เยาวชนหนุ่มสาว ในยุคสมัยของท่านนบี
อะลีย์ บิน อบี ฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
มุหัมมัด อาดิล ฟาริส
ท่านอะลีย์ เริ่มเข้ามาอยู่ในการดูแลของท่านนบี เมื่ออายุได้ 6 ขวบ ได้เรียนรู้มารยาทต่างๆ อันสูงส่งกับท่านนบี ในขณะที่วะห์ยูลงมาครั้งแรกท่านมีอายุได้ 10 ขวบ และเป็นคนแรกๆ ที่รับศรัทธา ในวัยเด็กท่านไม่เคยผ่านเรื่องเหลวไหลไร้สาระ นับประสาอะไรกับการเคารพรูปเจว็ด .. อัลลอฮฺได้ทรงเลือกให้ท่านได้ใกล้ชิดเป็นสหายของท่านนบี บนหลักเอกภาพแห่งเตาฮีด ความบริสุทธิ์ และความสูงส่ง
ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของอิสลาม ท่านอะลีย์ได้คอยเป็นเพื่อนของท่านนบี เพื่อหลบไปยังซอกเขาต่างๆ ในมักกะฮฺเพื่อละหมาดร่วมกัน ให้ห่างจากสายตาของพวกกุร็อยชฺ
ท่านจะรู้เรื่องราวอันเป็นรายละเอียดของชีวิตท่านนบี อย่างดี จึงรักและชื่นชมถูกใจท่านนบี มาก อัลลอฮฺทรงประทานให้ท่านมีหัวใจที่สะอาด ปัญญาที่กว้างขวาง ความจำที่ดีเยี่ยม และความฉลาดหลักแหลมที่เปี่ยมด้วยไหวพริบ
ท่านเป็นคนที่คุ้นกับความสมถะและชีวิตเรียบง่าย แม้กระทั่งหลังจากที่ได้แต่งงานกับฟาฏิมะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา แล้วก็ตาม นางเคยร้องเรียนถึงร่องรอยความเหนื่อยยากของการที่ต้องบดแป้งเอง และเมื่อมีข่าวว่าท่านนบี ได้รับทาสมาคนหนึ่ง นางก็เลยไปขอทาสนั้นเพื่อให้มาเป็นคนรับใช้ แต่ท่านนบี ก็กลับมาหาอะลีย์และฟาฏิมะฮฺพร้อมกับกล่าวกับทั้งสองว่า
“จะให้ฉันบอกพวกเจ้าถึงสิ่งที่ดีกว่าเรื่องที่เจ้าสองคนขอจากฉันไหม ? เมื่อใดที่เจ้าสองคนจะเข้านอนให้กล่าว
ตักบีรฺ (อัลลอฮุอักบัรฺ) 34 ครั้ง กล่าวตัสบีหฺ (สุบหานัลลอฮฺ) 33 ครั้ง และกล่าวตะหฺมีด (อัลหัมดุลิลลาฮฺ) 33 ครั้ง”
(บันทึกโดยอะห์มัด, อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)
ในสงครามค็อยบัรฺ ท่านนบี ได้กล่าวประกาศว่า
“ฉันจะมอบธงนี้ให้กับชายคนหนึ่งที่รักอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์”
และท่านก็มอบธงนั้นให้กับท่านอะลีย์ และอัลลอฮฺก็ทรงทำให้ท่านประสบความสำเร็จในการพิชิตค็อยบัรฺ
(บันทึกโดย อะห์มัด, มุสลิม และอัต-ติรมิซีย์)
ก่อนหน้านั้น ในเหตุการณ์ฮิจญ์เราะฮฺหรือการอพยพของท่านนบี ผู้เสียสละที่ยอมนอนบนเตียงของท่านนบี แทนตัวท่านก็คืออะลีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ 23 ปี ท่านยอมที่จะเสี่ยงตัวเองต่อการถูกฆ่าและความโกรธแค้นของพวกกุร็อยชฺ อัลลอฮฺจึงได้ทรงตอบแทนให้เกียรติท่านหลังจากนั้นโดยทรงให้ท่านได้คู่เคียงกับฟาฏิมะฮฺบนเตียงนอนด้วยการแต่งงานกับนาง
ในสงครามบะดัรฺ ท่านเป็นหนึ่งในสามคนที่ออกมาประลองการต่อสู้กับพวกศัตรู ซึ่งตัวแทนของกองทัพมุสลิมนั้นประกอบด้วย อะลีย์, หัมซะฮฺ อาของท่านอะลีย์ และ อุบัยดะฮฺ บิน อัล-หาริษ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านอะลีย์เอง และท่านอะลีย์ก็สามารถปลิดชีวิตคู่ต่อสู้ของท่านลงได้ นั่นคือ ชัยบะฮฺ บิน เราะบีอะฮฺ
ในสงครามค็อนดัก ท่านได้ประลองกับอัมรฺ บิน วัดด์ อัล-อามิรีย์ ซึ่งเป็นทหารเอกร่างใหญ่ในกองทหารศัตรู และท่านก็ปลิดชีวิตเขาลงได้ อัมรฺผู้นี้เคยร่วมสงครามบัดรฺและเคยสาบานว่าจะไม่ทาน้ำมันที่เส้นผมตัวเอง(หมายถึงจะไม่ยอมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสำราญ)จนกว่าจะได้ฆ่ามุหัมมัด !!!
ท่านอะลีย์ได้ร่วมเคียงบ่าเคียงไหลบรรดาเคาะลีฟะฮฺทั้งสามท่าน คือ อบู บักรฺ, อุมัรฺ และอุษมาน ในยุคสมัยการปกครองของทั้งสาม ท่านเป็นทั้งที่ปรึกษา เสนาบดี และผู้ช่วยที่คอยสนับสนุนค้ำจุนงานของเคาะลีฟะฮฺ
ท่านอุมัรฺ เคยกล่าวว่า “ถ้าไม่มีอะลีย์ อุมัรฺย่อมต้องล้มแน่แล้ว” !
ท่านอะลีย์เป็นผู้ที่รู้กันว่ามีความฉลาดหลักแหลมอย่างพิเศษโดยเฉพาะในเรื่องการพิพากษา(เกาะฎออ์) ท่านเป็นคนที่วาทะฉะฉานหาคนเทียบยาก เป็นคนที่สามารถใช้สำนวนภาษาสูงส่ง ชำนาญในการปราศรัยที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวหาที่เปรียบไม่ได้ และยังมีความกล้าหาญชาญชัยจนเป็นที่ร่ำลือ
ท่านรอซูล ได้มอบหมายแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้พิพากษาประจำเมืองเยเมน ท่านเป็นคนที่มีนิสัยสมถะ ใจบุญ เอื้ออารี และสำนึกในบุญคุณของพระองค์อัลลอฮฺ ท่านเสียชีวิตโดยถูกฆ่าด้วยน้ำมือฆาตกรที่ชื่อ อับดุรเราะห์มาน บิน มุลญัม ในเมืองกูฟะฮฺ
แปลโดย : ซุฟอัม อุษมาน / Islamhouse