อนอยู่ตลอดเวลา จิตใจไม่มีความสงบ อารมณ์จะอ่อนไหว ขาดความมั่นคง ทำลายศรัทธาในจิตใจ
3. ความโกรธ เป็นความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อความต้องการของตนเองไม่สมหวัง ความหักเหของอารมณ์จะอุบัติขึ้นกลายมาเป็นความโกรธ ความเกลียดชัง ไร้ซึ่งความรัก ความเมตตาสงสารต่อผู้คน ที่สำคัญที่สุดความโกรธจะทำลายบุคลิกภาพของเราเองและทำลายคุณธรรมต่าง ๆ ที่เราสะสมกักตุนไว้
4. ความมักมากในการพูดจา เพราะใครพูดมากย่อมผิดพลาดได้มาก และใครผิดพลาดมาก บาปของเขาก็จะมาก นรกย่อมคู่ควรกับเขาอย่างที่สุด ซึ่งผลจากความมักมากในการพูดจา จะส่งผลให้ขาดความเมตตา ความรัก ความปรารถนาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
5. ความยโสโอหัง จะเกิดขึ้นจากความสำคัญผิดคิดว่าตนมีอะไรดีกว่าคนอื่น เหนือกว่าบุคคลอื่นและจะดูถูกดูแคลนคนอื่นว่าต่ำต้อยด้อยกว่าตน เป็นการแสดงออกทางคำพูดและการกระทำเป็นต้น
บทสรุปแห่งความรัก
อันที่จริงการทำความดีด้วยการคิดดี ทำดี พูดดีมีมธุรสวาจา เป็นเหตุแห่งการเสริมสร้างสัมพันธภาพแห่งความรักให้มีอานุภาพ สร้างความปรารถนาดี ความเอื้ออารี มีไมตรีจิต เพื่อสร้างสังคมแห่งสันติสุขให้ปกคลุมโลกใบนี้ ทั้งนี้เพราะอิสลามนั้นมีหลักธรรมคำสอนที่มุ่งเน้นการสร้างความรัก ความปรารถนาดี เป็นวิถีที่หยั่งรากลึกสู่สังคมแห่งความน่าอยู่ควบคู่คุณธรรมค้ำจุนโลก โดยผ่านกระบวนการสามัคคี ความรักใคร่ให้เกียรติต่อกันด้วยความสุจริตใจเป็นสำคัญ
สำนักจุฬาราชมนตรี