จุดยืนต่อการตำหนิบรรดาเศาะฮาบะฮฺ
แปลและเรียบเรียง อับดุลวาเอด สุคนธา
อิหม่ามนะวะวี กล่าวว่า
“จงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงแล้วการด่าทอและการตำหนิบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี เป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นสิ่งที่ไม่ดี นับได้ว่าการกระทำดังกล่าวสร้างความวุ่นวายและความแตกแยกในสังคมมุสลิมเป็นอย่างมาก”
อิบนุตัยมียะฮฺ ชัยคุยอิสลาม กล่าวว่า
“เหตุใดท่านนบี จึงห้ามด่าทอบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่าน”
จากฮะดีษที่ท่านนบี กล่าวเอาไว้ว่า
“ใครก็ตามที่เขาบริจาคทองคำเท่ากับภูเขาอุฮุด มันก็ไม่เท่ากับที่บรรดาเศาะฮาบะฮฺบริจาคแค่เพียงหนึ่งมุดหรือครึ่งหนึ่งทองคำ”
ฮะดีษนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและความประเสริฐของเหล่าบรรดาเศาะฮาบะฮฺในความเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขามีต่ออิสลาม พวกเขาต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจต่อสู้ออกศึกสงครามเพื่อให้ได้มาซึ่งศาสนาอิสลาม ปกป้องศาสนาอิสลามเอาไว้ให้เกรียงไกร และเชิดชูกะลามุ้ลลอฮฺให้สูงส่ง
ท่านนบี ได้กล่าวตักเตือนไว้ในคำสั่งเสียของท่านว่า :
"สูเจ้าจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺ และเชื่อฟังแล้วปฏิบัติตามผู้นำแม้ว่าเขานั้นจะเป็น(ชาวฮะบะชี)คนผิวดำก็ตาม
ใครก็ตามที่เขามีชีวิตอยู่หลังจากฉัน เขาจะได้เห็นความขัดแย้งอย่างมากมาย
ดังนั้นสูเจ้าจงยึดแนวทางของฉัน(ซุนนะฮฺ) และแนวทางของบรรดาเคาะลีฟะฮฺของฉัน และผู้ที่ได้รับทางนำ จงยึดมั่นด้วยกับฟันกราม "
(โดยอบูดาวูดและติรมิซี)
โปรดคิดและทบทวนถึงความดีงามและความประเสริฐของเหล่าบรรดาเศาะฮาบะฮฺผู้เจริญรอยตามท่านนบี เถิดว่าพวกเขาเหล่านั้นได้สร้างเกียรติยศและความภาคภูมิใจให้กับศาสนาอิสลามเป็นอย่างมาก ดังนั้นสมควรแล้วหรือที่ปล่อยให้มีผู้ด่าทอและตำหนิพวกเขา ซึ่งพวกเขาเป็นที่รักยิ่ง ณ อัลลอฮฺและร่อซูล
อิหม่ามมาลิก กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่ด่าทอและตำหนิคนหนึ่งคนใดจากบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ท่านอบูบักร ท่าอุมัร ท่านอุสมาน ท่านอาลี ท่านมุอาวียะฮฺ ท่านหญิงอาอีชะฮฺ ท่านฮัมรฺอิบนุอาส (ขอพระองค์ทรงพอพระทัยแก่พวกเขาด้วย)แน่นอนพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ที่หลงทางและตกเป็นผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาสมควรที่จะถูกฆ่า”
อิบนุอุมัร กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่ด่าทอและตำหนิบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี ชั่วโมงหนึ่งนั้นชั่วยิ่งกว่าการงานที่เขานั้นประกอบมาตลอดชีวิตของเขา”
ซัยคุลอิสลาม กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่ด่าทอและตำหนิบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี เขาผู้นั้นตกเป็นกาเฟร”
เชคมูฮัมหมัดบินวะฮาบ กล่าวว่า
“ใครที่ด่าทอและตำหนิบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี ถือว่าเขาผู้นั้นฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺอีกทั้งยังปฏิเสธอัลกรุอานและอัลฮะดีษอีกด้วย”
อิหม่ามอะหฺมัด กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่จะกล่าวถึงบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี จงกล่าวในสิ่งที่ดี และจงระวังที่จะกล่าวในสิ่งที่ไม่ดี ใครก็ตามที่ด่าทอบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี ก็จำเป็นแก่ผู้ปกครองที่จะต้องลงโทษจากการกระทำดังกล่าว จนกว่าเขาจะกลับเนื้อกลับตัวและยอมรับผิด”
บะชีรอิบนุฮาริส กล่าวว่า
“ใครก็ตามที่ด่าทอบรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านนบี เขาตกเป็นกาเฟรผู้ปฎิเสธศรัทธา แม้ว่าเขาจะละหมาด ถือศีลอดและอ้างตัวเองว่าเป็นมุสลิมก็ตาม”
อบูตอลิบถามอีหม่ามอะหฺมัด ถึงคนที่ด่าท่านอุสมาน อีหม่ามอะหฺมัดบอกว่า
“ใครก็ตามที่พูดแบบนี้แสดงว่าเขาเป็นกลุ่มชนของ زندقه แล้วยังเป็นกลุ่มชนที่หลงทาง”
เอาชาฮี กล่าวว่า
“ใครที่ด่าทอและตำหนิท่านอบูบักร แน่นอนเขาผู้นั้นได้(ตกมุรตัด)ออกนอกศาสนา และเลือดของเขาถือเป็นที่อนุมัติแล้ว”
แท้จริงแล้วการด่าทอและการตำหนิบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ตลอดจนบรรดาเครือญาติของท่านนบี นั้นถือได้ว่ามีโทษอย่างมหันต์ และเขาผู้นั้นถือได้ว่าเป็นผู้ปฏิเสธต่อคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺและไม่ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านร่อซูล และยังให้ร้ายอิสลามถึงประชาชาติที่ไม่ดี ฉะนั้นแล้วการด่าทอและการตำหนิบรรดาเศาะฮาบะฮฺก็หมายความว่าเขาผู้นั้นได้ด่าและตำหนิศาสนาอิสลามด้วยเช่นกัน