สาเหตุของการติดยาเสพติด
พี่น้องมุสลิมที่เคารพรักทั้งหลาย
สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เยาวชนของเราต้องหันไปติดสิ่งเสพติดต่างๆ คือ เด็กมีปัญหาทางจิตใจกับครอบครัว กล่าวคือ ครอบครัวของเขาไม่มีความอบอุ่นเพียงพอที่จะให้เขารู้สึกประทับใจ และน่าอยู่ หากในครอบครัวมีแต่ความร้อนรุ่ม พ่อกับแม่ไม่สนใจเด็ก ปล่อยให้เด็กอยู่กันตามลำพัง ความรักความเมตตาจากอ้อมอกของแม่และของพ่อนั้นเด็กไม่เคยได้รับรู้รสเลย ตื่นเช้าพ่อแม่ออกไปทำงาน ลูกออกไปโรงเรียน ระหว่างลูกกับพ่อแม่ ไม่ได้ประสานงานกันในความเป็นอยู่ร่วมกัน
โดยธรรมชาติของเด็ก ต้องการความอบอุ่นจากพ่อแม่ ต้องการการแสดงออกซึ่งความรักของพ่อแม่ ต้องการการเอาอกเอาใจ ต้องการอวดความสามารถของตนให้พ่อแม่เห็น ต้องการความภาคภูมิใจและต้องการให้พ่อแม่ชมเชยตัวเอง แต่สิ่งเหล่านี้เขาไม่เคยได้รับเลย ในครอบครัวแห้งแล้งจากสิ่งเหล่านี้เหลือเกิน ก่อนลูกออกจากบ้านไปโรงเรียน แทนที่จะได้รับการโอบกอดจากแม่หรือพ่อ แกต้องออกจากบ้านไปด้วยความเหงาหงอย เพราะพ่อแม่ไม่สนใจ พ่อแม่มัวแต่จะสนใจตัวเองอย่างเดียว
ตลอดวันของแก ต้องออกไปเผชิญกับระเบียบอันเข้มข้นของโรงเรียน เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง และคร่ำเครียดกับการเรียน ในสภาพเช่นนี้ หากทางโรงเรียนมีความอบอุ่นเพียงพอ ก็พอจะชดเชยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เพราะบุคคลในโรงเรียนเด็กมีความรู้สึกว่าเป็นคนอื่น มิใช่พ่อแม่ของแก และถ้าทางโรงเรียนขาดความอบอุ่นด้วย แน่นอนเด็กคนนั้น ก็ต้องกระเจิงออกไปจากบ้านและโรงเรียนอย่างแน่นอน
บางครอบครัวพ่อแม่ลูกอาจจะได้พบกันบ่อยทุกวัน แต่การพบกันนั้น มิได้พบกันด้วยความอบอุ่น พ่อแม่พูดกับลูกเหมือนนายพูดกับบ่าว เจ้าระเบียบจนลูกรู้สึกเหมือนอยู่ในคุก คำพูดที่พูดกับลูก มีแต่ความดุดัน ด่าด้วยคำหยาบ ใช้งานลูกอย่างหนักเกินกำลังที่แกจะรับได้ พ่อแม่บึ้งตึงเข้าใส่ลูกตลอดเวลา บางครั้งพ่อแม่ทะเลาะกันให้ลูกเห็น ด่าว่าตบตีกันโดยเปิดเผย ในบางครั้งพ่อแม่ระบายอารมณ์โกรธที่มีต่อกันลงใส่ลูก ชีวิตของลูกที่เจริญวัยขึ้นมาด้วยสภาพอเนจอนาถดังกล่าวนั้นเป็นชีวิตที่เหมือนกับต้นไม้ที่ขาดน้ำและปุ๋ย เขาจะเจริญเติบโตอย่างแคระแกร็น ขาดความสมบูรณ์ทั้งทางจิตใจและร่างกาย
สภาพของเด็กที่พบปัญหาครอบครัวเช่นนั้น เขาจะเริ่มเบื่อบ้าน จิตใจของเขาร้อนรนอยากจะออกจากบ้าน วันๆ หนึ่งเขาจะต้องหลบออกไป เพื่อไม่พบเห็นสภาพอันแสนทรมานใจอย่างนั้น เขารู้สึกว่าพ่อแม่เกลียดชังเขา เขารู้สึกว่าเขาคือศัตรูของพ่อแม่ และเขาไม่ต้องการพบหน้าพ่อแม่ เพราะทุกครั้งที่พบ เขาไม่ได้ความเป็นพ่อแม่เลย เขาได้แต่ความเป็นนายทาส ความดุดัน ความเครียดขึง แน่นอนเมื่อเขาต้องออกไปจากบ้านจากครอบครัว เขาก็ต้องไปคบหากับเพื่อนฝูงวัยเดียวกัน ชีวิตของเขามีสภาพเหมือนเรือที่ขาดหางเสือ วัยเด็กเป็นวัยแห่งการทดลอง ต้องการพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ต้องการกลบเกลื่อนสภาพปัญหาที่ตนได้รับ ต้องการระบายความกลัดกลุ้ม ต้องการลบปมด้อยของตน และต้องการสิ่งชดเชย
ในสภาพเช่นนี้ ไม่ยากเลยที่แกจะเริ่มติดสิ่งเสพติด แกจะเริ่มด้วยบุหรี่เป็นปฐม ต่อจากนั้นจะเลื่อนขั้นมัธยมด้วยกัญชา และขึ้นอุดมศึกษาด้วยผงขาวเฮโรอีน ชีวิตที่ก้าวออกมาสู่ภายนอก ในสภาพกระเจิดกระเจิงและขวัญเสีย หาที่พึ่งไม่ได้ เขาจึงหันไปยึดติดสิ่งเสพติดเป็นที่พึ่ง และเป็นที่พักพิงทางจิตใจ เป็นชีวิตที่น่าสงสารเหลือเกิน
