การเป็นต้นแบบที่ดีงามของท่านนบี
โดย : ฟะฎีละตุชเชค มุฮัมมัด บินซอและห์ อัลหุษัยมีน
สำหรับมุสลิมทั้งหญิงชายนั้น มีแบบอย่างที่สวยงามจากท่านร่อซูลุลอฮฺ ซึ่งท่านเป็นผู้ที่มีคุณธรรม มีจรรยามารยาทที่งดงาม อัลลอฮฺ ทรงกล่าวถึงท่านในการเป็นผู้ที่มีจรรยามารยาทไว้ในซูเราะฮฺ อัลกอลัม อายะฮ์ที่ 4 ความว่า
“และแท้จริงเจ้านั้นอยู่บนคุณธรรมอันยิ่งใหญ่”
ซึ่งในภาวะวิกฤตและสงครามต่างๆ ที่เกิดขึ้นในยุคของท่านร่อซูล เป็นเครื่องบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า ท่านมีคุณธรรม และจรรยามารยาทที่ดีงาม ยิ่งไปกว่านั้น ท่านร่อซูล ยังมีจรรยามารยาทกับเด็กๆ ซึ่งท่านเคยได้แสดงความเมตตา และเล่นกับเด็ก
ครั้งหนึ่งท่านได้พูดกับเด็กน้อยว่า “โอ้เจ้าอุมัยรฺ นุเฆร มันทำอะไรให้”
อะบูอุมัยรฺ เป็นชื่อเล่นของเด็กเล็กคนหนึ่ง ซึ่งเด็กคนนั้น “นุเฆร” เป็นนกน้อยตัวหนึ่งลักษณะคล้ายนกกระจอก และนุเฆรตายเด็กน้อยก็เศร้าเสียใจมาก ดังนั้นท่านร่อซูล ได้แสดงความสงสารเด็กคนนั้นออกมา
ครั้งหนึ่ง มีอาหรับจากชนบท ทำการปัสสาวะในมัสยิด ผู้คนทั้งหลายได้ทำการห้ามขัดขวางเขาด้วยวิธีการรุนแรง ท่านนบี ได้ยับยั้งพวกเขาไว้ เมื่อชายผู้นั้นปัสสาวะเสร็จ ท่านนบี ได้ให้เอาน้ำมาถังหนึ่งราดลงบนปัสสาวะ หลังจากนั้น ท่านได้เรียกอาหรับชาวชนบทคนนั้นเข้ามาหา แล้วกล่าวแก่เขาว่า
“แท้จริงมัสยิดเหล่านี้ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้มีอันตราย หรือสิ่งสกปรกใด แท้จริงแล้วมัสยิดเป็นสถานที่เพื่ออำนวยการละหมาดและอ่านอัลกุรอาน”
ในเรื่องนี้ จะเห็นได้ชัดเจน ถึงการมีคุณธรรมจรรยามารยาทที่ดีของท่านนบี เพราะท่านมิได้ดุด่าอาหรับคนนั้น หรือใช้ให้ลงโทษตี แต่คอยจนกระทั่งเขาปัสสาวะเสร็จแล้ว จึงได้บอกให้ทราบว่าบรรดามัสยิดจะทำสกปรกเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด เพราะเป็นสถานที่เพื่อทำการละหมาด และทำการซิกรุลลอฮฺ ตลอดจน การอ่านอัลกุรอาน
มีชายคนหนึ่งมาหาร่อซุล ในเดือนรอมฎอนแล้วกล่าวว่า “โอ้ท่านร่อซูลุลอฮฺ ฉันแย่แล้ว”
ท่านร่อซูล ถามเขาว่า “อะไรทำให้ท่านแย่หรือ”
ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ฉันได้ร่วมหลับนอนกับภรรยาของฉันใน(กลางวัน) ของเดือนรอมฎอนโดยที่ฉันถือศีลอดอยู่”
ท่านก็มิได้ตำหนิหรือดุด่าเขา แต่กลับกล่าวแก่เขาว่า “แล้วท่านมีพอที่จะปล่อยทาสหนึ่งคนไหม”
เขาตอบว่า “ไม่มี”
ท่านถามอีกว่า “แล้วท่านมีความสามารถที่จะถือศีลอดติดต่อกันสองเดือนเต็มได้หรือไม่”
เขาตอบว่า “ไม่สามารถทำได้”
ท่านถามว่า “ท่านมีพอที่จะเลี้ยงอาหารคนยากจนหกสิบคนหรือไม่?”
