ความดี สัจจะ ซื่อสัตย์
โดย ... อาจารย์ อิบรอฮีม และซัน
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ขอพวกท่านทั้งหลายจงพยายามตั้งมั่นอยู่ในความยำเกรง ตักวา ต่ออัลเลาะห์ กันให้มากๆ เถิด โดยพยายามประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่พระองค์ทรงใช้ ห่างไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม
ท่านพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย เดือนนี้เป็นเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ พวกเราทั้งหลายก็พยายามระบายความร้อนกันหลายรูปแบบ บางคนอาจจะไปท่องเที่ยวทัศนาจร ตากอากาศชายทะเล สวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจ ไปกับเพื่อนฝูงบ้าง ไปกับครอบครัวบ้าง เพื่อคลายร้อนหลังปิดเทอมของลูก ๆ บางคนก็ไม่อยากไป อยู่ห้องแอร์ เปิดแอร์ เปิดพัดลม นอนคลายร้อนอยู่กับบ้าน
ในโลกดุนยาใบนี้ เมื่อเราได้ประสบกับอากาศร้อน เราก็ยังหาโอกาสคลายร้อน พักผ่อนหย่อนใจดังที่กล่าวมา แต่ขอให้เรานึกถึงวันหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนจะไปรวมกันที่ทุ่งมะห์ชัร ในวันโลกหน้า ซึ่งจะต้องไปอยู่กันอย่างเบียดเสียดยัดเยียด เหยียบกันไป เหยียบกันมา จนกระทั่งเท้าข้างหนึ่งของคนบางคนถูกเหยียบเป็นพัน ๆ เท้า ซึ่งอยู่ในสถานที่โล่งแจ้ง ไม่มีแม้แต่ต้นไม้เพียงต้นเดียวที่จะอาศัยร่มเงาจากความร้อนของแสงอาทิตย์ ไม่มีสิ่งก่อสร้างใด ๆ ที่จะคอยกำบังความร้อน
ความร้อนจากการเบียดเสียด และความร้อนจากลมหายใจที่รวมกันของคนจำนวนมากมายมหาศาลที่เกิดมาใหม่ทั้งหมด ความร้อนจากแสงของดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงที่สุด ถึง ๗๐ เท่า ของความร้อนที่เคยเกิดในโลกดุนยา และดวงอาทิตย์ได้ขยับลงมาใกล้กับศีรษะของมนุษย์ในวันนั้น ทำให้มนุษย์เหงื่อแตกท่วมนองแผ่นดิน บางคนจมอยู่ในเหงื่อแค่ตาตุ่ม และบางคนท่วมถึงหน้าแข้ง บางคนท่วมถึงท้อง บางคนถึงหน้าอกถึงคอ หรือมิดหัวไปเลย และความตายจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขาต่อไปอีก ไม่ว่าเขาจะได้รับความลำบากทรมานอย่างไรก็ตาม ความลำบากจากความร้อนดังกล่าวจะไม่ประสบกับกลุ่มชนที่เขาได้สร้างคุณงามความดีไว้มากในโลกดุนยาใบนี้ เพราะพวกเขาได้อยู่ในร่มเงาแห่งความดีของพวกเขาในวันนั้น จึงไม่ทำให้พวกเขาเศร้าโศกแต่อย่างใด เช่น บรรดาผู้ที่เป็นนบี เป็นร่อซู้ล เป็นวาลี เป็นผู้ที่ตายชะฮีด และบรรดาคนซอและห์ที่เขามีความดีไว้มาก
ดังอัลเลาะห์ ได้กล่าวไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านว่า ในซูเราะห์อัลอัมบิยาอ์ الأنبياء อายะห์ที่ ๑๐๓
لاَيَحْزُنُهُمُ اْلفَزَعُ اْلأَكْبَرُ وَتَتَلَقَّاهُمُ اْلمــَلاَئِكَةُ هَذَا يَوْمُكُمُ الَّذِيْ كُنْتُمْ تُوْعَدُوْنَ
“ความวิกฤติอันใหญ่หลวง (ของวันกิยามะห์) ไม่ทำความโศกเศร้าแด่พวกเขาเลย และมวลมลาอิกะห์ต่างก็ต้อนรับพวกเขา
(ด้วยความยินดีและกล่าวกับพวกเขาว่า) นี่คือวันของพวกท่าน ตามที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้ (จากอัลเลาะห์)”
ท่านพี่น้องที่เคารพ ขอให้พวกเราสร้างคุณงามความดีสะสมกันไว้ให้มาก ๆ เถิด เพื่อเราจะได้รับพระเมตตาจากอัลเลาะห์ ในวันนั้น และขอเราจงเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ว่าทั้งในการพูดและการกระทำ หรือแม้แต่การนึกคิด มุสลิมต้องเป็นคนที่พูดจริง ทำจริง ไม่โกหกหลอกลวง และไม่บิดพริ้วสัญญา เป็นคนที่น่าเชื่อถือ และน่าคบค้าสมาคมในสายตาของผู้คนทั่วไป
ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นหลักคุณธรรมสำคัญอันหนึ่งของอิสลาม เรียกร้องผ่านทางคำสอนจากอัลกุรอ่าน และอัลฮาดิษ ตลอดจนแบบอย่างอันงดงามจากสลัฟซอและห์ และในส่วนของอัลกุรอ่านนั้น อัลเลาะห์ได้ตรัสไว้ในซูเราะห์ อัลมาอิดะห์ المائدة อายะห์ที่ ๑๑๙