หน้าที่ของพวกเราโดยรีบด่วนที่สุด คือ ต้องปรับสภาพของครอบครัวให้เป็นครอบครัวแบบอิสลามจริงๆ นั่นคือ เป็นครอบครัวที่มีความอบอุ่น เต็มไปด้วยความรักความเมตตา ความปรารถนาดี การให้อภัย โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ จะต้องปฏิบัติตัวให้เหมือนกับที่ท่านนบี สอน นั่นคือ แม่ต้องใกล้ชิดกับลูก จะห่างเหินไม่ได้ ความใกล้ชิดของแม่ต่อลูกต้องมีให้มากกว่าความใกล้ชิดของพ่อที่มีต่อลูก เพราะพ่อต้องออกนอกบ้านไปทำงานหารายได้ ส่วนแม่ต้องดูแลบ้านดูแลอบรมลูกๆของตน มีฮะดิษหนึ่งระบุว่า
“ชายผู้หนึ่งถามท่ารอซูล ว่า ใครคือผู้ที่ฉันมีหน้าที่ต้องใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากที่สุด
ท่านนบี ตอบว่า แม่ของเธอ
ชายผู้นั้นถามอีกว่า ต่อไปเป็นใคร ท่านตอบว่า แม่ของเธอ
ชายผู้นั้นถามเป็นครั้งที่สาม ท่านก็ตอบว่า แม่ของเธอ
และชายคนนั้นถามต่อไป ท่านนบี จึงตอบว่า พ่อของเธอ”
ทั้งพ่อและแม่ จึงเป็นบุคคลที่ต้องให้โอกาสแก่ลูกเข้ามาสนิทสนมอย่างจริงใจ อย่าทำตัวเองเหินห่างกับลูก อย่าสร้างช่องว่างระหว่างลูกกับพ่อแม่ โดยคำสอนจากท่านนบี ดังที่ยกมาอ้างอิงแล้วนั้น ได้บ่งบอกอย่างชัดแจ้งถึงหน้าที่โดยตรงของลูก ที่จะต้องใกล้ชิดกับแม่และพ่อ และที่จริงธรรมชาติของลูกทุกคน ปรารถนาจะอยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่มาแต่ดั้งเดิมแล้ว เพียงแต่พ่อแม่บางรายไม่ยอมให้โอกาสแก่ลูก จึงทำให้ลูกต้องผิดหวัง และต้องกระโจนออกไปหาอ้อมอกของคนอื่น จนในที่สุดก็โผเข้าสู่อ้อมอกของสิ่งเสพติด
อัลกุรอานซูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 15 ระบุว่า
“และเจ้าจงใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านทั้งสองในโลกนี้ อย่างมีคุณธรรม”
ท่านทั้งหลาย ก่อนจะสายเกินแก้ ก่อนที่เยาวชนของเราจะตกไปเป็นเหยื่อของสิ่งเสพติด กลายเป็นขยะสังคม เป็นที่น่ารังเกียจเดียดฉันท์ ในฐานะที่เราเป็นผู้ปกครอง เป็นพ่อเป็นแม่ของลูก เราได้ทำตามที่อัลกุรอานบัญญัติไว้ครบสมบูรณ์แล้วหรือยัง เราตรวจสอบครอบครัวของเราบ้างหรือไม่ว่า เราได้ปกครองครอบครัวของเราด้วยระบอบการปกครองแบบอิสลาม นั่นคือ ระบบ “ซุฮบะฮฺ" คือ ใช้ระบบความสนิทสนมแบบเพื่อน มิใช่แบบนายทาส มิใช่แบบพ่อค้าที่แสวงหากำไรจากลูก มิใช่แบบเจ้าขุนมูลนาย ซึ่งจะก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างลูกกับพ่อแม่ห่างไกลกันเหลือเกิน
โปรดสร้างรอยยิ้มให้อบอวลภายในครอบครัวของเรา โปรดสร้างมิตรภาพอันบริสุทธิ์สะอาดภายในครอบครัวของเรา จงขจัดช่องว่างทั้งหลายให้ออกพ้นไปจากครอบครัวของเรา จงขจัดทิฐิมานะระหว่างกันที่เคยมีอยู่ให้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริง จงเลิกละความถือดีที่เคยมีต่อกัน เมื่อครอบครัวมีความอบอุ่นด้วยสิ่งดีงามดังที่กล่าวมานี้ เด็กของเราจะไม่เตลิดออกไปจากครอบครัว ไปสู่สังคมภายนอก
สังคมภายนอกในยุคปัจจุบันมีแต่ความชั่วช้าลามก มีอันตรายรออยู่สารพัด ภัยพิบัตินานัปการ ชัยตอนมันสร้างหลุมพรางดักไว้เต็มไปหมด ไม่ว่าจะหลบไปทางไหน จะต้องพบกับหลุมพรางของมัน หลุมพรางของชัยตอนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว ชัยตอนฉลาดพอที่จะสุมกุหลาบอันหอมหวานในหลุมพรางของมัน เพื่อคนจะได้เต็มใจเข้าไปติดกับของมัน เมื่อรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว
ที่มา: หนังสือคุตบะฮฺวันศุกร์ โดยสำนักจุฬาราชมนตรี (นายประเสริฐ มะหะหมัด)