เขาตอบไปว่า “ไม่มี” แล้วเขาก็นั่งลง
จากนั้นก็มีผู้นำย่ามใส่อินทผลัมมอบให้ท่านนบี ท่านจึงมอบให้แก่ชายผู้นั้นแล้วพูดกับเขาว่า “เจ้าจงเอาไปบริจาคทั้งหมดนี้”
ชายผู้นั้นจึงพูดขึ้นว่า “จะให้เราเอาไปให้คนจนกว่าเราหรือ? แล้วในระหว่างสองภูเขาของเมืองมะดีนะฮฺนี้ คนที่ขาดแคลนยิ่งไปกว่าเราคงหาไม่พบ”
ท่านนบี จึงหัวเราะจนเห็นเขี้ยวของท่าน แล้วท่านกล่าวว่า “จงเอาไปเลี้ยงครอบครัวของท่านเถิด”
(บุคอรีย์-มุสลิม)
การมีคุณธรรมดี การมีจรรยามารยาทที่ดีของท่านนบี แสดงให้เห็นได้ชัดเจนมากในหะดีษข้างต้น ท่านมิได้ขู่ตะคอกชายคนนั้น มิได้ด่าว่าหรือประณามใดๆ อันเนื่องจาก ท่านมีความสุขุมเยือกเย็นขันติและมีวิทยาปัญญา เพราะท่านเห็นว่า ชายผู้นี้มาในสภาพที่เสียใจกลับตัวพร้อมกลัวการลงโทษ ดังนั้นท่านนบี จึงเห็นว่าเขาไม่สมควรจะโดนตำหนิหากแต่จะต้องบอกความถูกต้องให้ได้รับรู้ ด้วยการปฏิบัติต่อเขาอย่างนุ่มนวลและมีเมตตาธรรม
อีกประการหนึ่ง คือ มีผู้คนที่เดินทางไปทางประเทศแถบยุโรปตะวันตกได้พบว่าพวกเขามีจรรยามารยาทดี ในการปฏิบัติต่อผู้เดินทางไปในการซื้อการขายของพวกเขา ในเวลาเดียวกันก็จะพบว่ามีการหลอกหลวงโกหกหรือตลอดจนการขายสินค้าด้วยการสาบานเท็จในหมู่พวกเรามุสลิม มันมาจากสาเหตุอะไรกันแน่? หรือเนื่องจากพวกเขาเจริญรุดหน้ามากทางด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ทำให้พวกเขาดูเหมือนเป็นพวกมีคุณธรรมมีจรรยามารยาทดีจริงหรือ?
คำตอบคือ ท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า
“หากคนทั้งหลายนั้นจะได้รับตามที่พวกเขาอ้างแล้ว หลายคนก็จะมาอ้างเอาเลือดเนื้อและทรัพย์สินของคนอีกพวกหนึ่ง
แต่ว่าหลักฐานนั้น ผู้อ้างต้องนำมาแสดง..”