قَالَ اللهُ تَعَالَى يَوْمَ يَنْفَعُ الصَّادِقِيْنَ صِدْقُهُمْ لَهُمْ جَنَّاتٌ تَجْرِيْ مِنْ تَحْتِهَا اْلأَنْهَارُ خَالِدِيْنَ فِيْهَا أَبَدًا رَضِيَ اللهُ عَنْهُمْ وَرَضُوْا عَنْهُ ذَلِكَ اْلفَوْزُ اْلعَظِيْمُ
“อัลเลาะห์ทรงตรัสว่า นี่คือวันที่จะอำนวยประโยชน์แก่บรรดาผู้มีสัจจะ อันเนื่องมาจากการมีสัจจะของพวกเขา
สำหรับพวกเขานั้นคือบรรดาสวนสวรรค์อันมีแม่น้ำหลายสาย ไหลอยู่เบื้องล่าง โดยที่จะอยู่ในสวรรค์เหล่านั้นตลอดไป
ในสภาพที่อัลเลาะห์ทรงพอพระทัยในพวกเขา พวกเขาก็พอพระทัยในพระองค์ นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่”
ในอัลกุรอ่านบทนี้ อัลเลาะห์ทรงชื่นชมต่อผู้มีความซื่อสัตย์ และยืนยันว่า ความซื่อสัตย์สุจริตจะอำนวยแก่พวกเขาในวันอาคิเราะห์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ในดุนยา และสวรรค์คือรางวัลตอบแทนของพวกเขา แต่เหนือสิ่งใด คือการที่พวกเขาได้รับความพอพระทัยจากพระองค์
ในส่วนของอัลฮาดิษพบว่า ท่านร่อซู้ล เป็นแบบอย่างแท้จริงจนกระทั่งได้สมญานามว่า อัลอะมีน คือผู้ที่ซื่อสัตย์ ได้รับความไว้วางใจ และแม้แต่ชาวมักกะห์ที่เคยเป็นศัตรูกับท่าน เขาเหล่านั้นได้นำสิ่งของไปฝากกับท่าน เนื่องจากความไว้เนื้อเชื่อใจท่าน และท่านร่อซู้ล ได้กล่าวไว้ในฮะดิษบทหนึ่งว่า
عَلَيْكُمْ بِالصِّدْقِ فَإِنَّ الصِّدْقَ يَهْدِيْ إِلَى اْلبِرِّ وَإِنَّ اْلبِرَّ يَهْدِيْ إِلَى اْلجَنَّةِ وَإِيَّاكُمْ وَاْلكَذِبَ فَإِنَّ اْلكَذِبَ يَهْدِيْ إِلَى اْلفُجُوْرِ وَإِنَّ اْلفُجُوْرَ يَهْدِيْ إِلَى النَّارِ
“ท่านทั้งหลายจงมีสัจจะ เพราะการมีสัจจะจะนำไปสู่ความดี และความดีก็จะนำไปสู่สวรรค์
และท่านทั้งหลายพึงระวังการโกหกมดเท็จ เพราะการโกหกมดเท็จจะนำไปสู่ความชั่ว และความชั่วจะนำไปสู่นรก”
(รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม)
ท่านพี่น้องที่เคารพ ความซื่อสัตย์ตามหลักคำสอนอิสลามนั้น แบ่งออกเป็น ๔ ประการ ดังนี้
๑. اَلصِّدْقُ مَعَ الرَّبِّ ความซื่อสัตย์ต่ออัลเลาะห์ หมายถึง ความศรัทธาเชื่อมั่นในอัลเลาะห์ และปฏิบัติตามพระองค์อย่างบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์เพียงองค์เดียว ไม่ว่าจะในที่ลับหรือที่เปิดเผย เป็นความซื่อสัตย์ที่สำคัญยิ่ง
๒. اَلصِّدْقُ مَعَ النَّفْسِ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง คือมีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่ทำให้ตนเองตกเป็นทาสของอารมณ์ใฝ่ต่ำ หรือความละโมบ ในลาภ ยศ หรือการสรรเสริญเยินยอจากผู้คน ตลอดจนประมาณตนเองว่าอยู่ในสถานะใด ควรดูแลตนเองอย่างไร
๓. اَلصِّدْقُ مَعَ النَّاسِ ซื่อสัตย์ต่อสังคมมนุษย์ คือสังคมรอบ ๆ ข้าง เริ่มตั้งแต่บุคคลในครอบครัว เพื่อนบ้าน ญาติสนิท และเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
๔. اَلصِّدْقُ مَعَ اْلبِيْئَةِ ซื่อสัตย์ต่อสิ่งแวดล้อม คือดูแลสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัวเอง ให้อยู่ในสภาพที่ดีงาม ไม่ทำให้เสื่อมเสีย และไม่เป็นอันตรายต่อสังคมโดยรวม
พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย ท่านทั้งหลายทราบหรือไม่ว่า ความซื่อสัตย์สุจริตนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อิสลามแพร่หลายไปยังส่วนต่าง ๆ ของโลก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากผู้คนทั้งหลายให้ความเคารพ เชื่อถือ ต่อบรรดาพ่อค้าวาณิชที่เป็นมุสลิมในอดีต ที่ได้อพยพมาตั้งรกรากในประเทศแถบนี้ จนกระทั่งพวกเขาเป็นที่รักใคร่ และมีผู้เลื่อมใสศรัทธา ในศาสนาอิสลาม ที่เขาได้นำมาเผยแพร่กันอย่างมากมายจนเกิดเป็นประชากรมุสลิมขึ้นในแถบเอเชียของเราจนถึงปัจจุบัน
สุดท้ายนี้ขออัลเลาะห์ ทรงให้พวกเราได้เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต เหมือนกับเหล่า اَلصَّادِقِيْنَ (พวกผู้มีสัจจะ) ที่พระองค์ได้ทรงชื่นชมพวกเขา และมีความพอพระทัยต่อพวกเขาด้วยเถิด
คุตบะห์วันศุกร์ ณ มัสยิดท่าอิฐ