การบริโภคแต่พอดี
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญและศานติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆสำ หรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์
มีรายงานหะดีษจากท่านอัล-มิกดาม บิน มะอฺดีย์ กะริบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ฉันได้ยินท่านเราะสูล กล่าวว่า:
"ไม่มีภาชนะใดที่มนุษย์จะเติมเต็มสิ่งไม่ดีลงไปได้มากไปกว่าท้องของเขา
เป็นการเพียงพอสำหรับลูกหลานอาดัมแล้วที่เขาจะบริโภคอาหารแต่น้อยให้พอพยุงร่างกายได้ แต่ถ้าหากว่าจำเป็นต้องบริโภคมากกว่านั้น
ก็ให้ แบ่งหนึ่งส่วนสามสำหรับอาหาร หนึ่งส่วนสามสำหรับเครื่องดื่ม และอีกหนึ่งส่วนสาม สำหรับลมหายใจ"
(บันทึกโดย อัต-ติรมิซีย์ ในหนังสือสุนันของ ท่าน หมายเลขหะดีษ 2380)
ท่านอิบนุเราะญับ กล่าวว่า:
“หะดีษบทนี้ถือเป็นแม่บทของหลักวิชาการแพทย์ทั้งหมด และมีบันทึกไว้ว่า เมื่ออิบนุ มาสะวัยฮฺผู้เป็นแพทย์ได้อ่านหะดีษบทนี้ในหนังสือของอบู ค็อยษะมะฮฺ เขากล่าวว่า: หากว่าผู้คนปฏิบัติตามคำพูดประโยคนี้ พวกเขาจะปลอดภัยจากโรคร้ายและความเจ็บป่วยต่างๆ และร้านขายยาจะเงียบเหงาอย่างแน่นอน ”
(ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม หน้า 503)
เหตุเพราะพื้นฐานสำคัญของทุกโรคคือการบริโภคอาหารที่มากเกินจำเป็น อัล-หาริษ บิน กัลดะฮฺ แพทย์ชาวอาหรับกล่าวว่า:
"การควบคุมอาหารถือเป็นหัวใจหลักของการรักษา ส่วนการบริโภคอย่างเกินพอดีนั้นก็เป็นสาเหตุหลักของโรคภัยไข้เจ็บ ”
อัล-เฆาะซาลีย์ กล่าวว่า:
"มีผู้เล่าหะดีษบทนี้ให้นักปรัชญาบางคนฟัง แล้วเขากล่าวว่า: ฉันไม่เคยได้ยินคำพูดใดในเรื่องการส่งเสริมให้บริโภคแต่น้อย ที่รวบรัดครอบคลุมได้มากเท่านี้เลย"
(ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม หน้า 503 และฟัตหุลบารีย์ เล่ม 9 หน้า 528)
หะดีษบทนี้ครอบคลุมประโยชน์มากมาย:
ประการแรก
การบริโภคอาหารแต่น้อยมีประโยชน์มากมาย เช่น ทำให้หัวใจอ่อนโยน เข้าใจอะไรง่าย ลดความต้องการที่ไม่ดีของจิตใจ และลดความโกรธ ส่วนการบริโภคมากแน่นอนว่าจะทำให้เกิดผลที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่กล่าวมา อัล-มะรูซีย์ เล่าว่า อบูอับดิลลาฮฺ (หมายถึง อิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล) ได้ให้ความสำคัญกับความหิวและความยากจน
ฉันจึงถามท่านว่า: "คนเราจะได้รับผลบุญจากการละทิ้งอารมณ์ใคร่ของเขาด้วยหรือ?"
ท่านตอบว่า: "จะไม่ได้รับผลบุญได้อย่างไรเล่า ในเมื่อท่านอิบนุอุมัร กล่าวว่า: ฉันไม่เคยกินอิ่มเลยตั้งแต่สี่เดือนที่แล้ว ”
ฉันถามอบูอับดิลลาฮฺอีกว่า: "แล้วคนเราจะสัมผัสกับความอ่อนโยนของหัวใจขณะที่ท้องอิ่มได้ไหม"
ท่านตอบว่า: "ฉันไม่คิดเช่นนั้น
ท่านอัช-ชาฟิอีย์ กล่าวว่า: ความอิ่มทำให้ร่างกายหนัก ความฉลาดจะหมดไป ความง่วงจะเข้ามาและทำให้ผู้นั้นหมดแรงทำการเคารพภัคดีต่ออัลลอฮฺ ”
(ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม หน้า 504-506)
ประการที่สอง
การบริโภคอาหารมากเป็นการนำมาซึ่งโรคต่างๆ สู่ร่างกาย อิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า:
โรคภัยไข้เจ็บมีสองประเภท ประเภทแรกคือการเจ็บป่วยทางร่างกาย ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายสะสมสิ่งต่างๆมากจนเกินไป จนส่งผลเสียต่อระบบกลไกตามธรรมชาติของมัน การเจ็บป่วยส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ สาเหตุหลักคือการนำอาหารเข้าสู่ร่างกายก่อนที่อาหารซึ่งบริโภคก่อนหน้านั้นจะย่อยและการทานอาหารเกินกว่าความต้องการของร่างกาย หรือทานอาหารที่มีคุณประโยชน์น้อยทั้งยังย่อยยาก หรืออาหารที่ผ่านการปรุงแต่งด้วยส่วนประกอบอันหลากหลาย เมื่อมนุษย์บริโภคและเคยชินกับอาหารเหล่านี้ จะเป็นผลให้เกิดโรคต่างๆมากมาย เช่น ท้องผูกท้องอืด หรือท้องเสีย แต่ถ้าบริโภคอาหารอย่างพอดี พออิ่ม ทั้งเรื่องปริมาณและวิธีการ ก็จะเกิดประโยชน์กับร่างกายมากกว่าการบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป
อิบนุ อัร-รูมีย์ กล่าวว่า:
"โรคภัยส่วนใหญ่ที่ท่านเห็น เปลี่ยนแปรเป็นจากอาหารหรือเครื่องดื่ม"
อัช-ชาฟิอีย์ กล่าวว่า:
"สามสิ่งที่ทำลายสรรพสิ่ง และนำพาผู้มีร่างกายแข็งแรงสู่โรคภัย คือ การดื่มสุราเมรัย การหมกมุ่นในกามารมณ์ และการบริโภคอาหารมากเกินจำเป็น"
ประการที่สาม
ท่านนบี กล่าวว่าอาหารไม่กี่คำก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่อ่อนแรงขาดสารอาหาร ถ้าหากประสงค์จะบริโภคมากกว่านั้น ก็ให้บริโภคในปริมาณหนึ่งส่วนสามของท้อง อีกหนึ่งส่วนเก็บไว้สำหรับน้ำ และส่วนสุดท้ายสำหรับลมหายใจ ดังกล่าวนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับร่างกายและหัวใจ
ทั้งนี้ เพราะถ้าหากท้องเต็มไปด้วยอาหาร ก็จะไปเบียดเบียนพื้นที่ของเครื่องดื่ม เมื่อดื่มน้ำตามไปก็จะไปเบียดพื้นที่ของลมหายใจ ทำให้รู้สึกอึดอัดและเหนื่อย ราวกับว่ากำลังแบกรับสิ่งที่หนักหน่วงเอาไว้ ดังกล่าวนี้จะทำให้เกิดผลเสียกับหัวใจ ร่างกายจะเกียจคร้านต่อการประกอบคุณความดี และหมกมุ่นในอารมณ์ใฝ่ต่ำที่มักจะมาพร้อมกับความอิ่ม"
(อัฏฏิบอันนะบะวีย์ หน้า 105)
จะสังเกตเห็นว่า ในเดือนรอมฎอนหากผู้ใดบริโภคอาหารมากในช่วงละศีลอด การละหมาดอีชาอ์และตะรอวีหฺจะเป็นเรื่องหนักมากสำหรับเขา
ประการที่สี่
ส่งเสริมให้บริโภคแต่น้อย มีรายงานจากท่านอบีมูซา เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี กล่าวว่า:
"ผู้ศรัทธาบริโภคอาหารหนึ่งกระเพาะ ส่วนผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นบริโภคอาหารเจ็ดกระเพาะ"
(บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺหมายเลขหะดีษ 5393 และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2062)
ความหมายคือ ผู้ศรัทธาจะบริโภคตามแนวทางที่ศาสนาบัญญัติ เขาจึงบริโภคปริมาณเพียงหนึ่งกระเพาะ ส่วนผู้ปฏิเสธศรัทธาบริโภคตามอารมณ์ ตามความต้องการของเขาเขาจึงบริโภคในปริมาณถึงเจ็ดกระเพาะ
สิ่งที่ท่านนบี ชอบให้กระทำคือการบริโภคแต่น้อย และลดละจากอาหารบางประเภทรวมไปถึงการบริจาคบางส่วนด้วย ท่านญาบิรฺ บิน อับดิลลาฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี กล่าวว่า:
"อาหารสำหรับหนึ่งคนเพียงพอสำหรับสองคน อาหารสำหรับสองคนเพียงพอสำหรับสี่คน และอาหารสำหรับสี่คนเพียงพอสำหรับแปดคน"
(บันทึกโดย อัล-บุคอรียฺ หมายเลขหะดีษ 5393 และมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2059)
ประการที่ห้า
ดังที่ท่านนบี ส่งเสริมให้บริโภคอาหารแต่น้อยนั้น โดยปกติท่านและบรรดาสหายของท่านเองก็ปฏิบัติเช่นนั้น แม้จะเป็นเพราะขาดแคลนอาหารก็ตาม เพราะอัลลอฮฺทรงเลือกแต่สภาพที่สมบูรณ์ และประเสริฐที่สุดสำหรับศาสนทูตของพระองค์
ท่านอิบนุอุมัรฺเราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า: ชายคนหนึ่งเรอขณะที่เขาอยู่กับ ท่านนบี ท่านจึงกล่าวว่า:
"จงเก็บซ่อนการเรอของท่านให้ห่างจากพวกเรา ผู้ที่อิ่มที่สุดในดุนยานั้น คือผู้ที่หิวโหยยาวนานที่สุดในวันกิยามะฮฺ"
(บันทึกโดยอัต-ติรมีซีย์ หมายเลขหะดีษ 2478)
ประการที่หก
หะดีษบทนี้ส่งเสริมให้มีความพอดีและไม่ฟุ่มเฟือย อัลลอฮฺตรัสว่า
"ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงยึดไว้ซึ่งเครื่องประดับกายของพวกเจ้า ณ ทุกมัสยิด
และจงกินและจงดื่ม และจงอย่าฟุ่มเฟือยแท้จริงพระองค์ไม่ชอบบรรดาผู้ฟุ่มเฟือย"
(อัล-อะอฺรอฟ: 31)
ประการที่เจ็ด
หะดีษบทนี้กล่าวถึงการฝึกฝนตนเอง ให้มีความเคยชินกับการอดทน อดกลั้น และต่อสู้กับจิตใจที่มีความปรารถนา ด้วยเหตุนี้จึงเรียกเดือนเราะมะฎอนว่าเป็นเดือนแห่งความอดทน
แปลโดย : อัฟนาน เพ็ชรทองคำ / Islamhouse