(บุคอรีย์-มุสลิม)
ตามที่เลื่องลือกันในหมู่ชนว่า ชาวตะวันตกมีทั้งคุณธรรมและจรรยามารยาทดี ไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด ในหมู่พวกเขานั้นมีการปฏิบัติที่ไม่ดี ซึ่งผู้ที่เดินทางไปจะทราบดี หากมองพวกเขาด้วยสายตาที่ยุติธรรมและเป็นกลาง โดยมิใช่สายตาที่เต็มไปด้วยการยกย่องเทิดทูนจนเกินไป
นักกวีได้กล่าวไว้ว่า
“และดวงตาของความพึงพอใจนั้น จะมองไม่เห็นข้อตำหนิ เช่นเดียวกับดวงตาของความโกรธ จะเห็นแต่ความผิด”
มีกลุ่มเยาวชนที่ได้เดินทางไปแถบยุโรปแล้ว พวกเขากล่าวว่าชาวยุโรปนั้นมีความประพฤติที่แย่มาก แต่พวกเขาจะสั่งสอนและกำชับกันในเรื่องการค้าขายให้ดูมีจรรยามารยาทที่ดี มิใช่ว่าพวกเขาเป็นพวกมีจรรยามารยาทที่ดีงาม หากแต่พวกเขาเป็นพวกวัตถุนิยม และผู้คนทั้งหลายเมื่อพบผู้มีความประพฤติดี ปลอดภัยในเรื่องนี้ เขาก็ให้ความสนใจชื่นชม นำไปสู่การซื้อสินค้า ทำให้ขายได้หมดอย่างรวดเร็ว เพราะได้รับการจูงใจให้ซื้อ จากการสร้างภาพและการส่งเสริมการตลาด
การที่พวกเขาทำเช่นนั้น มิใช่เพราะพวกเขาเป็นผู้มีมารยาทดีมีคุณธรรม หากแต่พวกเขาเป็นพวกทุนนิยม จำเป็นต้องสร้างกลยุทธ์ทุ่มเทการโฆษณาเชิญชวน อันเป็นเครื่องมือสำคัญให้ได้มาซึ่งการขายสินค้าได้ดีมีกำไร สร้างความมั่งคั่งในทรัพย์สินอย่างมากมาย นั่นคือ การสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเป็นผู้มีคุณธรรมดี เพียงเพราะต้องการครอบครองเพิ่มพูนทรัพย์สินเหล่านั้น
ดังที่อัลลอฮฺ ได้บอกลักษณะของพวกเขาไว้ในซูเราะฮฺอัลบัยยินะฮฺ อายะฮ์ที่ 6 ความว่า
“แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่อะฮฺลุลกิตาบและบูชาเจว็ด จะอยู่ในนรกญะฮันนัม พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นมนุษย์ที่ชั่วช้ายิ่ง”
ข้าพเจ้าไม่คิดว่า จะมีผู้ใดที่พูดจริงเกินไปกว่าที่อัลลอฮ์ตรัสไว้เกี่ยวกับพวกปฏิเสธ แล้วจะไปมุ่งหวังเอาความดีอะไรอีกจากพวกที่อัลลอฮ์บอกว่า “พวกเขาเป็นมนุษย์ที่ประพฤติชั่วช้าที่สุด” ข้าพเจ้าไม่เชื่อในเรื่องที่ผู้คนทั้งหลายเชื่อถือ แต่ที่พบเห็นว่าพวกเขามีความจริงใจ ความสุจริต และความชัดเจน และบริสุทธิ์ใจ ในการกระทำและความประพฤติเหล่านั้น เพราะพวกเขามีเป้าหมายใหญ่แอบแฝงอยู่ นั่นคือ เพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินและผลกำไร ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้พบเห็นพวกเขากดขี่ข่มเหงด้วยความไม่เป็นธรรม ความโง่เขลา และการรุกรานคนอื่นในอีกหลายๆสถานที่
ดังที่ทราบกันดีอยู่ตามดำรัสของอัลลอฮฺ ในซูเราะฮฺ อัลบัยยินะฮฺ ความว่า
“...ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นมนุษย์ที่ชั่วช้ายิ่ง”
การที่พบว่าบางส่วนในหมู่ของมุสลิม มีการโกหกหลอกลวง การฉ้อโกงผู้อื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม เนื่องจากว่ามุสลิมเหล่านั้นมีความบกพร่องในการนับถือศาสนา และการมีอีมานของพวกเขาตามขนาดของการฝ่าฝืนของหลักการศาสนา แต่มิได้หมายความว่า เมื่อมุสลิมบางส่วนฝ่าฝืนละเมิดกรอบของบัญญัติศาสนาในเรื่องต่างๆ แล้วจะทำให้ศาสนาอิสลามบกพร่อง เปล่าเลยศาสนาก็ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ หากแต่มุสลิมต่างหากที่ทำตัวไม่ดีต่อทุกสิ่ง ทำไม่ดีต่อศาสนาอิสลามทำไม่ดีต่อพี่น้องมุสลิม ตลอดจนทำไม่ดีต่อผู้คนในศาสนาอื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคมด้วย บุคคลจำพวกนี้ แท้จริงแล้วเขาทำไม่ดีในด้านศาสนาที่ตนเชื่อมั่นอยู่
ด้วยเหตุนี้ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามุสลิมทุกคนที่มีความพร้อม มีกำลังพอเพียงที่จะต่อสู้ขจัดเรื่องที่อิสลามไม่ยอมรับออกไป ทั้งการโกหกหลอกลวง การคดโกง การปลิ้นปล้อนและอื่นๆ
สำหรับประเด็นที่ว่า ใครจะดีกว่า ระหว่างบุคคลที่บกพร่องเรื่องศาสนาแต่มีจรรยามารยาทดี หรือบุคคลที่ปฏิบัติศาสนาเกือบจะครบถ้วนสมบูรณ์ ด้วยการทำตามหลักการศาสนาแต่เขามีจรรยามารยาทไม่ดี ดังคำพูดของท่านนบี ในคำตอบของท่านแก่นางอุมมุสละมะฮฺ ที่ว่า
“การมีจรรยามารยาทดีนั้นเอาไปสองความดีทั้งดุนยา และอาคิเราะฮฺ”
ไม่เป็นที่สงสัยว่า คนที่มีจรรยามารยาทดีนั้น คือคนที่มีศาสนาครบถ้วนสมบูรณ์ ดังที่กล่าวว่า
“บรรดามุอฺมิน ที่มีอีมานสมบูรณ์ที่สุด คือผู้ที่มีจรรยามารยาทดีที่สุด”
และจากแนวทางนี้ บุคคลที่มีจรรยามารยาทไม่ดีเพราะเขาบกพร่องในเรื่องศาสนา สรุปว่า ความสมบูรณ์แบบจากการมีมารยาทที่ดีจะทำให้ศาสนาของเขาสมบูรณ์
การมีจรรยามารยาทดี จะแสดงออกในรูปการปฏิบัติตนต่อพระผู้เป็นเจ้า ตลอดจนเพื่อนมนุษย์ได้อย่างดี ผลที่ได้รับจากคนที่มีจรรยามารยาทดีกับผู้อื่นจะทำให้เขาหันสู่อิสลาม หันเข้าสู่ศาสนา มากกว่าคนที่เคร่งครัดในศาสนาแต่จรรยามารยาทไม่ดี แต่ถ้าเป็นคนที่มีความสมบูรณ์ทั้งด้านศาสนา ทำอิบาดะอย่างเข้มแข็งและมีจรรยามารยาทดีงามนั้น จะเป็นผู้ที่สมบูรณ์และดีที่สุด
ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ ให้เราเป็นผู้ที่ยึดมั่นอยู่กับกิตาบุลลอฮฺ และซุนนะฮฺ ของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ทั้งที่ลับและเปิดเผย
ขอพระองค์ทรงโปรดให้เรามีความสำเร็จในเรื่องนั้น
ขอพระองค์ทรงช่วยคุ้มครองเราทั้งในโลกดุนยาและอาคิเราะฮฺ และ
ขอพระองค์ทรงอย่างให้เราหลงทางมีหัวใจเอนเอียงหลังจากที่พระองค์ได้ทรงนำทางไปแล้ว
ขอพระองค์โปรดให้ความเมตตายิ่งแก่เราเพราะพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงโปรดปรานอย่างที่สุด
แปลและเรียบเรียงโดย : อับดุลฆอนี บุณมาเลิศ
ที่มา อัลอิศลาห์ สมาคม